แดน วรเวช MR. Perfect Man
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-09-01 12:17:47
เรื่อง: พิษณุกรณ์ เต็มปัน ภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก
ผ่านบทบาทการทำงานมาหลากหลายทั้งนักร้อง โปรดิวเซอร์ นักแสดง ผู้กำกับ ล่าสุดกับบทบาทใหม่ในการเป็นผู้จัดเต็มตัวให้กับช่องทรูโฟร์ยู เรื่องซิ่งรักทะลุมิติ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคนนี้มีความสามารถรอบด้านไม่ว่าจะรับหน้าที่ในบทบาทไหน สิ่งที่เขายึดมั่นในการทำงานอยู่เสมอคือทำงานทุกชิ้นให้สมบูรณ์แบบและงานออกมาดีที่สุด หลายคนได้เห็นฝีไม้ลายมือของเขาผ่านตามามากมาย แต่จากนี้ไปเราจะได้รู้จักตัวตนของเขาให้มากขึ้นกว่าเดิมกับ แดน-วรเวช ดานุวงศ์
ผลงานที่แจ้งเกิด แดน-วรเวช
ผลงานแจ้งเกิดก็คงเป็นดีทูบีครับ ตอนนั้นอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดมันก็เป็นความฝันของเด็กคนหนึ่งที่อยากจะมีผลงานเพลงเป็นของตัวเองและได้มีโอกาสร้องเพลงต่อหน้าคนเยอะ ๆ เพราะรู้สึกว่ามันก็เป็นหนึ่งในการสร้างความสุขให้กับคนได้ นอกจากเป็นความสุขของตัวเองที่ได้ทำตามความฝัน การที่เราได้ร้องเพลงแล้วได้เห็นคนร้องเพลงตามเรา ได้ยิ้มตามเราหรือเปิดเพลงบางเพลงของเราก็ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อย่างเช่นเพลงที่ให้กำลังใจ ซึ่งช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่มีหลายอย่างเกินที่เราจินตนาการเอาไว้ เราแค่รู้สึกว่าอยากจะร้องเพลงเท่านั้นเอง แต่ในเวลานั้นมันถือว่าประสบความสำเร็จมากเกินสิ่งที่เราตั้งใจ
มีโอกาสจะได้เห็นผลงานเพลงอีกไหม
ผมว่ามันก็คงมีครับแต่ว่าเราก็ผ่านงานเพลงมาเยอะ ทำเพลงมาเยอะ แล้วก็เล่นคอนเสิร์ตมาก็หลายที่ จากที่เล็กถึงที่ใหญ่ก็เคยแล้ว ก็เลยเหมือนไม่มีอะไรท้าทายมากในงานเพลงเท่าไหร่ แต่ถ้ามีโปรเจ็คต์อะไรที่น่าสนใจก็อาจจะกลับไปร้องเพลงอีก
คอนเสิร์ตที่ผ่านมาประสบความสำเร็จล้นหลาม
คือจริง ๆ ตั้งใจจะมีแค่ครั้งเดียวครับ ก็ใส่ความรู้สึกแล้วก็โชว์ให้เต็มที่เท่าที่พวกเราจะทำได้ ก็ต้องขอบคุณแฟนเพลงดีทูบีที่แสดงพลังความรักความคิดถึงให้กับพวกเรามาก ๆ จนต้องมีรอบสอง ซึ่งเราก็บอกว่าถ้าเกิดจัดรอบสองเราก็ไม่อยากเล่นซ้ำไม่อยากเอาสคริปต์เดิมก็คิดใหม่ มันเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาเป็นสองคอนเสิร์ตจริง ๆ คือคิดใหม่ ทำใหม่ เปลี่ยนเพลงที่จะร้อง ดังนั้นผมว่ามันก็เต็มอิ่มมาก ๆ แล้วครับ จะจัดอีกหรือเปล่า ณ วันนี้ผมคิดว่าไม่ (
