www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > คนต้นแบบ

วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ : แรงบันดาลคน คนบันดาลใจ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2011-11-01 11:19:50

  

การที่ใครสักคนจะเติบโตขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบทางความคิด หรือทางการกระทำของใครอีกหลายๆ คนได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติสำคัญประการใดบ้าง?   คำถามข้อนี้คือคำถามที่ท้าทายต่อทั้งผู้ถามและผู้ตอบ เพราะความสำเร็จของแต่ละคนนั้นมีขนาดและระดับต่างกัน แต่สำหรับผู้ชายคนนี้  วงศ์ทนงค์ ชัยณรงค์สิงห์  เขาเป็นคนที่ไม่ต้องลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับใครๆ ว่า ผมคือต้นแบบ ทว่าสิ่งที่เขาได้คิด ได้ริเริ่ม ได้สร้างสรรค์ และต่อยอดนั้น คือสิ่งที่เป็นต้นแบบโดยสมบูรณ์ของตัวเอง

           สวัสดีครับ ผม ชื่อ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ เป็นผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day และ a day Foundation ครับ

ถ้ามีน้องคนหนึ่งลุกขึ้นมา และบอกว่า “ผมพร้อมที่จะเป็นไอดอล (คนต้นแบบ)”  คุณโหน่งคิอว่า คุณสมบัติของคนๆ นี้ จะต้องมีอะไรบ้าง 

- ก่อนอื่น ผมว่า เป็นเรื่องดี ที่คนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะคนยุคใหม่ จะมีคนที่ยึดถือว่าเป็นไอดอล ผมว่า ไอดอล คือ คนที่เค้าชื่นชม ในผลงาน ในวิถีชีวิต ในสิ่งที่เค้าทำ   ถ้าเรามีคนที่ยึดถือเป็นแนวทางสักคน มันจะทำให้ทางเดินของเราไม่สะเปะสะปะ  มีแรงบันดาลใจ และมีแรงผลักดันที่ทำให้อยากเป็นให้ได้อย่างเขา

สำหรับคนที่อยากจะเป็นไอดอล ผมคงตอบแทนทุกคนไม่ได้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง เค้าต้องเป็นคนที่ทุ่มเท มุ่งมั่น ในสิ่งเขาทำและสิ่งที่เขาเชื่อ  คนที่เป็นไอดอลต้องประกอบด้วยคนที่มี Passion รุนแรง มีความมุ่งมั่นปรารถนาที่มหาศาล พยายามฝึกฝนตัวเอง พัฒนาตัวเอง หาความรู้ให้ตัวเอง และมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ฝันทำให้เป็นจริงให้ได้  ฉะนั้น ก่อนที่จะประกาศตัวว่าเป็นไอดอล ผมว่าคุณควรจะผ่านขั้นตอนนี้ให้ได้ก่อน

 การเคลื่อนไหวของคุณโหน่งนับจากปีนี้ ต่อไปอีก 5 ปี เป็นอย่างไร

-  เป็นคำถามที่ดีครับ จริงๆ แล้ว เริ่มต้นเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานหนังสือ หลังๆ ก็มีงานโทรทัศน์ งานสื่อสารมวลชน หรือว่า งาน ส่วนตัว ผมไม่เคยมีความคิดว่า จะเป็นแบบอย่างให้ใครได้ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมรักมากๆ มีความเชื่อและศรัทธากับมัน  แต่วันหนึ่ง มีคนรุ้สึกชื่นชอบในสิ่งที่ผมทำ รู้สึกว่าเป็นแบบอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้เค้าได้ ผมก็รู้สึกแฮปปี้มากเลยครับ  และยอมรับว่า รู้สึกภูมิใจครับ

สิ่งที่ผมเชื่อมากในชีวิตของผม คือ คุณค่าของคนที่เกิดมา สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขาก็คือ การที่เขาสามารถสร้างสรรค์ให้กับคนอื่น ให้กับสังคมได้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำให้ตัวเขาเองประสบความสำเร็จ ผมไม่เชื่อเรื่องการประสบความสำเร็จโดยลำพัง ผมว่าการประสบผลสำเร็จ ที่น่าภาคภูมิใจ คือ การลงมือทำอะไรสักอย่าง และมันมีประโยชน์กับผู้คน กับสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ผมเชื่อมากๆ คือการ educate คน  ผมว่าประเทศเรายังขาดการให้การศึกษาที่มากพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่  เพราะฉะนั้น พอมีโอกาสเมื่อไร ผมจะให้การ educate  ( ให้ความรู้) กับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง คุณค่าที่แท้จริงของชีวิต ซึ่งมันไม่ใช่การประสบผลสำเร็จในด้านเงินทอง หรือชื่อเสียง แต่มันคือ การที่คุณได้พิสูจน์ว่า ชีวิตคุณมันมีคุณค่าสำหรับผู้คน สำหรับสังคมหรือเปล่า

