พันโท วันชนะ สวัสดี : ทหารของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-01-19 16:39:56
พันโท วันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด) ทหารต้นแบบ ผู้เสียสละเพื่อชาติ
หัวหน้าปฏิบัติการจิตวิทยา (ปจว.) กองกิจการพลเรือนทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก
สวัสดีครับพี่พันโทวันชนะ สวัสดีเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 34 นะครับแต่ถ้าเทียบเป็นโรงเรียนนายร้อย จปร. เนี่ยก็คือเป็นรุ่นที่ 45 ถ้าจำง่ายๆ ก็คือ 34 / 45 ครับ
ทำไมผู้พันเบิร์ดถึงอยากมาเป็นทหารคะ
ผู้พันเบิร์ด : ตอนเด็กๆ มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิกอยากเรียนสถาปัตย์ แต่พอโตขึ้นมาพอช่วงสัก ม.1-ม.2 คุณพ่อยากให้ไปสอบโรงเรียนเตรียมทหาร จริงๆ ตัวพี่เองมีความรู้เกี่ยวกับโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อย จปร. น้อยมาก ไม่รู้ด้วยว่าโรงเรียนอยู่ที่ไหนแล้วเค้าเรียนอะไรกัน แต่ตรงส่วนนั้นถือว่าไม่ใช่อุปสรรคสำคัญกับการที่เราจะเข้ามาเป็นทหาร ขอให้มีใจรักก็สามารถที่จะสืบสานความตั้งใจนั้นได้ พี่ก็มาสอบตามที่คุณพ่ออยากให้มาสอบพอมาสอบ ปีแรกพี่สอบปี ม.4 ในสมัยก่อนเนี่ยเตรียมทหารพี่รับ ม.4 เดี๋ยวนี้รับ ม.3 แล้วนะครับ พี่สอบแรกไม่ติดครับติดสำรองอันดับเจ็ด รู้สึกว่าเราเสียใจนะที่สอบไม่ติด พอ ม.5 พี่ไปสอบใหม่อีกครั้งนึง ก็ติดคราวนี้ติดตัวจริงแล้วนะครับก็เลยรู้ว่าถึงแม้ว่า ม.5 ไม่ติดเนี่ยพี่ก็สามารถที่จะไปเอ็นทรานซ์ได้นะครับแต่บังเอิญติดแล้วก็เลยต้องมาเป็นทหารอย่างที่ตั้งใจไว้แล้วก็ไม่ผิดหวังครับรู้สึกว่าอาชีพทหารเนี่ยเป็นอาชีพที่เหมาะกับตัวพี่มากที่สุดแล้วนะครับ มีความสุขแล้วก็มีทัศนคติที่ดีมากกับอาชีพทหาร
ความรักและศรัทธาในอาชีพทหาร เริ่มต้นขึ้นในรูปแบบไหน
ผู้พันเบิร์ด : บริบทแวดล้อมของการเป็นทหารครับ นั่นหมายถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ความสมัครสมานสามัคคีที่เกิดขึ้นในหน่วยงาน ความมีผู้บังคับบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชา ความรักในหน่วยงานด้วยกันเองของบุคคลที่อยู่ในกองทัพเนี่ยทำให้เรารู้สึกประทับใจนะครับอันนี้คือส่วนของการทำงานแต่ในขณะเดียวกันส่วนของการทำงานเนี่ยนะครับมันจะถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่สมัยที่เราเรียนโรงเรียนเตรียมทหารในสมัยที่เราเรียนโรงเรียนนายร้อยก็มีความรักในวงเพื่อนฝูงนะครับ สิ่งเหล่านี้มันทำให้รู้สึกได้ว่าบริบทแวดล้อมของความเป็นทหารเหมาะสมกับตัวพี่ เพราะฉะนั้นพี่ก็มีความรู้สึกว่าชอบแล้วก็รักในอาชีพนี้ อันนี้คือส่วนของบริบทแวดล้อมในทางกายภาพที่มองเห็นได้ ต่อมาบริบทแวดล้อมที่มันมองเห็นไม่ได้ในเรื่องของจิตใจ ในเรื่องของทัศนคติและอุดมคติหรือจุดมุ่งหมายเป้าหมายของความคิดที่ทหารมีต่อประเทศชาติ มีต่อประชาชนนะครับ แล้วก็ที่ทหารมีต่อบุคคลโดยทั่วๆ ไปไม่ว่าจะเป็นประชาชนในประเทศเดียวกันหรือว่าทหารมีต่อบุคคลที่อยู่ต่างประเทศที่เป็นคนต่างชาติ เหล่านี้เนี่ยมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจแล้วก็ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนทำให้บริบทแวดล้อมทั้งกายภาพและทางจิตใจทำให้รู้สึกว่าเหมาะกับตัวพี่เอง พี่ถึงชอบครับ
การเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด หมายถึงอะไรคะ
ผู้พันเบิร์ด : ภัยคุกคามรูปแบบใหม่มันได้เกิดขึ้นในประเทศเราเยอะแยะมากมาย ภัยคุกคามเหล่านั้นเนี่ยมันเป็นหน้าที่โดยตรงของประชาชนทุกคน เช่น ยาเสพติด ภัยของการก่อการร้ายข้ามชาติ ภัยของทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้กันจนขาดสมดุล ภัยจากธรรมชาติ ภัยจากความยากจน ภัยจากการแตกสามัคคี เหล่านี้เป็นภัยที่บั่นทอนความเจริญของชาติเป็นหน้าที่ของคนทุกคนรวมถึงทหารด้วย คำว่าเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด มันเกิดขึ้นมานานแล้วครับ เราได้รับการฝึกฝนที่แตกต่างจากบุคคลโดยทั่วไป ทั้งทางด้านร่างกายแล้วก็จิตใจและในขณะเดียวกัน เราสามารถที่จะ ช่วยเหลือผู้อื่นในหน้าที่ของเรานะครับหรือในปัจจุบันที่ทุกคนเรียกมันว่าจิตอาสา จิตอาสามันอยู่ในหน้าที่ของทหารทุกคน พี่จึงอยากจะฝากไปบอกน้องๆ ทุกคนว่า จิตอาสาไม่ใช่เป็นเพียงแต่การสมัครใจแล้วนะครับแต่จิตอาสานั้นจะเป็นหน้าที่ของน้องทุกคน ของคนไทยทุกคนที่จะต้องมีจิตอาสา ส่วนจิตอาสาเหล่านั้นเนี่ยจะทำอะไรเนี่ยน้องๆ ทุกๆ คนต้องเลือกเอาเองให้เหมาะสมกับตัวเราเองแต่ต้องมีนะครับเป็นหน้าที่ ต้องลองมาสัมผัสดูครับ
ในส่วนของน้องๆ ที่อยากจะมาสัมผัสความเป็นทหาร ก็มาได้หลากหลายรูปแบบ ถ้าน้องตั้งใจที่จะเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. ตั้งใจที่จะเรียนโรงเรียนนายเรืออากาศ ตั้งใจที่จะเรียนโรงเรียนนายเรือก็สามารถมาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ แต่ถ้าสอบไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ น้องก็ไปเรียนปริญญาตรีนะครับแล้วก็กลับมาสอบมาเป็นนายทหารได้นะครับ หรือบางท่านไปสอบโรงเรียนนายสิบก็สามารถไปสอบได้แล้ววนกลับมาใหม่หรือบางคนไปเกณฑ์เป็นทหารกองประจำการแล้วเมื่อปลดแล้วก็จะเป็นทหารได้ คือสมัครจากกองหนุนเข้ามาเป็นทหาร โรงเรียนช่างฝีมือทหารก็สามารถจะเป็นทหารได้เหมือนกัน น้องชอบดนตรีและอยากเป็นทหารด้วยก็ไปเรียนที่โรงเรียนดุริยางค์ทหารบกได้ แต่ถ้าน้องบอกว่าไม่เอาแล้วน้องอยากเป็นหมอ น้องอยากเป็นพยาบาลก็สามารถไปเรียนหมอเรียนพยาบาลในส่วนของกองทัพบกแล้วก็เป็นทหารได้อีกด้วย