แล้วอยากจัดไหม) มันก็อยู่ที่ว่าแฟนเพลงต้องการแค่ไหน อยู่ที่ว่าคอนเซปต์ที่อยากจะให้เราโชว์คืออะไร แต่ผมยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นนะครับ
ผ่านงานในวงการเพลงมาเยอะ ยังอยากเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอยู่ไหม
ถ้ามีโอกาสนะครับ ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะทำ แต่ว่าด้วยเวลาตอนนี้การทำงานแต่ละชิ้นมันต้องใช้เวลาเยอะมาก มันต้องเลือกงานเป็นชิ้น ๆ ถ้าทำเป็นโปรดิวเซอร์เพลงก็ต้องหยุดงานนี้ซึ่งตอนนี้ยังเคลียร์อะไรไม่ได้
ล่าสุดกับบทบาทผู้จัดละคร เป็นมายังไงถึงได้มาทำตรงนี้
เป็นสเตปของมันมาเรื่อย ๆ จริง ๆ แล้วผมก็เริ่มทำงานมาเป็นขั้นเป็นตอนในวงการบันเทิงทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง คือเริ่มจากการเป็นนักร้อง แต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ทำรายการ เขียนหนังสือ เริ่มขยับมาทำมิวสิควิดีโอ กำกับหนังสั้น กำกับหนังใหญ่ แล้วก็มาถึงเป็นโปรดิวเซอร์หนัง ส่วนงานนี้ก็เป็นอีกสเตปหนึ่งของผมก็คืองานผู้จัดละครหรือเป็นโปรดิวเซอร์ในด้านการผลิตละคร มันก็เป็นสเตปมาเรื่อย ๆ ครับ
บทบาทผู้จัดละครแตกต่างกับงานอื่นยังไง
ยากขึ้นแน่นอนครับ ปัญหามันเยอะขึ้น สิ่งที่จะต้องคิดมันก็เยอะขึ้น เมื่อก่อนเป็นนักแสดงอย่างเดียวก็คิดแค่ว่าบทที่เราเล่นพูดให้ถูก ไม่ต้องพูดผิดแค่นั้นเอง ไปทำงานให้ตรงเวลา แต่พอมาทำงานเป็นผู้ควบคุมดูแลการผลิตแล้วเนี่ยมันมีปัญหามากมาย มีบุคคลที่เราต้องพูดคุยด้วยเยอะ แล้วทุกคนก็รอข้อสรุปจากเราทั้งนั้นเลยทุกเรื่อง ตกลงเรื่องนี้จะเอายังไง ตกลงเรื่องนั้นโอเคไหม เป็นแบบนี้ไหม ซึ่งในความเป็นจริงมันก็ขัดจากความเป็นตัวผมเองมากเลยนะ ตัวจริงผมเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใครเท่าไหร่ จะชอบอยู่ในส่วนของผม แต่พอทำงานตรงนี้ก็ต้องเปิดตัวเองและก็ต้องเปลี่ยนตัวเองมาก ๆ ต้องแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะว่ามันเป็นผลกระทบทางจิตใจของทีมงาน นักแสดง ยิ่งการเป็นผู้จัดนอกจากการควบคุมดูแลโปรดักชันแล้ว มันต้องควบคุมตัวเงินด้วย ทีนี้มันก็เป็นเรื่องของการบาลานซ์ระหว่างชิ้นงานกับตัวเงินให้มันไปด้วยกันแบบสมดุล ไม่ใช่ว่าผลกำไรฉีกเลยแต่ว่าคุณภาพต่างจากผลกำไรเยอะ หรือเอาโปรดักชันเยี่ยมแต่ว่าขาดทุน ซึ่งช่วงที่ผ่านมามันจะเป็นลักษณะนี้ (หัวเราะ) ก็พยายามทำให้แม่ภูมิใจขึ้นมานิดหนึ่ง พยายามจะทำตัวเลขของรายได้ให้มันมีบ้างในการผลิตชิ้นงาน
