Lady DJ Roxy June : Music is life.
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2016-03-31 16:51:52
เรื่องและภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก
Lady DJ Roxy June
Music is life.
เริ่มต้นจากแชมป์ Pioneer Lady DJ 2010 จนก้าวมาเป็นNO.1 Female DJ ทั้งในไทยและเอเชีย ตำแหน่งที่ไม่ได้มาง่าย ๆ ของ DJ Roxy June หรือจูน-จิณปภาณ ปรีดานนท์ ดีเจสาวที่เดินทางเปิดแผ่นทั่วโลก ด้วยฝีมือที่มีและการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง บวกกับความรักในเสียงดนตรีของเธอคนนี้ ทำให้การเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องยาก
จุดเริ่มต้นของการเป็นดีเจ
รุ่นพี่เป็นดีเจและเราเป็นคนชอบฟังเพลงอยู่แล้ว ตอนนั้นก็กำลังจะเรียนจบค่ะ อยู่ในช่วงเทอมสุดท้ายของปีสี่ เราไม่อยากไปทำงานออฟฟิศ เป็นดีเจดีกว่าอย่างน้อยเราก็ได้ทำอะไรที่เป็นอิสระ ไม่ต้องคอยเข้างานตามเวลา ตอกบัตร ก็เลยให้พี่เขาสอนให้ ช่วยเขาเปิด แล้วก็ฝึกไปด้วยจนมาเป็นด้วยตัวเอง
สามเดือนแรกก็ลองผิดลองถูกบีตส์เอง พอประมาณหกเดือนเราก็เริ่ม mixing เพลงได้แล้ว เริ่มมีงานเข้ามาพี่เขาก็ป้อนงานให้แล้วก็ไปเปิดตามร้าน ช่วงแรก ๆ คืนหนึ่งก็จะเปิดสามสี่ร้าน เปิดทุกแนวแบบ bossa และ bossa nova bossaเปิดในศูนย์อาหารที่มาบุญครองชั้นห้า ตอนหัวค่ำก็มีไปเปิดที่สิงห์ปาร์ค อโศก แนวแบบ deep house, chillout และ lounge พอตกดึกเราก็ไปเปิดที่ผับ พอเราทำงานทุกวัน ๆ เหมือนฝึกไปเรื่อย ๆ ค่ะ
อุปกรณ์ชิ้นแรกของการเป็นดีเจคืออะไร
CDJ-400 แต่เครื่องแรกเลยจะเป็น denon ที่รุ่นพี่สอนให้จะเป็นเครื่อง denon รุ่นเก่าเลยค่ะจะเป็นจ๊อบเล็ก ๆ แต่พอเราเริ่มฝึกเริ่มอะไรก็ไปซื้อเครื่องที่ Pioneer นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกับ Pioneer แล้วก็มีรุ่นพี่ที่ Pioneer เขาก็ช่วยสอนให้เราแล้วเหมือนกับว่า ช่วยดันเราปั้นเรา Lady DJ รุ่นแรก ๆ ประมาณเจ็ดแปดคน
ทำไมถึงรู้สึกว่าดีเจนี่แหละตัวเรา
เหมือนกับแบบเราเป็นคนพูดไม่เก่ง เวลาเราจะถ่ายทอดอะไร ก็ถ่ายทอดไปกับเพลงมากกว่า อย่างสมัยก่อนมีเพื่อนหรือว่าแอบชอบใครก็ส่งเพลงให้เขา ชอบใช้เพลงในการสื่อสาร พอเริ่มมีเพลงเฮ้าส์ เราก็ใช้เพลงเฮ้าส์สื่อสารกับคนให้เขาเต้นรำ
การหาไอเดียมิกซ์เพลง
