www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > คนต้นแบบ

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ : ชีวิต ความคิด และบทกวี
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2013-03-15 17:33:40

ขอบคุณมือทุกมือที่ถือหนังสืออ่าน ตาทุกคู่ที่เคลื่อนผ่านอ่านหนังสือ 

มือของเรากำลังสัมผัสมือ ใจของเราคือสื่อสัมผัสใจ 

-เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์  ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณกรรม-

จุดเริ่มต้น หรือ แรงบันดาลใจที่ทำให้สนใจด้านกวีและงานเขียน? :  
               จุดเริ่มต้นของ เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเขียนหนังสือ ก็คือผมเป็นคนเมืองกาญ เกิดอำเภอ พนมทวญ  จังหวัดกาญจนบุรี เป็นถิ่นวรรณกรรมสำคัญของไทยคือเรื่องขุนช้างขุนแผน

                ขุนช้างขุนแผนเป็นเรื่องคาบเกี่ยวระหว่าง 2 เมืองสุพรรณกับเมืองกาญ เพราะฉะนั้นความบันดาลใจก็เกิดจากวรรณกรรมเรื่องเนี๊ยมันถือเป็นวรรณคดี เพราะว่าเรื่องราวของเมืองกาญนั้นเป็นเมืองขุนแผนโดยตรง เจ้าเมืองขุนแผนตำแหน่งเจ้าเมืองก็คือ พระสุรินทร์ลือชัย เวลานี้ก็ยังมีตำแหน่งอยู่นี่ที่ทำเนียบศาลากลางอยู่เลย ว่าราชการจังหวัดคนต้นๆของตำแหน่งพระสุรินทร์ลือชัยคือขุนแผนและเมืองกาญเป็นเมืองขุนแผน มันก็เลยทำให้เราสนใจก็เลยทำให้ได้อ่านวรรณคดีเรื่องนี้แล้วก็ติดใจ  และทำให้ชอบ ชอบกาพย์ กลอนและบังเอิญพ่อเนี่ยชอบเขียนกาพย์ กลอน ด้วย  เขียนกลอนให้ผมท่องตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน เพราะฉะนั้นเรื่องหนังสือกับผมมันก็เลยเป็นสิ่งแวดล้อม ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาแต่ตั้งแต่เด็ก

สไตล์การเขียนของคุณเนาวรัตน์  เป็นอย่างไร? มีเอกลักษณ์อย่างไร?  :               
                 ส่วนใหญ่ก็เขียนกาพย์ กลอน กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ เริ่มแต่เขียนโคลงก่อน  แล้วก็มาเขียนกลอน  เขียนกาพย์  เขียนอะไรเขียนได้ นี่คือรูปแบบการบทกวีว่า  แล้วตอนหลังก็มาเขียนร้อยแก้วอีกทีหลัง

คนที่เกิดมาเพื่อที่จะเป็นกวี มีไหมคะ?  
                  ไม่จำเป็นผมว่าพรแสวงสำคัญกว่า  พรสวรรค์ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่  มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้  เเต่พรแสวงคือหมายความว่าสิ่งแวดล้อม  สิ่งแวดล้อมทำให้เขาชอบ เขาไม่เกิดความชอบขึ้นมาลอยๆมันตกจากฟ้า มันก็ต้องมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นจริงอยู่  เช่นมีคนที่ชอบหนังสือ  เป็นครอบครัวที่ชอบหนังสือ  มันก็ทำให้เกิดความชอบ พอชอบแล้วมันก็บันดาลใจ แล้วมันก็ทำงานไป  มีโอกาสได้ทำงานไปเรื่อยมันก็สะสมความสามารถไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดเราก็มองหาไม่เจอว่ามันเกิดมาจากไหนก็คิดว่าเป็นพรสวรรค์  ความจริงผมใช้คำว่าพรแสวงจะมากกว่า  จะมีมากกว่า 

ขอคำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเป็นนักเขียนจะมีวิธีการฝึกฝนหรือพัฒนาทักษะด้านการเขียนอย่างไร? :  
                   ถ้าอ่านมากๆแล้วมันก็จะรู้ทำให้อยากเขียน  พออยากเขียนแล้วมันจะเขียนออกมาเอง เพราะการเขียนเป็นของเราเนี่ยมันไม่ได้สำเร็จด้วยเราเท่านั้นมันต้องมีผู้อ่าน ผู้อ่านเป็นตัวบอกว่างานเขียนชิ้นนี้ใช้ได้หรือไม่ใช้ได้บางทีเราเขียนดีมาก  ปรากฏว่าคนอ่านไม่รู้เรื่องมันก็ไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร  ถ้าสมมติว่าเราเขียนแล้วมีคนอ่าน ชื่นชม ชื่นชอบ มันก็จะดีและจะให้ดียิ่งขึ้นก็ต้องมีผู้วิจารณ์บ้านเรายังคาดผู้วิจารณ์มันได้แต่อ่านกันแล้วก็ชมกัน เชียร์กันซึ่งความจริงแล้วควรจะมีนักวิจารณ์ด้วย  เพราะนักวิจารณ์จะช่วยยกระดับทั้งคนอ่านและคนเขียนขึ้นมา 

                เเต่ขั้นต้นแล้วต้องชอบ ชอบแล้วก็มีคนชื่นชม  ชื่นชมแล้วก็ควรจะมีคนช่วย  ช่วยชี้   ช  ช  หมดเลย  ชอบ  ชื่นชม  ช่วยชี้มันก็จะเชี่ยวชาญ และ ช่ำชอง  นั่นคือความสำเร็จของงานเขียน  

 

บทกวีที่ดี คือ บทกวีแบบไหนและทำหน้าที่ด้วยตัวของมันเองอย่างไร ?  : 
                ผมเคยเขียนไว้ว่ามันมีเป้าหมายอยู่ 3 อย่างคือ  1.มาสนองอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง   2. คิดพ้นไปจากเรื่องที่พ้นไปจากตัวเอง  เป็นอุดมการณ์หรือเป็นอุดมคติทำนองนั้น   เรื่องที่ 3. เรื่องที่สะท้อนความเป็นจริงที่พ้นไปจากทั้งตัวเองทั้งผู้อื่นอาจจะพูดถึงความเป็นธรรมชาติล้วนๆ

                โดยให้มันเสนอตัวมันเองด้วยงานเขียนของเรา  อย่างที่ผมเขียนแผ่นดิน  ผมเขียนทุกจังหวัด  นั่งดูจนเกิดความรู้สึกแล้วก็เขียนเหมือนกับเขียนรูปออกมา  นั่นคือ3อย่างนั่นคือวิธีการเรียกว่าวิธีจำแนก แต่ว่าถ้าโดยเนื้อหาแล้วมันก็จะมีอยู่3อย่างเหมือนกันคือ  เนื้อหานั้นมันประโลมใจคืออ่านแล้วก็มันมีสบายใจ  2.ก็คือ ปลอบใจในยามที่เราว้าเหว่ และยามที่เราอกหัก  ในยามที่มีความทุกข์มันมาปลอบใจเราได้  สุดก็คือปลุกใจในยามที่เราท้อแท้  ในยามที่เราทนไม่ได้กับไอความอยุติธรรม  มันปลุกใจให้เรากล้าที่จะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมได้  ฉะนั้นมันก็มี3อย่าง ความหมาย  ประโลมใจ  ปลอบใจแล้วก็ปลุกใจ

                การอ่านสร้างคนให้เป็นผู้รอบรู้  แล้วการเขียนสร้างคนในรูปแบบไหน? : การอ่านหนังสือเป็นการอ่านความคิดของคนอื่น  การเขียนหนังสือเป็นการอ่านความคิดของตัวเราเอง  ฉะนั้นไม่ว่าอ่าน ไม่ว่าเขียนเป็นการทำงานทางความคิด  ผลที่เกิดขึ้นก็คือการพัฒนาความคิดจิตสำนึกของเราขึ้นมาได้ด้วยการอ่านและการเขียน  คนที่เขียนหนังสือต้องเป็นคนที่รักอ่านหนังสือ  คนที่รักอ่านหนังสือถึงระดับหนึ่งก็อยากจะเขียนหนังสือ  คุณภาพสูงสุดของการอ่านก็คือการเขียนนั่นเอง

ทำอย่างไรเพื่อที่จะปลูกฝังความรักในการอ่านและการเขียนให้กับเด็กๆ : 
                  สิ่งแวดล้อมสำคัญมากที่จะทำให้คนรักการอ่านและรักการเขียน  ผมเองก็ พ่อเป็นคนชอบอ่านหนังสือ  เขียนหนังสือแล้วก็สอนให้เรารักการอ่าน กานเขียน แม่ผมเองอ่านหนังสือไม่ออก  เขียนหนังสือไม่ได้ แต่พ่อก็สอนจนกระทั่งอ่านหนังสือออกเขียนหนังสือได้  ผมเองและน้องผมทุกคนอ่านออกเขียนได้ก็เพราะพ่อ  พ่อแต่ง กอ ไก่  ให้เราท่อง ตั้งแต่ต้น ก เอ๋ยจน กอ ไก่จนขันเรื่อยไปใครจะฟังอะไรอย่างนี้  เราทุกคนในบ้านถือว่าพ่อเป็นครูเพราะสอนให้เราอ่านเขียนหนังสือออก  เพราะฉะนั้นสิ่งแวดล้อมครอบครัวเนี่ยสำคัญแล้วต่อไปก็โรงเรียน  โรงเรียนก็สำคัญที่จะสอนให้เรารักการอ่าน การเขียน เด็กเล็กๆ เด็กประถม  มัธยมก็ตามเนี่ยควรจะสอนให้เขาได้มีประสบการณ์ในการจำข้อความหรือเรื่องที่ดีๆ เช่น  นิทานด้วยการท่องบทกวีที่ดีๆนี่สำคัญมากเขาจะได้สัมผัสกับมิติของภาษา  โรงเรียนจะช่วยปลูกฝังการอ่านให้กับคน  โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษาขึ้นไปแล้ว คนควรจะอ่านหนังสืออย่างคนไทยควรจะอ่านหนังสืออย่างน้อย5เล่มทุกคนนะ  5เล่มของผมก็คือ  ขุนช้างขุนแผน  2.ก็คืองานของไม้เมืองเดิม  3. คือข้างหลังภาพของศรีบูรพา  4. คือความเป็นมาของคำสยามของจิตร  ภูมิศาสตร์  5.คืองานอะไรก็ได้ของพระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ  ผมว่าคนที่เรียนอุดมศึกษาที่จบอุดมศึกษาหรือคนไทยทุกคนที่อายุ30ขึ้นไปควรจะต้องอ่านหนังสือ 5 เล่มนี้  แต่ปัจจุบันนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นเลย  สักเล่มก็ไม่มีใครได้อ่าน  น้อยคนที่จะได้อ่าน  ฉะนั้นอันนี้คือ  ข้อยังด้อยคุณภาพของคนไทยในด้านการอ่านหนังสือ

นักเขียนในดวงใจคือใคร  เพราะอะไร?  : 
                     อย่างที่ผมบอกหนังสือเล่มแรกของผมคือ  ขุนช้างชุนแผน อันนี้ก็ถือเป็น เป็นทั้งหมดเลยนะ ผมพูดขุนช้างขุนแผนมากแต่เชื่อว่าหลายคนยังอ่านไม่จบ เพราะถ้าอ่านจบจะรู้ว่าเป็น  จะถือเป็นมหากาพย์ของสัมคมไทยก็ได้ มันมีทั้งประวัติศาสตร์  มันมีทั้งวิธีคิด  มันมีทั้งวิธีการนำเสนอ  มันมีทั้งศิลปะของการประพันธ์  ความไพเราะของถ้อยคำรวมอยู่ในนั้นหมดแล้ว  ฉะนั้นเล่มนี้ถือเป็นตำราที่คนจะเขียนหนังสือทุกคนควรจะต้องอ่าน  นอกนั้นก็นักเขียนรุ่นใหม่ๆผมก็ชอบหลายคนแต่ก็ไม่ได้ถึงที่สุดเพราะเขายังเขียนหนังสือกันอยู่  นอกจากคนที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น  นายผี หรือ  อัสนีย์  พลจันทร์ ที่เขียน  ในฟ้าบ่มีน้ำ  ในดินซ้ำมีแต่ทราย  เนี่ย คนนี้ก็ชอบ  อีกคนก็คือ จิตร ภูมิศาสตร์  ที่เปิบข้าวทุกคาวคำ  จงสูจำเป็นอาจิน   เหงื่อกูที่สูกิน  จึงก่อเกิดมาเป็นคน    นี่ก็ชอบและก็ล่วงลับไปแล้ว  คนรุ่นใหม่ๆก็ตามดูงานเขาอยู่

