www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > คนต้นแบบ

จีราภัสร์ อริยบุรุษ บิวตี้กูรูตัวแม่
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2013-10-01 14:49:04



หากมีใครบันทึกไทม์ไลน์การเติบโตที่สำคัญของอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ในประเทศไทย เชื่อแน่ว่า Jeban.com คอมมูนิตี้เกี่ยวกับ ผู้หญิงและความสวยความงาม จะถูกปักหมุดไว้เคียงข้างกับชื่อของ “ป้าจีน” จีราภัสร์ อริยบุรุษ หัวแถวของบิวตี้กูรูในยุคนี้ อดีตบล็อกเกอร์ชื่อดังนำเอาสิ่งตัวเธอและผู้หญิงหลายๆ คนชื่นชอบ คือการแต่งหน้ามาต่อยอดเป็นธุรกิจออนไลน์ สร้างเว็บไซต์ใส่คอนเทนต์ เจาะลึกถึงความเป็นผู้หญิง จนสามารถยืดหยัดอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับสื่อของผู้คนในปัจจุบัน


จุดเริ่มต้นของการเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ของป้าจีน
ย้อนกลับไปเจ็ดแปดปีที่แล้ว เราเริ่มเขียนบล็อกเกี่ยวกับการแต่งหน้าแบบทีละขั้นตอน อาจจะเป็นยุคแรกที่คนทั่วไปไม่ค่อยเอาหน้าตัวเองที่ไม่แต่งไปลงในอินเทอร์เน็ต และเป็นช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ เราอยากมีเวลาเลี้ยงลูกเองก็เลยมองหาธุรกิจอะไรสักอย่าง เราเป็นกราฟิกดีไซเนอร์มาก่อน ก็คุยกับแฟนว่ามันเป็นยุคที่เราจะก้าวเข้าสู่เว็บไซต์ที่ไม่ใช่ข่าวแล้ว และคิดว่าทำไมต่างประเทศถึงทำเว็บไซต์ให้เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าได้ แต่เมืองไทยยังไม่มี มองรอบตัวก็ยิ่งเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในตอนนั้นคือบล็อกความสวยความงาม สิ่งที่เราชอบน่าจะเอามาเพิ่มมูลค่าได้ เลยตั้งบริษัทไอทีขึ้นเพื่อพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ของเว็บไซต์ แต่ว่าตัวที่เป็นสตอรี่ก็คือความสวยความงาม


จากบล็อกส่วนตัวกลายมาเป็นโมเดลธุรกิจ วางตำแหน่งไว้อย่างไร
เมื่อเริ่มต้นเราคุยกันแล้วว่า Jeban.com จะมาในทิศทางของเว็บคอมมูนิตี้ ก็จะไม่ใช่เว็บที่เราป้อนข้อมูลให้กับคนอ่านอย่างเดียว มันเป็นช่วงคาบเกี่ยวของยุค web 2.0 ที่ผู้ใช้ร่วมแบ่งปันข้อมูลข่าวสารด้วย เราเขียนบล็อกมาสักพักจนถึงวันที่คนอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่ามีคนคาดหวังกับสิ่งที่เราเขียน ด้วยความที่พี่จีนเองไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นบิวตี้กูรู แค่เป็นคนที่ชอบการแต่งหน้า ชอบเครื่องสำอาง เลยคิดว่าถ้าทำเว็บแล้วเรายังสถาปนาตัวเองเป็นบิวตี้กูรู เราเองก็จะไม่ได้เรียนรู้สิ่งอื่นๆ ของคนอื่นๆ เพราะคนที่เข้ามาก็จะมาคาดหวังในสิ่งที่เราจะมอบให้ Jeban จึงเป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่ทุกคนที่รู้ในสิ่งที่แตกต่างกันเข้ามาแลกเปลี่ยนกัน ตัวพี่จีนเองที่ไม่รู้หลายๆ อย่างก็จะได้เรียนรู้ด้วย