อันนี้แล้วแต่คนด้วยนะคะ บางคนอาจจะชอบฟังดีเจคนอื่นเปิดแล้วก็เอามาปรับ แต่สำหรับจูนอาศัยฟังเองบ้าง ดูคนอื่นเปิดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะฟังเองมากกว่า เราชอบอะไรก็เอามา จูนไม่ชอบการก็อปปี้ ชอบแบบคิดเอง แล้วก็วันไหนเราว่าง ๆ ก็เปิดคอมฯ มาดาวน์โหลดเพลงมาแล้วก็นั่งฟัง ๆ เพลงนี้น่าจะเอามาใส่ท่อนนี้แล้วก็นั่งทำตัดต่อเพลง แต่ละท่อนก็ใช้เวลาในการทำไม่นานแล้วแต่อารมณ์เราด้วย ถ้าเราคิดออกเร็วก็ตัดต่อเร็วเพราะว่า เพลงเฮ้าส์ก็เหมือนกลอนแปดค่ะ มันจะมีสัดส่วนของมัน ยกท่อนี้ไปใส่ท่อนนี้ จะประกอบไปด้วย intro-breakdown-hook-breakdown-outro ประกอบหมือนกลอนแปด เป็นท่อน ๆ สมมติเราชอบเพลงนี้เราก็ยกท่อนร้องของอันนี้มาใส่อันนี้ค่ะ
เพลงแนวไหนที่เปิดแล้วคนนิยม
EDM ค่ะ แนวอิเล็กโทร EDM มิกซ์เพลงไม่ยาก beat จะอยู่128-130ประมาณนี้ (แต่ละแนวเพลงมี beat ต่างกันยังไง) ส่วนใหญ่ที่เป็นแนวเฮ้าส์ beat ก็จะอยู่ระหว่าง 125-130 อาจจะมี 132 ถ้าเป็นฮิปฮอปก็จะตั้งแต่ 70ถึงร้อยกว่า ๆ 101,102,110 จะเป็น beat แบบช้าลง
ดีเจเปิดแผ่นมีกี่แบบ
ดีเจจะแบ่งเป็นสองอย่าง คือดีเจที่เปิดตามผับกับดีเจโปรดิวเซอร์ ดีเจโปรดิวเซอร์คือคนที่เขาทำเพลงเอง อย่างเช่น Hardwell (Robbert van de Corput) ดีเจระดับโลก เขาก็ทำเพลงมีเพลงฮิต ๆ ออกมาให้เราเปิดตามผับที่เราเต้น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ค่ะ แต่ของเรายังเป็นดีเจที่เปิดตามผับดีเจ mixing ค่ะ การเลือกแนวเพลงก็ต้องดูสถานที่ ที่นี่เหมาะกับแนวเพลงประมาณไหน ถ้าเราไปเปิดกลางแจ้ง แล้วคนนั่งทานข้าวเราจะไปเปิดแบบหนัก ๆ ตื้ด ๆ หรือ EDM มันก็จะหนักไป เราก็จะเปิดแบบว่าฟังสบาย ๆ ร้อง ๆ เพลงท็อปชาร์ต ท็อปโฟร์ตี้ แต่ถ้าเป็นในผับเราก็สามารถเปิดได้ underground อะไรแบบนี้ได้หมด เราต้องศึกษาแนวเพลง อย่างออกงานอีเว้นท์เปิดตัวสินค้าหรือว่าเป็นรอบสื่อมีสื่อมวลชนมาก็ต้องการบรรยากาศแบบคลอ ๆ เปิดแบบแนว reggae แนวแบบท็อปโฟร์ตี้ หรือว่าแนวฮิปเฮ้าส์ เบา ๆ
แต่ละงานต้องทำการบ้านเยอะไหม
จริง ๆ ทำงานที่ละชั่วโมงสองชั่วโมง เท่านั้นเองค่ะตามเวลาที่เปิดเซตหนึ่งค่ะ เวลานอกจากนั้นที่เหลือก็คือไม่ได้ทำอะไรแล้ว มีเวลาว่างก็กลับมาโหลดเพลง ทำการบ้าน cutเพลง editเพลงค่ะ แล้วเราก็จะเตรียมเซตเพื่อเล่นในวันถัดไป อัพเดตเพลงใหม่ ๆ เราอยากจะเล่นไม่เหมือนคนอื่นก็เอามา edit เอาท่อนนี้มาใส่ท่อนนี้ เวลาไปเล่นก็จะเหมือนกับเราเตรียมตัวอารมณ์จะได้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ คนฟังจะได้ไม่เบื่อ แบบไม่เคยได้ยินคนอื่นเล่นยังงี้ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะของเรา แต่ละงานที่รับมีเล่นเหมือนกันบ้าง เพลงคล้าย ๆ กัน แต่ว่าเวลาสไตล์การเล่นของเราค่ะ
