ความสุขสร้างได้ กับ อาตุ่ย-พุทธชาด พงศ์สุชาติ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-10-03 16:41:42
เรื่องและภาพ: ศรินทร เอี่ยมแฟง
จงฝึกที่จะเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง ตัวเราเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด เป็นเพื่อนแท้ไปจนถึงวันตาย
แต่เพื่อนแท้เราต้องเฟิร์มนิดหนึ่ง
เมื่อชีวิตต้องพบเจอปัญหา บางคนเรียกหาตัวช่วยด้านกำลังใจจากคนใกล้ชิด คนที่เราขอคำปรึกษาส่วนใหญ่มักมีอุปนิสัยของการมองโลกในแง่บวก มีทัศนคติเดียวกัน และมีความสุข ยังมีอีกหลายคนเลือกปรึกษาปัญหากับนักจัดรายการวิทยุหรือดีเจ เพราะเชื่อว่าเขาเหล่านั้นเคยแก้โจทย์ชีวิตคนอื่นมาไม่น้อย อาตุ่ย-พุทธชาด พงศ์สุชาติ พิธีกรและดีเจอารมณ์ดี เป็นผู้ให้คำปรึกษาระดับยอดเยี่ยมด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา แม้อาตุ่ยจะบอกว่าการมีตนเองเป็นที่พึ่งนั้นดีที่สุด แต่ทัศนคติที่ดีโดยเฉพาะเรื่อง “ความสุขสร้างได้” ก็ช่วยให้คำตอบสำหรับการใช้ชีวิตทุกรูปแบบและทุกปัญหาได้เป็นอย่างดี
ช่วงนี้คนดูได้เห็นผลงานของอาตุ่ยจากเกือบทุกสื่อ งานที่รับผิดชอบในตอนนี้มีอะไรบ้าง
วิทยุของอาก็ 94 อีเอฟเอ็ม รายการเกมส์ช็อคโลก วันจันทร์ถึงพุธเวลา 2-3 ทุ่ม รายการไก่คุ้ยตุ่ยเขี่ยก็วันจันทร์ถึงพุธ 3-5 ทุ่ม แล้วอาก็มีรายการ อ.ต.ก. เอฟเวอรี่ติง กู๊ด อ้นไก่ตุ่ย ช่องกรีนแชนแนล รายการคริสเดลิเวอรี่ คันปาก 5 มหานิยม ธรรมดีที่พ่อทำ ส่วนใหญ่เป็นงานที่อารัก บางคนบอกว่าอามีภารกิจที่ต้องทำเยอะ แต่ถ้าเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ทุกสิ่งที่เราทำไม่ใช่ไปทำให้เสร็จแต่ทำแล้วเกิดผลงานกับตัวเราเองว่า วันนี้มีค่าอีกแล้ว และเกิดผลงานกับเพื่อนร่วมงานคือได้ช่วยเพื่อนร่วมงานให้ทำงานสำเร็จ แล้วเราก็ช่วยให้โลกนี้ได้เคลื่อนไหวในหนึ่งวัน เราก็ไม่เหนื่อย
ไม่มีชีวิตของใครที่ไม่เหนื่อย แม้กระทั่งลูกน้ำยุงมันยังว่ายเรื่อยๆ เลยนะ ซึ่งมันลอยอยู่เฉยๆ ไม่ได้ การมีชีวิตอยู่คือการเคลื่อนไหว ถ้าเรามองชีวิตด้วยความเป็นธรรมชาติ ชีวิตเราก็จะธรรมดา และจะมีความสุข ไม่เป็นภาระอะไรเลย มันมีเรื่องที่เราควรจะเหนื่อยมากมาย เช่น ไปตามส่องดูเฟซบุ๊คของแฟนเก่า การไปตามอิจฉาคนโน้นคนนี้ อันนั้นเป็นเรื่องควรเหนื่อยเพราะไม่น่าทำ แต่การดำรงชีพ นวดให้แม่ ช่วยแม่ทำงาน เรียนหนังสือ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเหนื่อย
เรารู้จักอาตุ่ยจากการเป็นพิธีกรและดีเจ อาตุ่ยเริ่มเข้าวงการมาได้อย่างไร