จุดเด่นของ Jeban คือคอนเทนต์ที่เข้าใจคนอ่าน เข้าใจผู้หญิง วิธีการหาคอนเทนต์ต่างๆ มาจากไหน
หลักๆ จะเป็นเว็บบอร์ด แล้วแต่เมมเบอร์เลยว่าเขาอยากจะคุยอะไร เรามีฟีเจอร์ที่รองรับความต้องการของผู้หญิง เช่น ผู้หญิงซื้อของมาแล้วเห่อ เห่อที่ไหนดี เรามีกระทู้เห่อให้ เขาก็มาเห่อกันได้โดยที่ไม่โดนเพื่อนหมั่นไส้หรือคนที่ไม่เข้าใจ ซื้อของแล้วทำไมต้องอวด แต่ส่วนที่เป็นคอนเทนต์ของทีมงานนั้น ทีมงานเองก็มาจากเมมเบอร์ พี่จีนจะพูดกับน้องๆ ในทีมเสมอว่าอยากให้ทุกคนทำงานเหมือนกับตอนที่เรายังเป็นแค่เมมเบอร์ ถ้าเราดูแลคนที่เข้ามาเล่นเหมือนกับที่เราดูแลตัวเราเอง อยากให้เขาสนุกแบบไหนเราก็ทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นคอนเทนต์เราจะปล่อยให้เขียนอย่างอิสระมาก


ต้องปรับเปลี่ยนทิศทางของคอนเทนต์อย่างไรเมื่อเมมเบอร์เติบโตขึ้น
ตอนแรกเราเข้าใจเองว่าคนที่เคยเล่นโตขึ้น คอนเทนต์จะแก่ขึ้นไหม แต่เอา เข้าจริงมันไม่ได้แก่ขึ้น จุดที่มีความเป็น Jeban ตรงนี้ จะแก่ก็ไม่แก่ เด็กก็ไม่เด็ก ด้วยความที่พี่จีนเองก็ไม่ใช่เด็กและพี่จีนก็ไม่ได้พยายามจะทำตัวให้แก่ ทีมงานก็มีทั้งเด็กเพิ่งจบจนถึงซีเนียร์ บางทีเด็กจนเกินไป น้องๆ ที่เข้ามาก็รู้สึกว่าปรึกษาใครไม่ได้ ไม่ต่างจากการคุยกับเพื่อน แต่ที่นี่เรามีพี่ มีเพื่อนด้วย มีป้าๆ ด้วย เราก็พยายามสื่อสารแบบกลางๆ ด้วยการใช้ภาษา เราไม่เน้นเรื่องการใช้ภาษาวิบัติ เพราะมองว่าเป็นการดิ้นของภาษาวัยรุ่น จากการทดลองใช้ภาษาวัยรุ่นทำให้วัยรุ่นเปิดใจกับเรามากขึ้น ทำให้เราเข้าใจวัยรุ่นแต่ก็ต้องไม่ให้เด็กๆ เพี้ยนไปกว่าเดิม เราจะเน้นมากเลยคือห้ามพิมพ์ผิด ทีมงานห้ามผิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ ค่ะ คะ นะคะ เครื่องสำอาง ไม่มี ค ควาย


เมมเบอร์ที่ว่าเด็กนี่เด็กขนาดไหน
เด็กขึ้นเรื่อยๆ เลย ม.ปลายเริ่มมา ทำผมทรงไหนช่วงปิดเทอม แต่งหน้า จะใช้กันแดดอะไร เด็ก ม.ปลายสนใจเรื่องครีมกันแดดเพราะกลัวดำ อย่างอื่นอาจจะยังไม่กล้าใช้ ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็จะค่อยขยับเข้ามาเป็นมาสคาร่า อายไลเนอร์