ประทับใจในนักกวีรุ่นใหม่ คนไหนบ้างไหม? และอยากจะแนะนำผลงานวรรณศิลป์ของใครไหม?

                      ก็มีอยู่หลายคนนะ ผมว่าในเวลานี้ นักเขียนกำลังมีความคิด บ้างก็ยังสับสน บางคนก็ชัดเจนแล้ว แต่ก็ยังหาข้อสรุป ก็ยังเรียกได้ว่า ยังไม่ยึดใครเป็นเป้าหมายสักเท่าไหร่

เราจะทำลายกรอบที่ผู้คิดว่าบทกวีนั้นเข้าถึงยาก เข้าใจยาก ได้อย่างไร?

                      ยากเลย ที่เราห่างเหินก็เพราะว่าโรงเรียนไม่ได้ปูพื้นให้เราเลย แต่ก่อนสมัยผม ต้องท่องอาขยาน การท่องอาขยานจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องแต่มันได้สัมผัสถึงวิถีของภาษา ได้สัมผัสเสียง ได้สัมผัสจังหวะจะโคลน พอมีพื้นตรงนี้พอจะอ่านอะไรก็อ่านง่าย

                      ดังเช่น “เมื่อรู้ว่าเราต้องเศร้าโศก ก็แค่โรคอกหักด้วยรักใหม่ จะกี่ครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไร เพราะความรักยิ่งใหญ่ในทุกครั้ง”  มันอ่านยากรึเปล่า มันน่าจำ และมันก็จำได้ง่าย

                      “ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน”  จำง่ายจะตายไปน่ะ เพียงแต่ว่าเราห่างเหินกับการอ่าน เราขาดพื้นประสบการณ์ เราต้องปูพื้นประสบการณ์ให้กับเด็กของเรา พอมีพื้นแล้วมันก็อยากจะอ่าน บทกลอนดีๆเยอะแยะ มันอ่านแล้วก็อยากจะจำ ทีนี้เราขาดประสบการณ์ เราก็ห่างเหิน เราก็ไม่สนใจ พอไม่สนใจก็อ่านผิด

การยึดกับหลักการและกฏเกณฑ์ของคำกลอนบทกวี โคลง ฉันท์ในการประพันธ์วรรณศิลป์มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร?

                       ยึดติดไม่ดีเลย ข้อดีก็คือ มันจะเป็นพื้นฐาน บรรทัดฐาน ทำให้เราจับจังหวะจะโคลน และสุ่มเสียงของภาษาได้ดี เพราะภาษาไทยมีเสียงบังคับแน่นอน ทำให้รู้จังหวะจะโคลนและความเลื่อมล้ำสูงต่ำของเสียง จะทำให้เราเขียนได้ไพเราะขึ้น รู้จักใช้จังหวะ รู้จักใช้เสียง เพราะเป็นหลักของงานศิลปะทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ เข้าใจ เพื่อจะเป็นพื้นฐานที่จะนำมาใช้แต่ง เหมือนคนที่จะเขียนรูปให้เก่งต้องขีดเส้นให้ตรง เขียนวงให้กลมส่ะก่อน อยู่ๆคุณจะไปเริ่มได้ แต่มันช้า คุณมีพื้นฐานจะทำให้ก้าวหน้าได้เร็ว แต่ถ้าไปยึดติด คุณก็จะติดอยู่กับรูปแบบแบบนี้  ความจริงฉันทลักษณ์แปลว่ารูปแบบอันเป็นที่น่าพอใจ ฉันทะคือพอใจ ลักษณ์คือรูปแบบ หมายถึงถ้าคุณเขียนแล้วเป็นที่น่าพอใจของคุณ คนอ่านก็พอใจด้วยช่วงกาลเวลาหนึ่ง มันก็คือฉันทลักษณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันทลักษณ์มีอยู่แค่นี้ คุณสามารถที่สร้างฉันทลักษณ์ใหม่ได้ ฉันทลักษณ์เป็นเรื่องที่ไม่ควรยึดติดมัน แต่ควรที่จะรู้ และใช้มันให้เป็นประโยชน์