แต่อีกส่วนหนึ่งที่น้องสามารถที่จะสนับสนุนกิจการของทหาร น้องทุกคนสามารถมีความเป็นทหารอยู่ในตัวได้เหมือนกัน น้องไปเรียนนักศึกษาวิชาทหารครับ ไปเรียนรด.ก็จะสามารถที่จะช่วยกิจการของทหารได้ แต่ถ้าน้องคิดว่าหลังจากนี้ไปน้องไม่ได้มาอยู่ในแวดวงของทหารเลย น้องสามารถช่วยงานของกองทัพได้ในทางอ้อมด้วยก็คือกิจการใดก็ตามที่น้องสามารถที่จะหยิบยื่นมือ หยิบยื่นความช่วยเหลือ หยิบยื่นความสามารถของน้องๆ ที่จะมาช่วยกิจการของกองทัพ น้องก็จะมีโอกาสตลอดเวลาครับ เพราะว่ากองทัพต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้เพื่อที่จะนำความช่วยเหลือเหล่านั้นนะครับไปช่วยกับประชาชนโดยทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น อุทกภัยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีหน่วยงาน ห้างร้านหลายๆ ที่นะครับมาจับมือกับทหาร จับมือกับกองทัพลงไปช่วยประชาชน เพราะฉะนั้นน้องก็สามารถจะสนับสนุนงานของกองทัพได้ เพราะพี่จะฝากไปบอกว่าน้องทุกคนเป็นทหารของชาติอยู่แล้ว น้องต้องช่วยกันปกป้องประเทศชาติต่อสู้ภัยทุกภัยที่จะบั่นทอนความเจริญร่วมกันกับประชาชนทุกคนร่วมกันกับทหารทุกคนเพราะฉะนั้นน้องคือทหารของชาติครับ
การเตรียมตัว เตรียมความพร้อมในด้านร่างกายและทัศนคติ เพื่อสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
ผู้พันเบิร์ด : น้องที่มีความประสงค์และมีความรักความชอบอยากจะมาเป็นนักเรียนเตรียมทหารก็ไม่ยากครับ น้องเตรียมสองอย่างนะครับคือเรื่องของร่างกายในสิ่งที่เราต้องเตรียม เรื่องของจิตใจนะครับแล้วก็เรื่องของความรู้นะครับสามอย่าง ร่างกาย จิตใจ ความรู้ ความรู้เนี่ยตัวพี่เองเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ อาศัยขยันความมุมานะขยันอดทน ตั้งใจจริงที่จะเป็นทหารให้ได้ ต้องอดทนขยันอ่านหนังสือ พยายามหาแนวข้อสอบต่างๆ มาทำบ่อยๆ นะครับ เพราะว่าแนวข้อสอบ เป็นสิ่งสำคัญในการที่จะเสริมสร้างความรู้ของเราเพื่อที่จะนำไปสอบทางวิชาการ ส่วนทางด้านร่างกายน้องก็ต้องออกกำลังกายเป็นประจำนะครับ วิ่ง ออกกำลังสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่ไม่ต้องกังวลมากเพราะถ้าเราไม่ค่อยแข็งแรงมากนักเราก็สามารถจะไปฝึกฝนได้เมื่อสอบเข้าไปได้แล้วและเดี๋ยวน้องจะแข็งแรงเองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ในส่วนของเรื่องของจิตใจที่พี่พูดถึงนั้นก็คือ จะต้องมีใจรักก่อนนะครับ มีใจรักแล้วก็ศรัทธาในสถาบันของทหารและเมื่อน้องเข้ามาเป็นทหารจริงๆ แล้วน้องจะมีความสุขกับมันนะครับ สามสิ่งนี่แหละครับที่เป็นสิ่งสำคัญที่พี่อยากจะฝากไปถึงน้องทุกคน
อะไรคือสิ่งที่ผู้พันยึดมั่นในการเป็นทหารคะ