ส่วนตัวป้าจีนคิดอย่างไรกับการใช้เครื่องสำอางของวัยรุ่นวัยเรียน
แล้วแต่พื้นฐานของแต่ละคน ใส่ใจกับเรื่องนี้แค่ไหน พี่จีนเริ่มมาจากการชอบแต่งหน้า ไม่ได้มองว่าการแต่งหน้าคือแรด แต่การแต่งหน้าคือศิลปะ ถ้าแต่งเป็นแล้วแต่งให้ถูกกาละเทศะ จะทำให้สวยขึ้นแบบ “Makeup is magic.” บางคนไม่ต้องแต่งอะไรมากเขาก็สวย แต่บางคนแต่งมากๆ ทำไมดูไม่สวย ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนฝีมือ อย่างน้องๆ ม.ปลายหรือมหาวิทยาลัยมีผิวดีเป็นทุนอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงวัยที่ผิวกำลังดี การเริ่มต้นดูแลตัวเองหรือสนใจเรื่องความสวยความงามจะทำให้เขามีความมั่นใจขึ้น ความมั่นใจเป็นก้าวแรกที่จะนำสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ชีวิต


การดูแลตัวเองไม่ใช่แก่แดด วัยไหนก็ควรดูแลตัวเองให้เหมาะสมกับวัย ถ้ามีเด็กๆ เข้ามาใน Jeban ทีมงานจะสอนอย่างแรกเลย ล้างหน้าให้เป็นให้ถูกวิธี ไม่ว่าจะแต่งหน้ามากน้อย ถ้าล้างหน้าไม่เป็น หน้าพังก็ไม่สวยอยู่ดี และถ้าเกิดอยากจะขยับขยายไปเล่นอย่างอื่น อยู่ที่ฝีมือแล้ว สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือต้องรู้จักตัวเราก่อน ไม่ใช่ว่าจะทำตามคนที่สวยแค่ไหน ทำเหมือนกันเป๊ะเลยมันก็ไม่ได้ ถ้าเรารู้จักตัวเองว่าควรจะเน้นส่วนไหน ควรจะลบส่วนไหน เราก็จะสวยขึ้นโดยไม่ต้องพยายามมากเกินไป ต้องรักตัวเองเยอะๆ แต่อย่าหลงตัวเอง


ค่านิยมเรื่องความสวยความงามของผู้หญิงและผู้ชายสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อนมากน้อยแค่ไหน
หกปีที่ผ่านมาน่าจะคล้ายๆ กันนะ พอหน้าร้อนก็จะถามเรื่องกันแดด พอหน้าหนาวก็จะถามเรื่องผิวเหี่ยว ผิวแห้ง แต่มันต้องแยกกันเป็นวัยด้วย ถ้าเป็นเด็กแค่กลัวดำ แต่พอเริ่มอายุ 20 กว่าๆ จะกลัวริ้วรอย กลัวดำแบบเป็นฝ้าเป็นกระ เริ่มมีจุดด่างดำเข้ามา ช่วงหลังๆ มีคำถามเรื่องทำเลเซอร์หรือวิธีลัดต่างๆ เยอะขึ้น ส่วนผู้ชายก็จะถามเหมือนผู้หญิง เน้นสกินแคร์ พี่ครับผู้ชายใช้ครีมอะไรดี ลิปบาล์มอะไรดี กันแดดอะไรดี ผู้ชายไทยกลัวดำเยอะนะคะ


สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความหลากหลายของเครื่องสำอาง ตลาดค่อนข้างกว้างมาก ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลกคุณก็ช้อปปิ้งได้ ทำให้มีเครื่องสำอางเยอะขึ้น และบางตัวไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าดีจริงหรือเปล่า ถ้าของแปลกเกินไปก็อย่าไปลองเลย