เล่นเองด้วย เปลี่ยนบทบาทของตัวเองยังไงทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ปกติแล้วเวลาผมทำงานอะไรในหนึ่งงานผมทำหลายอย่าง อย่างเช่นเมื่อก่อนตอนกำกับ ก็มีกำกับด้วยเล่นด้วย ตัดต่อเองอะไรประมาณนี้ มันก็จะคุ้นเคยกับการทำงานในเวลาเดียวกันหลาย ๆ ชิ้น หรือว่าในแต่ละวันผมสามารถคิดสองสามโปรเจ็คต์ด้วยกันได้ภายในหนึ่งวัน เพราะฉะนั้นเรื่องการแยกสมาธิผมไม่ค่อยมีปัญหา และการเป็นผู้จัดด้วยเล่นด้วยมันง่ายกว่ากำกับแล้วเล่นเอง นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการว่าหลังจากนี้ถ้าเป็นไปได้ถ้าจะต้องกำกับชิ้นงานใดชิ้นงานหนึ่งผมก็พยายามจะไม่แสดงเอง แต่ถ้าผมเล่นเอง ผมก็จะไม่กำกับ ก็จะถอยออกมาดูภาพรวมดีกว่า
การตัดสินใจรับงานผู้จัดแต่ละครั้งดูจากอะไร
ดูจากมุมมองและวิสัยทัศน์ของช่องนั้น ๆ ว่าตรงกันหรือเปล่า มีวิธีคิดหรือว่าเป้าหมายไปทางเดียวกันไหม ซึ่งในวันนี้ได้มีโอกาสได้มาทำกับทรูโฟร์ยูก็เพราะเหตุนี้ ผมก็เข้ามานำเสนอวิธีการทำงานในแบบของเราซึ่งทางทรูโฟร์ยูก็ไม่ได้ติดอะไรก็เลยได้ร่วมงานกัน
มีหนังหรือละครเรื่องไหนที่อยากเขียนบทเอง
ในอนาคตคงมีแต่ว่ามันต้องใช้เวลาเยอะมาก แค่จะเขียนเพลงหนึ่งเพลงผมก็ยังไม่มีเวลาตั้งสมาธิกับมันเลย เช่นกำลังตั้งใจว่าเดี๋ยววันนี้จะเขียนเพลง เดี๋ยวมีโทรศัพท์ เดี๋ยวมีไลน์มาจากที่โน้นนี้ ต้องตอบนะ ต้องแก้ปัญหาแล้วนะ แล้วอยู่ ๆ ก็ต้องออกไปข้างนอกจากที่ไม่คิดว่าจะต้องออก ต้องมีเหตุการณ์ให้ออกไปดูงานข้างนอกอะไรแบบนี้ นัดประชุมด่วน ทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่
ชอบงานในบทบาทไหนมากที่สุด
จริง ๆ ชอบแบบไม่ต้องทำงานเลย (หัวเราะ) ร้องเพลงครับ มันใช้เวลาทำงานแค่ชั่วโมงเดียวแล้วมันก็เป็นตัวเรามาก ๆ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด ผมได้เจอแฟนเพลง อย่างเวลาถ่ายหนังถ่ายละครผมก็อยู่กับทีมนักแสดง ทีมงาน มันก็เป็นสังคม ๆ หนึ่ง แต่ว่าอารมณ์ที่ผมอยู่บนเวทีแล้วก็มีคนเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันร้องเพลง ยิ้มให้เรา ตะโกนเรียกชื่อเราอยู่ตรงนั้นมันก็มีความสุขดี คิดว่าน่าจะมีความสุขที่สุดครับ
คิดว่าทำไมตัวเองอยู่ในวงการนี้ได้นาน
เอาจากสิ่งที่ผมทำก่อนก็ได้ครับ ผมแค่ซื่อสัตย์กับงานของผม ผมซื่อสัตย์กับคนที่ร่วมงานกับผม แล้วก็ผมทำทุก ๆ อย่างโดยคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก เช่น คนที่ว่าจ้างงานเรา คนที่รอคอยที่จะดูงานเรา ผมมักจะไม่ค่อยปล่อยให้ชิ้นงานทำ ๆ ไป เสร็จ ๆ ไป ผมทำแบบนี้นานแล้ว ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วล่ะ จนถึงทุกวันนี้ก็ทำแบบนั้นอยู่ มันก็เครียดถ้าเกิดว่างานมันคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคิดไว้เยอะเกินไป อาจจะเป็นตรงนี้ก็ได้ที่เรายังสามารถทำงานอยู่ตรงนี้ได้ครับ