ผู้พันเบิร์ด : สิ่งที่พี่ยึดมั่นในความเป็นทหารของพี่ก็คือ ประเทศชาติ จากคำขวัญที่ว่า “หวงคำนึงถึงตนมิได้ขาด หวงคำนึงถึงชาติจึงน้อยลง” ความเสียสละของทหารทุกๆ คนในกองทัพนะครับจะเป็นสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเค้าอยู่แล้ว พวกเค้าเข้ามาเป็นทหารไม่ว่าจะเป็นระดับพลทหาร นายสิบ นายทหารหรือแม้กระทั่งนายทหารชั้นนายพลหรือคนที่เกษียณอายุไปแล้ว อุดมการณ์เหล่านี้เนี่ยจะอยู่ในตัวตนของทหารทุกคนนะครับ แล้วบางทีมันอยู่ฝังลึกลงไปในจิตสำนึกโดยที่ถ้าคนไม่ได้มาเป็นนะครับบางทีก็เล่าไม่ได้บอกไม่ได้ต้องให้ตัวทหารเหล่านั้นน่ะเล่าให้ฟัง สิ่งเหล่านี้เป็นอุดมการณ์ที่มันฝังอยู่ในตัวทหารทุกคนและเป็นสิ่งที่ทหารทุกคนยึดมั่นรวมถึงทั้งตัวผมด้วยครับ
แล้วอะไรที่ทำให้พี่ๆ ทหารทุกคนเข้มแข็ง ทั้งกายและใจแต่ก็มีมุมที่อ่อนโยน
ผู้พันเบิร์ด : จริงๆ แล้วทหารนี่นะครับเป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนะครับมีเสียใจร้องไห้ดีใจผิดหวังท้อแท้มีหมดนะครับ แต่สิ่งที่ทำให้เค้ามีความเข้มแข็งทางด้านจิตใจแล้วก็ร่างกายเนี่ยเกิดขึ้นจากการฝึกฝนเป็นประจำ จากสถานการณ์ต่างๆ ที่มันบีบคั้นแล้วได้ผ่านสถานการณ์เหล่านั้นมาได้นะครับ ทหารนี่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่หนึ่งข้อ เหนื่อยก็เหนื่อยได้ หิวก็หิวได้ ง่วงก็ง่วงได้นะครับแต่ทหารทุกคนจะไม่มีคำว่าถอดใจในภารกิจทุกภารกิจ เพราะฉะนั้นเค้าอาจจะท้อแท้บ้างอะไรบ้างแต่เค้าไม่ถอดใจ เหล่านี้แหละครับมันเกิดขึ้นจากการฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ
มีการปลูกฝังเรื่องความอ่อนโยน มีน้ำใจ และเสียสละ เพื่อชาติและส่วนรวมอย่างไรบ้างคะ
ผู้พันเบิร์ด : ในอีกมุมมองของทหารนะครับ ความเป็นมิตรในความอ่อนโยนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหล่านี้ ทหารไม่ได้มีความแตกต่างไปจากประชาชนโดยทั่วไปเลยครับ เราก็คือเป็นประชาชนคนหนึ่ง เวลาเราเห็นภาพของคนที่ได้รับความเดือดร้อน เราก็มีความสงสารเพราะว่าเค้าเอง ก็คือญาติพี่น้องกัน ผมอยากให้ทุกคนมองทหารเป็นญาติพี่น้อง เป็นคนในครอบครัวของทุกๆ ท่านนะครับ เราก็รักทุกๆ คนเหมือนกับทุกๆ คนเป็นครอบครัวของเราเช่นกัน เพราะว่าเราถือว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามประชาชนโดยทั่วไปนะครับ มีความเป็นอยู่ที่ดีกองทัพก็จะมีความสุขแล้วเราก็จะทำงานน้อยลงด้วยนะครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ทุกคนยังมีความเดือดร้อนอยู่นั่นก็หมายถึงงานของกองทัพก็ยังคงต้องมีอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่จะสร้างให้เกิดความผาสุกได้เนี่ยกองทัพก็ต้องลงไปทำนะครับ เพราะฉะนั้นจิตใจที่โอบอ้อมอารีเหล่านี้เนี่ยนอกจากการฝึกมาแล้วนะครับก็คือสิ่งที่เราเห็นจริงด้วยประสบการณ์จริงด้วยแล้วเรารักทุกๆ ท่านประชาชนทุกคนเหมือนทุกคนเป็นญาติของเรา
เราจะปลูกฝังเรื่องความอดทน เสียสละ และมัวินัยให้กับเยาวชนของไทยอย่างไรบ้างคะ