แนวลุย ๆ หนัก ๆ เวลาคนมาฟังคนก็จะชอบบอกโหด ถนัดแนวนี้มากกว่า แต่ก็เปิดได้ทุกแนวค่ะ จูนเริ่มต้นมาจากทุกแนว ที่ชอบแนวนี้เพราะว่าเวลาเปิดเรามีอารมณ์ร่วม เราสนุกไปด้วย มันได้เต้น บางทีเราเปิดเบา ๆ เราก็เต้นไม่ได้ ทำทุกวันก็เลยเป็นความเคยชินค่ะ
ดีเจต้องอาศัยพรสวรรค์ไหม
พรสวรรค์ด้วย พรแสวงด้วยค่ะ จริง ๆ เป็นเรื่องของเซ้นส์ด้วยนะ อย่างจูนฟังเพลงตั้งแต่เด็ก มีเซ้นส์เรื่องเพลง เหมือนตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เวลาอยู่กับเสียงเพลงแล้วรู้สึกว่าเราเป็นตัวของตัวเอง นี่มันโลกของฉัน
มองอาชีพดีเจในปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง
เมื่อก่อนนี้อาจจะมองว่าอาชีพดีเจเป็นอาชีพของผู้ชายเพราะว่าเป็นอาชีพกลางคืน ผู้หญิงอาจจะไม่เหมาะสม มายืนเปิดแผ่นในตอนกลางคืน ดูเป็นอาชีพที่แบบว่าต้องมั่วสุม ต้องติดยาอะไรแบบนี้คือมันไม่ใช่ จริง ๆ แล้วตอนนี้อาชีพดีเจเปิดกว้างมากขึ้น แล้วก็มีผู้หญิงมาทำตรงนี้เยอะขึ้น แล้วอาชีพดีเจก็ไม่ใช่แค่งานกลางคืน มีงานเปิดตัวตามอีเว้นท์ตอนกลางวันด้วย ก็กลายเป็นอาชีพที่คล้าย ๆ กับศิลปินค่ะ อย่างบางงานที่เขาจะเอาดารานักร้องมาร้องในงาน เขาก็อาจจะเอาดีเจมาเล่นมาเปิดเพลง ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม
DJ. ใคร ๆ ก็เป็นได้จริงไหม
จริง ๆ จูนว่าย้อนไปเรื่องผู้หญิงกับผู้ชายก่อน จูนคิดว่าผู้หญิงบางทีก็มีเซ้นส์ในเรื่องของฟีลเพลง บางทีก็อาจจะดีกว่าผู้ชายบางคนด้วยซ้ำ เหมือนละเอียดอ่อนในเรื่องการฟังเพลง เรื่องของการ cut ก็อย่ามองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่จะต้องเป็นผู้ชายอย่างเดียว
ตอนนี้ดีเจใคร ๆ ก็เป็นได้ ก็จริงค่ะเพราะว่ายุคสมัยก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนที่จูนเริ่มมาจากเครื่อง Denon จ็อบเล็ก ๆ ก่อนหน้ายุคจูนก็เป็นเครื่อง turntables ใช้แผ่นเสียง แต่มายุคปัจจุบันนี้เป็นยุคของคอมพิวเตอร์คือใช้โปรแกรม ใช้ record box ใช้กล่อง Serato คือเราสามารถที่จะต่อกล่องเสียบคอมพิวเตอร์แล้วก็ดูกราฟแล้วก็เปิดได้เลย ไม่ต้องมีสกิลในการ mixing ไม่ต้องมีสกิลในการหาบีตส์ ดีเจสมัยก่อนเขาต้องแบบหาบีตส์ในการใช้หูฟังด้วยตัวเอง ต้องแยกระหว่างสองข้างให้มันเท่ากัน ต้องแยกประสาท แต่ตอนนี้ถูกทำให้ง่ายขึ้นด้วยการใช้คอมพิวเตอร์มีกราฟให้เราดู คนที่เข้ามาก็แค่เรียนรู้เรื่องของฟีลเพลง เรื่องของเพลง ทำความรู้จักกับเพลงก็สามารถเปิดเพลงได้แล้ว แต่สกิลของดีเจแท้ ๆ สามารถที่จะเปิดจากการใช้หูฟังไม่ต้องดูกราฟได้ สำหรับตัวบุคคลแล้วจูนมองว่า จูนเป็นดีเจที่ใช้สกิล มากกว่า