 

อีก 5 ปีต่อจากนี้ มีโครงการที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือเริ่มไว้แล้วและจะสานต่ออะไรบ้าง     

-  ผมว่า ในปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญมากๆ อย่างหนึ่งสำหรับผม ซึ่งฝันไว้นาน และก็ได้ทำซะที คือ มูลนิธิ a day  หรือ a day Foundation ผมอยากทำงานเพื่อสังคมมานานแล้วครับ พอถึงวันหนึ่งที่ธุรกิจผมอยู่ได้สบายๆ พูดง่ายๆ คือ หายห่วงแล้ว ผมก็พอมีเวลาที่จะทำในสิ่งที่ผมอยากทำ   A day Foundation จะทำงานเกี่ยวกับ 3 เรื่อง คือ 1) ปัญหาสังคม 2) การศึกษา 3) สิ่งแวดล้อม เพราะฉน้น ผมว่า อันนี้น่าจะเป็นหมุดหมายที่สำคัญในชีวิตผม ที่ผมอยากจะทำให้มันมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืนครับ ผมอดคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ผมจะทำก็ได้  

ผมว่า คนทุกคนจะต้องตระหนักว่า ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม ทุกสิ่งทุกอย่าง ตัวเรามีส่วนทำให้มันเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย เพราะฉนั้น การยกภาระการแก้ปัญหาสังคมให้กับองค์กรหรือภาครัฐนั้น ผมว่าเป็นเรื่องที่อาจจะไม่เพียงพอ คนที่สามารถลุกขึ้นมาช่วยแก้ไขปัญหาสังคมได้ดีที่สุด ก็คือ พวกเราทุกคนครับ คนทุกคนที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนกลุ่มหนึ่งที่ผมหวังมาตลอด ก็คือ คนรุ่นใหม่ พวกวัยรุ่น คนหนุ่มสาว

ผมสนใจเรื่องปัญหาหลายๆ อย่างในสังคมครับ ผมเคยเรียน ปัญหาสังคม (Social Problem) มา ซึ่งผมคิดว่า 3 อย่างที่มันสำคัญมากๆ ในอนาคตข้างหน้า คือ เรื่องปัญหาสังคม เรื่องการศึกษา และเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนผลกระทบหลายๆ อย่าง   สิ่งนี้ ทำให้ผมตั้ง a day foundation ขึ้นมา เพื่อตั้งใจให้เป็น volunteer agency  คือเป็นเอเจนซี่ที่คิดงานโครงการเพื่อแก้ปัญหาสังคมขึ้นมา และพยายามที่จะชักชวนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ให้มาลองทำงานอาสาสมัครดู  ซึ่งที่ผ่านมา ผมก็ทำไปหลายโปรเจ็ค ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการแก้ปัญหาสังคม ตอนนี้มีโปรเจ็คในมือผมหลายโปรเจ็คมากจนทำไม่ทัน แต่ผมแฮปปี้มากเลย แล้วรอดูนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นจาก a day Foundation ต่อไป

 

วิธีตั้งคำถามและตอบตัวเองอย่างที่คุณโหน่งใช้ว่า เราต้องการอะไร เราอยากเป็นใคร เรามุ่งหวังอะไร

- ผมว่า ก่อนที่เราจะตั้งคำถามกับตัวเอง และให้คำตอบกับตัวเองได้นั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่วัยรุ่นไทยขาด คือ ความชัดเจนในตัวเอง การเข้าอกเข้าใจในตัวเอง ซึ่งเป็นภาวะของคนหนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัย ที่สับสนในชีวิตตัวเอง ไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน  เพราะฉะนั้น ผมแนะนำว่า ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ชัดเจน คุณต้องคุยกับตัวเองให้เคลียร์ก่อนนะครับว่า ความฝันความหวังในชีวิตคุณคืออะไร รวมถึงกลับไปตรวจสอบตัวเองว่า ชีวิตคุณมีอะไรที่ถือว่าเป็นจุดแข็ง จุดอ่อนหรือด้อยทักษะความสามารถในเรื่องอะไร และใช้เวลาที่เหลือในการพัฒนาและปรับปรุงตัวเองให้เก่งขึ้นมาให้ได้