ผู้พันเบิร์ด : ทหารจะไม่มีคำว่าถอดใจ นั่นก็คือวินัยครับ แล้วผมเห็นว่าวินัยเนี่ยเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งนะครับ ผมมีเรื่องตัวอย่างที่ยกให้ฟังนะครับก็คือว่าน้องทหารคนหนึ่งอายุ 21 ปีเข้ามาเป็นพลทหารแล้วลงไปช่วยอุทกภัย เค้าบอกผมว่าเมื่อก่อนเค้าติดยาเสพติดแม่เค้าเนี่ยอยากให้เค้าเลิกยาเสพติดก็ส่งเค้ามาเป็นพลทหารเพื่อจะมาเลิกยาเสพติด เค้าก็บอกว่าในชีวิตของเค้าเมื่อก่อนนี้ก็คือติดยาเสพติด ขับมอเตอร์ไซด์อยู่ตามหมู่บ้าน ไม่มีใครเห็นคุณค่าของเค้า มองเค้าว่าเป็นคนที่เกเรนะครับ แต่พอวันหนึ่งเค้าได้มาเป็นทหารแล้วเนี่ยเค้ารู้สึกว่าเค้ามีวินัย เค้ารู้สึกว่าภาคภูมิใจในการที่ได้ไปช่วยคนอื่น ขณะเดียวกันเค้าบอกกับผมเองว่าเค้าได้ค้นพบตัวตนของเค้าเองเจอ เค้ารู้สึกว่าตัวเค้ามีคุณค่าเมื่อมีคนส่งของให้ ยิ้มให้ ขอบคุณเค้า อันนี้แหละครับคือสิ่งสำคัญ และวินัยที่ผมพูดถึงคือน้องคนนี้ เล่าให้ผมฟังว่าถ้าเค้าอยู่ที่บ้านปกติเนี่ยเค้าไม่มานั่งอดตาหลับขับตานอนกรอกกระสอบทราย แต่ในวันนี้เนี่ยเค้าสามารถที่จะกรอกกระสอบทรายเป็นประจำทุกวี่ทุกวันทำได้เพราะสิ่งเดียวคือเค้ามีวินัยแล้วเค้ารักในหน่วยงานนี้ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าความมีวินัยเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดไปสู่เยาวชนของชาติโดยภาพกว้างๆ ผมเชื่อว่าประเทศชาติเราจะมีความพัฒนา ขึ้นนะครับ แล้วก็พัฒนาได้ไกลขึ้นด้วย
ความมีวินัยเหล่านี้ปลูกฝังได้ง่ายมากโดยเริ่มจากครอบครัว ผมคิดว่าพ่อแม่จะต้องช่วยกันปลูกฝังความมีวินัยเหล่านี้ แบบอย่างที่ดีนะครับจะต้องให้เยาวชนของเราได้เห็นแล้วก็ได้ปฏิบัติตาม เราจะต้องสร้างความมีแบบอย่างที่ดียกตัวอย่างให้เค้าได้ฟัง ให้เค้าได้เห็น ได้อ่านได้รู้นะครับ แล้วก็ง่ายๆ ก็คือว่าครูก็ต้องมีส่วนช่วยด้วยเพราะฉะนั้นพ่อแม่แล้วก็ครูบาอาจารย์เนี่ยนะครับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกันปลูกฝังวินัยเหล่านี้ให้กับเยาวชนของชาติ
นิยามเรื่องการแบ่งปันและการให้ของผู้พันเบิร์ด
ผู้พันเบิร์ด : การให้สร้างความสุขให้กับตัวเราเองนะครับ เราจะให้ทุกครั้งที่มีโอกาสนั่นคือสิ่งที่ผมยึดเสมอครับ สิ่งใดที่เราเคยทำสร้างสรรค์ความดีมาและยังไม่สำเร็จผมจะพยายามสร้างสรรค์ในสิ่งเหล่านั้นให้สำเร็จ แล้วผมอยากที่จะมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์ความดีในการให้เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ทุกโอกาส แล้วผมจะไม่ทิ้งโอกาสนั้นไปนะครับ นี่คือผมยึดมั่นอยู่เสมอในเรื่องของการให้ครับ
สมัยเป็นนักเรียนทหารมีวิชาไหนหรือว่าเป็นกิจกรรมไหนหรือวีรกรรมอะไรที่มีอยู่ในความประทับใจบ้างคะ