การวัดฝีมือสำหรับวงการดีเจวัดจากอะไร
อันดับแรกเรื่องของสกิล การหาบีตส์ matching ค่ะ ต่อมาก็คือเรื่องของฟีลเพลง ดีเจบางคนฟีลเพลงอาจจะขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกค้าอาจจะเบื่อ ก็เป็นความชอบของแต่ละคน แล้วก็เรื่องของแนวเพลงบางคนอาจจะชอบแนวตื้ด บางคนอาจจะชอบแนวtrance บางคนอาจจะชอบแนวมินิมอล บางทีแบบฟังดีเจคนนี้เราอาจจะไม่ชอบแต่อีกคนหนึ่งอาจจะชอบ มันเป็นเรื่องสไตล์ที่บังคับกันไม่ได้ อยู่ที่ว่าใครชื่นชอบแบบไหนก็ให้เลือกฟังเอาแบบนั้นดีกว่า ในการประกวด แข่งขัน เขาวัดจากสกิลในการ mixing วัดจากบีตส์ matching ฟีลเพลง เรื่องของการเล่าเรื่อง เรื่องของเอฟเฟกต์ ก็เป็นองค์ประกอบดีเจที่เปิดอยู่ในผับทั่วไปค่ะ
ด้วยความที่เป็นดีเจผู้หญิง มีอุปสรรคอะไรบ้าง
ก็มีบ้างนะคะ มีลูกค้าเข้าหาแปลก ๆ ก็เคยเจอ บางทีเจ้าของร้านก็แบบน้องแต่งตัวเซ็กซีหน่อยได้ไหม พี่ขอโชว์นั่นนี่หน่อย เราก็จะมีวิธีบอกเขาไปดี ๆ มีวิธีเซฟตัวเราเพื่อที่จะทำงานอยู่วงการนี้ได้นาน ๆ เราต้องดูแลภาพลักษณ์เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องด้วยค่ะ ต้องวางตัวดี ๆ ส่วนเรื่องของการแต่งตัว ถ้าเราไม่ล่อแหลมทางนู้นเขาก็ไม่สามารถที่จะมาอะไรได้ เวลาเดินทางไปต่างประเทศคนเดียว ใครให้ดื่มอะไรเราก็ต้องระวังเป็นพิเศษ เวลากลับเข้าโรงแรมก็ต้องเช็คดูดี ๆ ล็อกห้องดี ๆ นอกจากเรื่องภาพลักษณ์แล้ว เราก็ต้องพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นด้วย ก็ต้องทำการบ้าน มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ มีการพัฒนา
ดีเจเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีความมั่นคงมีความเห็นว่ายังไง
ไม่มีอาชีพไหนในโลกที่มันมั่นคง ทำงานออฟฟิศแต่อยู่ดี ๆ เขาจะไล่เราออกได้ เพราะเราไม่ใช่เจ้านายเขา ซึ่งจูนคิดว่าอาชีพดีเจอย่างน้อยก็เป็นเจ้านายตัวเอง มันอาจจะมั่นคงไม่มั่นคงแล้วแต่ตัวเราด้วย ถ้าเราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ตั้งใจทำงาน มีวินัย แล้วก็มีฝีมือ ยังไงร้านเขาก็ต้องง้อเรา ยังไงเขาก็อยากได้เราไปเปิด แล้วก็อาชีพนี้ทำงานหนึ่งวันเท่ากับพนักงานออฟฟิศทำงานหนึ่งเดือน จูนทำงานสองสามปีก็เก็บเงินได้หลายล้าน สร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้วค่ะ