อาเข้ามาเป็นผู้ประกาศเสียงอัดสปอตวิทยุ อาจบจากคณะนิเทศศาสตร์ วาทวิทยา ตอนเป็นเด็กๆ อาชอบทะเลาะกับพี่น้องเลยมักจะเล่นคนเดียว อ่านหนังสือแล้วก็พูดคนเดียว ใส่เสียงเป็นคนนั้นคนนี้ตั้งแต่ประถม มันก็กลายเป็นทักษะของเรา พอเรียนวาทวิทยาก็พบว่าเราเป็นคนมีน้ำเสียงหลายแบบ อาก็ไปอัดเสียงให้เพื่อนที่ต้องส่งงานให้อาจารย์ อาจารย์บอกว่าเสียงตุ่ยมีหลายแบบมาก อยากให้เจอกับรุ่นพี่ที่เป็นโปรดิวเซอร์หรือก็อปปี้ไรเตอร์ จนได้ไปอัดเสียง ทุกวันนี้ในเรดิโอสปอตอาจจะเป็นเสียงอาโดยที่ทุกคนไม่รู้ บางครั้งอาอัดเสียงสปอตวิทยุ 4 แบรนด์แล้วออกต่อเนื่องกัน คนก็ไม่รู้ ต่อมามีรุ่นพี่ที่ทำโปรดักชั่นทีวี เขาเคยไปดูอาเล่นละครเวทีนิเทศจุฬา มาชวนเราไปทำรายการเซียนซุ่ม ของเจเอสแอล ก็อยู่เบื้องหน้ามาตลอด
อาทำงานหลากหลาย เพราะธรรมชาติของรายการโทรทัศน์ วิทยุ แล้วก็หนังมีความแตกต่างกัน อาก็พาตัวเองไปพบเจอธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป ก็เป็นการเรียนรู้ชีวิตด้วย สมัยก่อนการเล่นละครอาจจะเป็นเรื่องเหนื่อย ต้องตื่นแต่เช้า ขัดกับธรรมชาติของอา แต่ไปทำก็เหมือนได้ฝึกกายฝึกใจของเรา ที่สำคัญคือได้ไปเจอเพื่อนคนอื่น ได้เห็นน้ำใจของการทำงานพร้อมกัน 30 คนเพื่อให้ได้งานบันทึกลงในฮาร์ดดิสก์ 3 นาทีต่อฉาก เป็นการลงแขกที่น่าทึ่ง
อยากบอกน้องๆ ว่าไม่มีใครถนัดกับสิ่งที่เขาทำอย่างเชี่ยวชาญอย่างทุกวันนี้มาตั้งแต่วันแรก เขาต้องผ่านการฝึกกรำจากธรรมชาติ ทั้งความทุกข์ ความเหนื่อย ความท้อแท้ พวกเธอทุกคนต้องเข้มแข็งและผ่านมันไป อย่าเพิ่งถอดใจ ทำให้เต็มที่ที่สุด แล้วเราจะพบว่าวันหนึ่งเราเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ แล้วเราจะทำอย่างอัตโนมัติและมีความสุข ตอนที่อาเข้ามาในวงการแรกๆ เพื่อนบอกว่า อีตุ่ยทำไมได้หรอก อีตุ่ยไม่ตื่นไปทำงานหรอก เราเป็นคนไม่ตื่นเช้า แม้จะเกิดผลเสียหายกับตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เคยไม่ได้ไปสอบจนสอบตกน่ะ แต่พอเรามาทำงาน ถ้าเราไม่ลุกหรือเราช้าสักนิด คนเดือดร้อนมีมากกว่า ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ต้องตื่นและก็ทำได้ ความอดทนไม่เคยฆ่าใครนะ แม้มันทรมานมาก ทำเถอะ แล้วเราจะเติบโต
พูดถึงเรื่องเรียน ทราบกันดีว่าอาตุ่ยเรียนเก่ง เคยสอบติดคณะแพทยศาสตร์ แต่เลือกเรียนนิเทศศาสตร์แทน การตัดสินใจครั้งนั้นเป็นเรื่องยากแค่ไหน