ผู้พันเบิร์ด : ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยนะครับ ประทับใจอยู่สามสิ่ง สิ่งแรกเลยก็คือผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ ซึ่งทูลกระหม่อมอาจารย์ที่ผมพูดถึงนะครับก็คือสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ท่านทรงเป็นทูลกระหม่อมอาจารย์ของนักเรียนนายร้อยทุกคนในวิชาประวัติศาสตร์ สิ่งที่สองก็คือความสนุกสนาน ความสมัครสามัคคี ความสัมพันธ์ที่เกิดระหว่างตัวผมแล้วก็เพื่อร่วมรุ่นนะครับ แล้วก็สิ่งที่สามที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผมก็คืออุดมการณ์นะครับ ความเข้มแข็งร่างกายจิตใจ อุดมการณ์ของความเป็นทหารที่โรงเรียนนายร้อยได้สอนให้ไม่ว่าจะเป็น นายทหารปกครองหรือแม้กระทั่งข้าราชการที่ทำงานอยู่ที่โรงเรียนนายร้อย ช่วยสร้างสมประสบการณ์ สร้างสมอุดมการณ์ให้กับผม สามสิ่งนี้ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผมในระหว่างที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนนายร้อย
บุคคลต้นแบบที่มีส่วนความคิด มีผลกระทบในการดำเนินชีวิตของผู้พันเบิร์ดคือใครคะ
ผู้พันเบิร์ด : ผมจะมีบุคคลต้นแบบหลายๆ ท่านเพราะสถานการณ์ของตัวผมเองนั้นเนี่ยไปอยู่เกี่ยวข้องกับหลายสถานการณ์นะครับยกตัวอย่างเช่น บุคคลต้นแบบทางการทหารเราก็จะมีทั้งคนไทย คนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเองเนี่ยนะครับ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับกองทัพนะครับหรือแม้กระทั่งนายทหารที่อยู่ในต่างประเทศ นายพลต่างๆ ที่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศของเค้าเองนะครับ
เชิญชวนเด็กๆ ของเรามาเป็นส่วนหนังในสังคมแห่งการแบ่งปัน
ผู้พันเบิร์ด : พี่อยากจะเชิญชวนให้น้องๆ ทุกคน อย่าเขินอายที่จะทำความดีเพราะจิตอาสาเป็นหน้าที่ของทุกคน เมื่อไหร่ก็ตามที่น้องสำนึกได้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นหน้าที่น้องก็จะสามารถสร้างสรรค์ความดีให้กับสังคมและทำความดีเล็กๆ เมื่อรวมกันแล้วใหญ่ขึ้นๆ จนกลายเป็นสิ่งที่สามารถขับเคลื่อนให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าไปแล้วอยู่กันอย่างมีความสุขได้ ความดีเล็กๆ น้อยๆ และความมุ่งมั่นในความดีของน้องๆ เนี่ยนะครับจะเป็นพลังในการที่จะรวบรวมให้คนไทยมีความสุขมีความรู้เท่าทันแล้วเราจะอยู่ได้อย่างมีความสุขโดยอยู่ได้ในประชาคมโลก ไม่ใช้อยู่ได้อย่างเดียวแต่อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีด้วย เพราะฉะนั้นเชิญชวนให้น้องๆ ทุกคนนะครับ จิตอาสาเป็นหน้าที่ของน้องทุกคน
ความคิดเห็นเรื่องการแบ่งปันความรู้ และการศึกษาของเยาวชน
ผู้พันเบิร์ด : เป็นหน้าที่ของน้องทุกคน เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนครับในการที่จะศึกษาให้ได้ความรู้และนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์และในขณะเดียวกันถ้าน้องต้องการให้ความรู้เหล่านั้นอยู่อย่างยั่งยืนน้องมีหน้าที่อย่างยิ่งครับที่ต้องนำความรู้เหล่านั้นถ่ายทอดสู่เยาวชนรุ่นหลังน้องๆ ต่อๆ ไปเพื่อให้สิ่งเหล่านั้นอยู่ได้อย่างคงทนแล้วก็ยั่งยืนครับ