ทำงานแนวนี้จำเป็นต้องมีลุคแรง ๆ ไหม
จูนไม่ดื่นนะคะ ไม่จำเป็นค่ะ จริง ๆ เราทำงานกลางคืนมันก็เหมือนคนกลางวัน ยิ่งเราทำงานกลางคืนเราก็ต้องยิ่งเซฟสุขภาพตัวเอง ถ้าเราไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ มันก็ดีเพราะว่าอย่างเราอยู่ในผับก็โดนควันบุหรี่อยู่แล้วถ้าเลี่ยงได้เราก็เลี่ยง สมัยก่อนก็มีบ้างนั่งดื่มกับเพื่อน แต่พอโตมารู้สึกมันไม่อร่อย ไม่รู้จะดื่มไปทำไม ดื่มน้ำผลไม้ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่ดื่มเขาไม่ดีนะคะ บางทีเขาก็ดื่มเพื่อให้สนุก เพื่อบิ้วฟีลนิด ๆ หน่อย ๆ แต่แค่เป็นความไม่ชอบส่วนบุคคล บางทีเวลาเราไปเขาก็แปลกใจเหมือนกัน ไม่ดื่มเหรอนี่เป็นดีเจที่รู้จักไม่กี่คนเองนะที่ไม่ดื่ม อย่างเราไปต่างประเทศเขาก็งง ๆ ไม่ดื่มหรอ เราบิ้วอารมณ์จากเสียงเพลงมันอัตโนมัติอยู่แล้วค่ะ
ตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จหรือยัง
ภูมิใจตัวเองในระดับหนึ่ง ถามว่าประสบความสำเร็จในชีวิตมากไหม ก็สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ทำให้เขามีความสุขสบาย ให้เงินเขาใช้ได้ เลี้ยงตัวเองได้ไม่เป็นภาระ มีบ้านให้พี่ให้น้องอยู่ก็ถือว่าภูมิใจในตัวเองในระดับหนึ่ง แต่ตอนทำงานแรก ๆ แม่ค่อนข้างจะเป็นห่วง เขาจะเป็นคนหัวโบราณนิดหนึ่งค่ะ เป็นห่วงเราไปต่างประเทศคนเดียว ขึ้นเครื่องคนเดียว ไปถึงนู่นจะโดนหลอกหรือเปล่า แต่ตัวเราค่อนข้างจะมีไหวพริบนิดหนึ่งคือพ่อจะรู้ เข้าใจ เขาเลี้ยงเราตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตแล้วอะไรดี ไม่ดี เขาให้เราคิดเอาเองค่ะ ก็มีบ้างที่เป็นห่วง พอหลัง ๆ เขาเห็นเราทำงานหาเงินได้เขาก็ไม่ค่อยห่วงแล้ว
เวลาเหนื่อย เวลาท้อ มีวิธีบอกตัวเองยังไง
มีบ้างนะคะที่เหนื่อย จูนเริ่มมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกแรก ๆ เลย ทำงานชั่วโมงหนึ่งได้ห้าร้อย ตอนนี้ชั่วโมงละหลายหมื่นแล้ว แต่เวลาเราท้อจะนึกถึงวันแรก ๆ ที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นของเรา ขนาดตอนนั้นยังผ่านมาได้เลย อดทนสิ เรามาถึงจุดนี้ได้ ก็มาได้ไกลแล้วนะ ใครจะมาแบบขึ้นมาง่าย ๆ เราก็ให้กำลังใจตัวเอง ส่วนมากไม่ค่อยมีอะไรให้ท้อเพราะจูนเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยมีอะไรให้คิดมาก แล้วการที่เราอยู่กับเสียงเพลงจะทำให้เราเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็ไม่เครียด
สิ่งสำคัญของ Lady DJ คืออะไร