ผมคิดว่า การค้นหาตัวเองให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องยาก ผมว่าการค้นหาคนอื่นยากกว่าตั้งเยอะ (หัวเราะ) ผมถึงแปลกใจเวลาเด็กรุ่นใหม่พูดว่า ค้นหาตัวเองไม่เจอ หรือม่รุ้ว่าชอบอะไร ผมว่าสาเหตุสำคัญเพราะว่า ยุคสมัยนี้ คนส่วนใหญ่มัวแต่ใช้เวลาไปคอนเน็คกับคนอื่น ซึ่งโลกยุคนี้เป็นโลกของ Social network และ social media  มีแต่การคอนเน็คกับคนอื่นเยอะแยะ แต่คนๆ หนึ่งที่เราลืม คือ คอนเน็คกับตัวเอง   คำแนะนำแรกที่ผมมักจะบอกเด็กๆ เวลามาถามถึงวิธีค้นหาตัวเอง   คือ  ลองหยุดคอนเน็คกับคนอื่น หรือเพลาๆ ลงบ้าง แล้วหันมาคอนเน็คกับตัวเอง พูดคุยกับตัวเอง ตรวจสอบความคิดความรู้สึก เป้าหมายในชีวิตลึกๆ ของเรา ว่าเราอยากเป็น เราอยากทำอะไร เราอยากเห็นตัวเองอยู่ตรงไหนใน 10 ปี 20 ปี หรือว่าบั้นปลายชีวิต ผมว่าเมื่อคุณได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว เมื่อนั้น ง่ายเลย ทุกอย่าง

 

งานคิดกับงานเขียนของคุณโหน่งมีจุดร่วมหรือจุดแตกต่างอย่างไรบ้าง

-  ผมไม่รู้ว่าคนอื่นมองผมอย่างไรนะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมากๆ คือ เรื่องการใช้ชีวิต ซึ่งพูดบ่อยจนคนล้อว่าเป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยมาก ก็คือ ชีวิตจริงๆ แล้วมีไว้ให้เรามาใช้มัน ไม่ใช่ให้มันมาใช้เรา ดังนั้น จงลุกขึ้นมาใช้ชีวิต เพราะผมเห็นคนจำนวนมากไมได้เลือกใช้ชีวิตเองครับ อาจจะเพราะต้องเลือกชีวิตแบบที่ครอบครัวชอบ แบบที่สังคมให้ค่า ที่เรียกกันว่า ค่านิยม ซึ่งบางอย่างก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก ผมว่าที่สุดแล้ว ชีวิตของเราเราควรจะเลือกเอง ใช้เองในวิถีที่เรามีความสุข มีความภูมิใจ รู้สึกว่า มันมีคุณค่ากับเราครับ   เพราะฉะนั้น งานเขียนของผมทุกชิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปคอลัมน์ หรือ หนังสือ หรือแม้กระทั่ง คำพูด ก็คงจะจับได้ว่า ผมมักจะกระตุ้นให้คนลุกขึ้นมาใช้ชีวิต จนคนชอบบอกว่า ผมเป็นนักปลุกใจ (Motivator ) สร้างแรงบันดาลใจ ให้สู้ ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ แต่คนจำนวนมากชอบขาดกำลังใจครับ ซึ่งผมพอจะมีเหลืออยู่บ้างก็เลยแบ่งให้เขาครับ เพราะฉนั้นจุดร่วมคงอยู่ตรงนี้ครับ นอกจากนี้ ผมเป็นคนพูดไม่ยาก ชัดเจน และเป็นมิตร ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะหนึ่งของผม