ธรรมะ มีส่วนช่วยในการเขียนหนังสือได้อย่างไรบ้าง?

                       เล่มนี้แพรวพรรณธารน้ำไหล เคยไปบวชและใช้ชีวิตแบบทุดงอยู่ที่นั้น ผมบอกแต่ต้นแล้ว การอ่านหนังสือคือการอ่านความคิดคนอื่น การเขียนหนังสือคือการเขียนความคิดของเราเอง ทั้งอ่านและเขียนเป็นงานทางความคิด ความคิดมันเป็นธรรมดา ธรรมชาติแต่มีหลักคิด และธรรมะช่วยทำให้เรามีหลักคิด คนทุกคนมีความคิดทั้งนั้นแหละแต่บางทีหลักคิดของเราเปลี่ยนไปเรื่อยแต่ธรรมะจะทำให้เราเข้าใจหลักคิดที่ถูกต้องเป็นสากล ที่เรียกว่าสัจจะ ถ้าเราเข้าใจตรงนี้เราก็จะเข้าใจความคิดทั้งหลายได้ว่ามันมาจากอะไร มันจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นเฉพาะคนเขียนหนังสือเท่านั้นคนทั่วไปก็ควรอ่านธรรมะ ธรรมะทุกวันนี้มันมาก มากส่ะจนเราไม่รู้จะไปจับตรงไหนเหมือนตาบอดคลำช้าง จับตรงไหนมันก็คิดว่าเป็นหลักหมด แต่หลักธรรมของพระพุทธธาตุภิกขุเป็นหลักคิดที่ถูกต้อง ผมถือว่าพระพุทธศาสนาจะมีพระไตรปิฎก งานของพระพุทธธาตุภิกขุจะเป็นปิฎกที่4 คนจะศึกษาพุทธศาสนา พุทธธรรมต้องอ่านงานของท่าน เพราะงานของท่านพระพุทธธาตุอธิบายหลักที่เราอ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องมาเป็นภาษาร่วมสมัยของเราให้เราเข้าใจได้ง่าย

ช่วยฝากบทกวีเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชน?

                      ผมก็ยังยืนยันอยู่ว่าคนเราทำงานทางความคิดน้อยไป การทำงานทางความคิดที่ดีที่สุดคือการอ่านหนังสือและเขียนหนังสือ อ่านหนังสือคือเขียนความคิดของคนอื่น เขียนหนังสือคือเขียนความคิดของเราเอง ทั้งอ่านทั้งเขียนเป็นการทำงานทางความคิด โลกสมัยใหม่ดึงเราออกจากโลกความคิดเราเป็นเหยื่อของความฉับไวทันสมัยมากที่เรียกว่าโพสโมเดิล เป็นเหยื่อของโพสโมเดิล การมีโทรศัพท์ทำให้เราคิดเร็วขึ้นทำให้อารมณ์ความรู้สึกแร่นเร็วขึ้นด้วย การระงับยับยั้งความรู้สึกก็น้อยลงด้วย เพราะฉะนั้นเรากำลังเป็นเหยื่อของมัน เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเราต้องมาตั้งหลักคือการอ่านหนังสือและเขียนหนังสือด้วยยิ่งดี