ก็ต้องเป็นเรื่องของฝีมือค่ะ ถ้าเกิดเรามีฝีมือ เราก็อยู่ในวงการได้นาน การวางตัว คือน้องบางคนอาจจะเข้ามาเหมือนแบบว่าอยากจะแต่งตัวโป๊อยากจะโชว์เพื่อให้คนมาสนใจ แต่อันนั้นมันเป็นสิ่งที่เรียกร้องความสนใจแค่ชั่วคราวค่ะ จูนคิดว่าการพัฒนาตัวเอง พัฒนาฝีมือให้เราเก่งขึ้นมาคนก็จะติดตามเรามากกว่ายาวนานกว่า การมีสัมมาคารวะ อันนี้สำคัญ ถ้าเกิดเราอยู่ในวงการเราก็ต้องเคารพรุ่นพี่
เป้าหมายของเราต่อไปคืออะไร
ดีเจโปรดิวเซอร์ ทำเพลงของตัวเองค่ะ เพื่อที่จะมีเพลงเป็นของตัวเองแล้วง่ายต่อการโปรโมท สร้างเพลงตัวเองขึ้นมา จะมีศิลปินที่เขาเป็นดีเจโปรดิวเซอร์ Tiesto ระดับตำนานเลยค่ะ ก็จะทำเพลงของตัวเองประมาณนั้น ตอนนี้ก็เริ่มไปเรียน แต่ยังไม่มีเวลาทำ
เวทีในฝัน
จริง ๆ ก็อยากหมด เป็นดีเจใคร ๆ ก็อยากเล่นทั่วโลก Tomorrowland Ultra Music แต่ถามว่าอยากเล่นมากไหม ก็อยากนะ มันเกินเอื้อม แต่ถ้าเรามีเพลงของตัวเองก็ไม่แน่ สักวันหนึ่งเราก็อาจจะไปถึงจุด ๆ นั้น แต่ว่าจูนก็ไม่ได้หวังอะไร แค่ในปัจจุบันนี้ก็พอใจสิ่งที่ตัวเองมีแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ได้หวังอะไรมากมาย
อะไรที่ทำให้เราก้าวมาถึง อันดับหนึ่งของไทย
ที่ว่าอันดับหนึ่ง จูนมองว่าแล้วแต่คนที่จะมอง แล้วแต่คนที่เขาจะจำกัดนิยามดีกว่า สำหรับตัวจูนเอง คิดว่าจูนไม่ใช่อันดับหนึ่งของเมืองไทยแล้วก็ไม่ใช่อันดับหนึ่งของเอเชียด้วย คนที่จะเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ว่าเราชอบใคร เพลงที่จูนเปิดก็อาจจะมีคนที่ชอบฟังและไม่ชอบฟัง ไม่ใช่การจัดอันดับ แต่อยู่ที่ความชื่นชอบของแต่ละคน เป็นที่ยอมรับ
แนะนำน้อง ๆ ที่อยากเป็นดีเจ
ลองเรียนดู สมัยที่จูนเริ่มฝึกเรียน ไม่มีโรงเรียนสอนดีเจเยอะขนาดนี้ จูนยังต้องซื้อเครื่องมาฝึกเองที่บ้านเลย แล้วตอนนี้เหมือนกับว่าเทคโนโลยีเข้ามาเครื่องอะไรมีเยอะมากมายเต็มไปหมด มีโรงเรียนเปิดสอนเต็มไปหมด ก็ถ้าน้อง ๆ สนใจอยากเป็นดีเจก็มาลงเรียน มาเรียนรู้ได้ มันดีกว่าที่เราจะไปเดินเล่นสยาม ไม่มีอะไรทำ เราเอาเวลาตรงนั้นมาศึกษาตรงนี้ มันอาจจะสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับเราในอนาคต อาจจะมาเป็นเหมือนจูนวันนี้ ได้เดินทางไปรอบโลก มีรายได้ ทำงานต่อวัน วันละชั่วโมง เราก็มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองได้ เลี้ยงดูทางบ้านได้
“อาชีพดีเจอย่างน้อยก็เป็นเจ้านายตัวเอง มันอาจจะมั่นคงไม่มั่นคงแล้วแต่ตัวเราด้วย ถ้าเราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ตั้งใจทำงาน มีวินัย แล้วก็มีฝีมือ”