คิดอย่างไรกับกรณีการซื้อขายครีมออนไลน์ที่มีมากมายในตอนนี้
ส่วนตัวคิดว่าน่ากลัวมากถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าเชื่อถือได้ ทำจากแล็บที่ไหน มันคือครีมกวนเอง กล้าใช้เหรอ ไม่กล้าใช้ แต่น้องๆ บางคนซื้อมาทากันทั้งตัว พอมีผลเสียตามมามันแก้ยาก จะสวยจะขาวอะไรก็พอประมาณดีกว่าไหม ยับยั้งชั่งใจหน่อย อาจจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้


ค่านิยมของคนไทยคือ ของแพงคือของดี คนยังชอบคิดแบบนี้ แต่ของแพงอาจจะไม่ใช่ของดีเสมอไป หรืออาจจะมีของถูกและดีเท่าๆ กันก็ได้ แต่ครีมกวนเองขึ้นอยู่กับว่าเราเชื่อในสิ่งที่เราใช้แค่ไหน บางคนเขาก็ชอบนะ ได้ลองของใหม่แล้วมารีวิวเป็นคนแรกว่าฉันค้นพบอันนี้ อย่างที่พูดไปถ้าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าแหล่งผลิตน่าเชื่อถือแค่ไหน หรือมีส่วนผสมอะไร ก็อย่าเสี่ยงดีกว่า เพราะผลที่ตามมาอันตรายกว่าที่คิด


จนถึงวันนี้ 6 ปีแล้ว พัฒนาการของ Jeban เป็นไปตามที่คาดหวังไหมคะ
จากวันแรกที่เปิดมีอยู่สี่คน ตอนนี้ทีมขึ้นมาเป็น 20 คนแล้วก็ยังไม่พอ การดูแลเว็บคอมมูนิตี้ใช้คนเยอะมาก ต้องใส่ใจทุกจุดจริงๆ อัตราการเติบโตของเว็บวันแรกประมาณ 1,000 กว่า UIP ตอนนี้ขึ้นมา 100,000 กว่า UIP เพจวิว 10 ล้านก็ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเว็บไซต์ไม่ได้เป็นแมสจนเกินไป ก็ยอมรับว่ามันคงไม่ได้พุ่งมากมาย

เรายังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะเรากะจะตอบสนองและรองรับความต้องการของคนที่เข้ามาเล่น ไม่ว่าจะเรียกร้องอะไรก็จะทำให้ได้ แต่ในความเป็นจริงยังทำไม่ทันเลย มีของเล่นใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ ทุกวัน แต่ตอนนี้เราขยายไปค่อนข้างเยอะ หน้าตาเว็บอาจจะดูเหมือนเดิมแต่ฟีเจอร์หลังบ้านหรือการจัดการเราทำเยอะมาก และน่าจะขยายทิศทางไปยัง เครื่องมืออื่นๆ ด้วย

 

บางคนบอกว่าเว็บคอมมูนิตี้ทำง่าย เพราะได้คอนเทนต์มาฟรีๆ
ยากกว่าที่คิด ยากจนคิดว่าที่จริงแล้วถ้าเราเป็นเว็บคอนเทนต์ตั้งแต่แรกคงจะง่ายกว่านี้ คือใช้แค่ปริมาณกับนักเขียน แต่การเป็น user-generated content หรือเว็บคอมมูนิตี้ ความยากคือการดูแลคนในปริมาณมาก และทีมงานแต่ละคนก็มีนิสัยต่างกัน เหมือนตัวแทนของเมมเบอร์ที่เข้ามาเล่น เราเป็นคนกลางที่ต้องทำความเข้าใจว่าคนในยุคนี้คิดอะไร ต้องการอะไร ชอบอะไรอยู่ กิจกรรมที่จะใส่ให้เขาเล่นไปในทิศทางไหน เขาชอบหรือมันยี้ เนื่องจากเราเป็นเว็บคอมมูนิตี้ ถ้าไม่มีคนเข้าเว็บก็อยู่ไม่ได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าเราจะเอาเว็บไปขายที่ไหน การดูแลเมมเบอร์ก็ยาก การที่ผู้หญิงมาอยู่ด้วยกันเยอะๆ มีนักเลงคีย์บอร์ด ทำให้เกิดการปะทะกัน ต้องมีกฎกติการ่วมกัน แต่ว่าที่ออฟฟิศก็ทำงานกันแบบสบายๆ เรายังมองว่าคอมมูนิตี้ที่ดีในเว็บต้องเริ่มจากคนดูแลบ้านที่ดี ถ้าเกิดคนดูแลบ้านไม่มีความสุขก็จะดูแลคนที่เข้ามาเยี่ยมบ้านไม่ดี นี่เป็นแนวทางของการทำงานที่นี่