ตอนนี้เรียกได้ว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง
ผมว่าผมประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุสิบเจ็ดสิบแปดแล้วล่ะครับ มันเป็นอะไรที่เกินกว่านั้น ผมมีความสุขแล้วและผมก็พอใจกับมันแล้ว แล้วนี่มันก็เป็นชีวิตของเรา มันคืองานเรา อาชีพของเรา ที่เราก็ต้องพัฒนาแล้วเดินต่อเหมือนทุก ๆ สายอาชีพที่เมื่อคุณรู้แล้วว่านี่คืองานที่คุณรัก อาชีพของคุณที่คุณต้องอยู่ต่อไปตลอดชีวิต แค่พัฒนางานให้ดีที่สุดเพื่อให้อยู่ตรงนี้ได้นานที่สุด
ผ่านงานในวงการมาค่อนข้างเยอะ มองอนาคตตัวเองในวงการนี้ยังไง
จริง ๆ แล้วก็อยากจะพัก อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัว แต่งานมันก็ต้องทำ ตอนนี้ก็เลยต้องสร้างบุคลากร พัฒนาบุคลากรที่จะสามารถดูแลงานแทนเราได้ ตัดสินใจบางอย่างแทนเราได้เพื่อให้เราทำงานได้น้อยลงแล้วก็ขยับมาดูภาพรวมจริง ๆ ทุกวันนี้ผมยังเข้าห้องตัดต่ออยู่เลย ยังลงไปเขียนบทแก้บทอยู่เลย วางโครงเรื่องทั้งหมดอยู่ ต้องคุยกับทีมพีอาร์ ต้องคุยกับผู้บริหาร สุดท้ายผมก็ยังต้องทำทุกอย่างอยู่ วันหนึ่งเชื่อว่ามันจะตัดบางส่วนออกไปได้ แล้วก็ทำให้ผมมีเวลากับครอบครัวมากขึ้น
อายุยังน้อยอยู่ทำไมคิดจะวางมือ
ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่มันไม่ชัวร์ ไม่ชอบอะไรที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันคืออะไร ผมไม่ชอบทำอะไรโดยที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องทำอะไร ผมอยากจะรู้ว่าอีกสิบวันจะเกิดอะไรขึ้น อีกเดือนหนึ่งจะมีอะไร อีกสามเดือนจะมีอะไร หกเดือนจะมีอะไร เพื่อทำให้รู้ว่าวันนี้เราอยู่ไปทำไม เราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร สมมติผมรู้ว่าในวันนี้ผมเป็นนักร้องอีกสองปีจะต้องเป็นโปรดิวเซอร์ให้ได้ ผมก็รู้แล้วว่าวันนี้ผมจะอยู่ทำไม อยู่เพื่อร้องเพลงหรืออยู่เพื่อศึกษางานจากโปรดิวเซอร์ ก็จะทำให้เรารู้ว่าปัจจุบันต้องทำอะไร เพื่อไปให้ถึงสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าเอาไว้ ไม่งั้นก็จะไม่รู้ว่าวันนี้เราตื่นขึ้นมาทำอะไร
เป้าหมายจากนี้ไปคืออะไร
อยากทำงานทุก ๆ ชิ้นให้มันมีคุณภาพมากที่สุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดเท่านั้นเองครับ
“ผมไม่ชอบทำอะไรโดยที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องทำอะไร ผมอยากจะรู้ว่าอีกสิบวันจะเกิดอะไรขึ้น อีกเดือนหนึ่งจะมีอะไร อีกสามเดือนจะมีอะไร หกเดือนจะมีอะไร เพื่อทำให้รู้ว่าวันนี้เราอยู่ไปทำไม”