ผลงานที่ภูมิใจที่สุด

- ความจริงผมทำงานมาเกือบ 20 ปีนะครับ แต่ว่า ในช่วง 12 ปีนี้ เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นกับช่วงชีวิตผมก็คือ การกำเนิดนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่ชือว่า a day และกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผม แม้แต่กลายเป็นนามสกุลผมด้วย ว่า โหน่ง a day ซึ่งผมภูมิใจกับมันและแฮปปี้กับมัน ที่ว่า หนังสือที่ผมทำสามารถสร้างความคิดสร้างสรรค์ ให้ความฝัน ให้แรงบันดาลใจ กับผู้คนได้ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ก็ถือว่า a day นี่ถือว่า เป็นผลงานชิ้นสุดยอดครับ

ส่วนสิ่งที่ผมยังทำไม่สำเร็จ เพราะว่า ผมเพิ่งเริ่มทำ ก็อาจจะเป็น a day Foundation ครับ ผมเพิ่งเริ่มทำเมื่อ 5-6 เดือนที่ผ่านมานี่เอง และทำแค่คนเดียวทั้งมูลนิธิ เป็นประธาน ทำทุกอย่าง  แต่ผมก็ยังมีความหวัง มีไอเดีย เยอะแยะมากมาย กับมูลนิธินี้  และอยากจะทำให้เข้มข้นกว่านี้  อีกอย่างหนึ่งที่เพิ่งทำเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา คือ ผมเพิ่งไปชวนโดม ปกรณ์ ลัม ตั้งมูลนิธิ Dome Foundation เพราะผมได้แรงบันดาลใจจาก วอร์เรน บัฟเฟตครับ เค้าจะพยายามไปจูงใจเศรษฐีในโลกนี้ ให้มีใจบริจาคเงินให้สังคม คืนให้สังคม ผมเห็นคนมีชื่อเสียงในสังคมไทยหลายท่านก็ทำบุญ แต่ไม่ได้ตั้งเป็นมูลนิธิให้เป็นเรื่องเป็นราวแบบเมืองนอก ผมเลยตั้งใจว่า ผมจะไปชักจูงบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ ซึ่งก็เป็นพี่ๆ น้องๆ ในวงการ ลุกขึ้นมาตั้งองค์กรการกุศลทำอะไรเพื่อสังคม ซึ่งหากปีหนึ่งประสบผลสำเร็จในการชักจูงได้สัก 1-2 คนก็ถือว่าโอเคแล้ว นี่คือสิ่งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่แล้วเองครับ (ยิ้ม)

เราคาดหวังเรื่องจิตสำนึกสาธารณะจากวัยรุ่นได้มาก-น้อย แค่ไหน 

- อย่างที่ผมย้ำอยู่เสมอ ว่า สิ่งที่ผมคาดหวังอยู่เสมอ ก็คือ คนรุ่นใหม่ คือเด็กๆ คือวัยรุ่นครับ ผมเชื่อว่า วัยนี้เป็นวัยที่มีพลัง และไม่หัวแข็งเกินไป ไม่ดื้อ เปลี่ยนแปลงความคิดได้ เพราะฉนั้น ผมไม่เคยดูถูกเด็กรุ่นใหม่เลย เด็กรุ่นใหม่ที่ผมเจอมีความคิดความอ่านเรื่องสังคม เรื่องสิ่งแวดล้อม เพียงแต่อาจจะมีข้อมูลน้อยไปหน่อย มีความรู้ยังไม่มากพอ 

หน้าที่ของพวกเราคนทำสื่อ คือ ต้องพยายามใส่ความรู้ให้พวกเขา ต้องพยายามชักจูงให้เขาให้ความสำคัญกับเรื่องที่มีน้ำหนักของสาระมากกว่าเรื่องที่เบาหวิวไร้สาระ ซึ่งสื่อหลายสื่อในประเทศเรานี้ไปให้ความสำคัญกับเรื่องที่มันไม่สำคัญ กับเรื่องไร้สาระ  ฉนั้นผมจะไม่ไปบ่น ว่า สื่อทุกท่านต้องมาทำเรื่องที่มีสาระประโยชน์ เพราะเข้าใจว่า บางเรื่องมันเป็นเรื่องของธุรกิจ  ง่ายที่สุดคือ ใครไม่ทำ ผมทำเองแล้วกัน  คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะยุคนี้ เป็นยุคที่เห็นปัญหาสังคมกันจะๆ  อาจจะเพราะมีสื่อมากมายทำให้เวลาเกิดปัญหาสังคมหรือสิ่งแวดล้อม เขาจะรับรู้ได้เยอะ ผมว่า คนเราหากไม่จิตใจด้านชาเกินไปเวลาเห็นคนที่เกิดปัญหาหรือเดือดร้อน จะมีจิตสำนึกบางอย่างที่มากระตุ้นให้อยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกไปช่วยอะไรสักอย่าง