พูดถึง “นักเลงคีย์บอร์ด” ในฐานะที่เป็น “ป้าจีน” รับมือกับเรื่องดราม่าอย่างไร
ถ้าอยู่ในโลกออนไลน์มันหนียาก บางทีเราก็เป็นของเราแบบนี้แต่มีคนหมั่นไส้ก็มี ยิ่งเราอยู่ในที่สว่างแค่ไหน เงาก็จะมืดมากเท่านั้น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว การรับมือกับดราม่าต่างๆ พยายามเอาสิ่งที่เขาว่าเรามาปรับปรุงตัวเองถ้าอะไรที่ไม่จริงก็ปล่อยมันไปเลย แล้วถามตัวเองว่าสิ่งที่เราทำ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม ถ้าไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็อย่าไปคิดมาก เอาเวลาไปโฟกัสสิ่งที่ดีกว่า


Jeban มีแผนจะขยายเป็นโปรดักส์ความสวยความงามไหม
ตอนแรกก็อยากทำโน่นทำนี่ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เคยแอบเบื่อ หรือว่ามันจะสุดแล้ว แต่พอมานั่งคุยกันในทีม เราก็ยังต้องไปอีก ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำ พอหาอะไรที่อยากทำได้ ไฟมันจะลุก แล้วก็เลยอยากทำอะไรเต็มไปหมด สักพักก็ไม่มีเวลาอีกแล้ว พอมีแนวโน้มใหม่ๆ เข้ามาในโลกไอทีเราก็อยากลอง ถามว่าจะมีการขยับขยายไปสู่โปรดักส์อื่นไหม ก็คงมี แต่ยังอิงอยู่ในด้านดิจิทัล เช่นตอนนี้ก็เริ่มทำ Jeban On Air ทำกันขำๆ สนุกๆ น้องๆ ในทีมอยากทำ เป็นยุคของเด็กที่ไม่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแต่เป็นถ่ายวิดีโอแล้ว รีวิวก็เป็นวิดีโอแล้ว จากที่เคยมองว่าโหลดช้า อินเทอร์เน็ตก็เร็วขึ้น สนับสนุนกันและกัน


การเริ่มต้นนำสิ่งที่ชอบมาเป็นธุรกิจแบบป้าจีน อะไรสำคัญที่สุด
การเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่ปล่อยให้โอกาสหรือสิ่งที่เราอยากทำหลุดไป เมื่อเวลาที่เราทำได้แล้วไม่ทำเราจะมานั่งเสียใจหรือเปล่า ถ้าคิดตอนนั้นว่าอยากทำก็ทำเลย ไม่ว่าจะออกมาดีหรือไม่ดี พี่จีนเป็นแบบนี้ตลอดเลยตั้งแต่ก่อนทำ Jeban คือถ้าวันหนึ่งอยากทำเว็บไซต์ก็จะลาออกไปหางานที่ทำเว็บไซต์ ถ้าอยากทำแล้วไม่ทำ เราก็รอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ แล้วยิ่งอายุไม่เยอะมาก การเริ่มเร็วมันได้เปรียบอยู่แล้วเพราะว่าเริ่มเร็ว ล้มเร็ว ก็ฟื้นได้เร็ว