การแบ่งปันความรู้หรือโอกาสคืออะไร 

- ผมชื่นชมสิ่งที่ทรูปลูกปัญญาทำมากครับ ผมเป็นแฟนอยู่ ผมเห็นวิธีการ educate คนของทรูปลูกปัญญาแล้ว ผมเห็นด้วยมาก และชื่นชมมากโดยเฉพาะ ในการใช้สื่อในการ  educate คน และทำได้สนุกและน่าดู  ผมเชื่อว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด ในยุคสมัยนี้ ซึ่งเป็นยุคที่ปัญหาสังคมขยายวงกว้าง ไม่เฉพาะแค่ปัญหาส่วนตัวของเรา แต่กลายเป็นปัญหาส่วนรวม เป็นปัญหาโลกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ช่วยเยียวยาได้ทันที คือ การแบ่งปัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาความทุกข์หรือปัญหาให้ลดลงได้ไม่มากก็น้อย

การแบ่งปันอาจจะเป็นลำดับแรกของการช่วยเหลือได้ การลงมือทำเป็นลำดับขั้นต่อไปของการมีจิตสาธารณะ ผมเชื่อลึกๆ ว่า คนไทยเป็นคนใจบุญ สังเกตได้เวลาเกิดปัญหาอะไรในสังคมเรา หรือแม้แต่ในโลก คนไทยเป็นคนที่บริจาคติดอันดับโลกตลอดเวลา ผมเชื่อว่า พื้นฐานคนไทยจิตใจดี มีใจพร้อมจะช่วยเหลือผู้คน แต่อาจจะไม่รู้วิธีการที่หลากหลายแตกต่าง จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่าการโอนเงินบริจาค  หน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของผม หรือ a day Foundation หรือแม้แต่ทรูปลูกปัญญา ก็คือ การที่เอาตัวอย่างวิธีการช่วยเหลือเยียวยาผู้คนในสังคมมีอีกมากมาย

หนังสือเล่มที่อ่านค้างอยู่คือ 

- หนังสือเรื่อง ความฝัน ความหวังและแรงบันดาลใจ  100 ทัศนะของผู้นำในโลกยุคใหม่  เป็นหนังสือที่รวบรวมชีวิตของคนที่ทำอะไรเพื่อผู้อื่นที่ด้อยกว่า ชีวิตของคนที่มีอุดมการณ์เพื่อสังคมเพื่อโลกเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผมชื่นชมคนประเภทนี้มาก  ซึ่งคนที่ผมชื่นชมมี 2 ประเภท คือ นักคิดสร้างสรรค์ กับคนที่เกิดมาเพื่อทำอุดมการณ์บางอย่างที่มิใช่เพื่อตนเอง ซึ่งถือว่า เป็นยอดมนุษย์สำหรับผม  พอเราอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติชีวิตของคนที่มีอุดมการณ์บางอย่างในชีวิต คือเกิดมาเพื่อไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนอื่นแล้ว จะรู้สึกว่า เรามันด้อยมากและในทางกลับกัน รู้สึกอยากลุกขึ้นมาทำอะไรบ้างก็ยังดี

คนต้นแบบของคุณโหน่ง  

- ผมชอบคนง่ายมากครับ ไอดอลผมมีเป็นร้อย เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานก็มีคนหนึ่ง คือ สตีฟ จ๊อบส์  ผมมีไอดอลเยอะครับ ผมเป็นคนชื่นชมคนง่ายมาก ผมเกลียดคนยากมาก ไม่ค่อยเกลียดใคร ใครทำอะไรดีๆ ผมชอบหมดและไม่รีรอที่จะแสดงความชื่นชมให้กำลังใจไป  หลักๆ  ก็เป็นคนใน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่ทำงานความคิดสร้างสรรค์ พวกนักเขียน สถาปนิก  นักทำหนัง ทำเพลง พวกนักออกแบบเจ๋งๆ  ผมจะชื่นชมมาก กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้เสียสละ พวกเอ็นจีโอ พวกแอคทิวิสท์ต่างๆ ผมก็ชื่นชม