คำว่าเก่งและคำว่าคู่ควรมันคนละเรื่อง คุณเก่งพอที่จะเข้าไปเรียนเป็นนิสิตแพทย์ได้ แต่คุณไม่คู่ควรที่จะเป็นแพทย์ที่ดูแลชีวิตคนอื่นหรือเปล่า เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ที่สมอง ช่วงนั้นเรามีความเชื่อว่าถ้าสอบติดในคณะเหล่านี้พ่อแม่จะดีใจ แต่เราลืมนึกไปว่าการสอบติดแล้วเข้าไปเรียนนั่นหมายถึงเราต้องเลือกอาชีพนั้นแล้ว พอสอบเข้าได้ทุกคนก็คาดหวังว่าดีจังเลยเราจะมีหมอคนใหม่ในตระกูลอีกแล้ว แม่ก็รู้สึกดีมีลูกเป็นหมอจะได้ฝากผีฝากไข้ ซึ่งเวลานั้นอาเรียนรู้ช้าไปนิดที่จะคิดว่าคนเป็นหมอเขาทำอะไร พอเริ่มพิจารณาดีๆ คนเราไม่รู้ว่าจะป่วยในเวลาราชการหรือว่าเวลาที่อาตู่อยากนอน อาตุ่ยพร้อมดูแลเขาไหมถ้าเขาเทกระจาดมา หมอต้องเสียสละขนาดนั้น เราก็ เฮ้ย มันไม่ได้หรือเปล่าวะ อาก็ต้องใช้กำลังใจชั่งใจอย่างหนัก เป็นบุญที่แม่อาให้เลือกชีวิตเอง เพราะแม่ก็ไม่ได้จะมาผ่าตัดหัวใจให้คนไข้แทนอาได้ อาต้องทำเองทั้งหมดหลังจากนี้ในชีวิต แม่เขาก็ยอม แต่อามองแววตาก็รู้ว่าแม่เจ็บปวดนิดๆ แต่อาก็คิดว่าการที่เห็นแววตาผิดหวังของแม่ เราจะทำให้แววตาของแม่สดใสได้ใหม่ด้วยการเป็นนักนิเทศศาสตร์ที่เจ๋งแทน เราจะรักษาด้วยยาชนิดใหม่ที่เจ๋ง ด้วยการทำให้แม่เห็นว่าเราตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้องและทำให้ดีที่สุด อย่าเอามาเป็นกังวลหรือเป็นอุปสรรค ให้เอามาเป็นแรงบันดาลใจ
จำเป็นหรือไม่ที่วัยรุ่นจะต้องรู้จักตัวเองและเลือกทำตามสิ่งนั้นๆ
จงรู้ตัวเองมากที่สุด จงมุ่งมั่น อย่าตามกระแสความนิยมและความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ เราไปโรงเรียนทุกวัน เรารู้เลยว่าวิชานี้กูติวแล้วติวอีกก็ไม่ได้ จะอ้วกออกมาแล้วมันยังไม่ซึมเข้าสู่ความเป็นธรรมชาติของเราได้เลย อย่างยุติธรรมและอย่างที่พยายามอย่างที่สุดแล้วนะ รีบทำ รีบมอง รีบตรวจสอบตัวเอง จะได้ไม่เสียเวลา การที่เรามีเหตุผลที่ชัดเจน รู้ในตัวเอง รู้ในธรรมชาติของงานที่เราจะทำข้างหน้าและคณะที่เราอยากเรียน จะเป็นข้อพูดคุยให้พ่อแม่สบายใจเมื่อเราเห็นไม่ตรงกับท่าน ในระหว่างที่คุณรู้สึกว่าอันนี้มันไม่ใช่ คุณก็ไม่ควรจะจดจ่ออยู่กับคำว่าไม่ใช่แล้วล่ะ ควรไปหาว่าอะไรล่ะที่ใช่ แล้วลองมันอีกครั้ง
เดี๋ยวนี้วัยรุ่นชอบขอคำปรึกษาจากดีเจหรือไอดอล ทำไมเขาถึงเลือกพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักเขา
พ่อแม่เราในวันเก่าเขาก็เคยเป็นวัยรุ่น และเขาก็เคยตัดสินใจอะไรที่ผิด บางอย่างเขาเลยต้องการล็อคเราเลย ซึ่งบางทีมันก็ไม่ใช่เรา เพราะแม่เราผ่านเหตุการณ์วัยรุ่นของเขามานานมากแล้ว หรือแม่อาจจะกังวลเกินไป แต่ดีเจนี่ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักเราเลย เขาจะให้คำแนะนำแบบกลางๆ ใช้เหตุผล ไม่มีความห่วงใยเยอะจนลนลานเหมือนพ่อแม่ เด็กถึงเลือกฟังพี่ดีเจมากกว่า แล้วช่องว่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ในครอบครัวอาจมากเกินไป
คิดว่าตัวเองมีลักษณะอย่างไรที่ทำให้เขาไว้ใจได้หรือเชื่อถือเรา
อารู้สึกว่าเด็กๆ เข้าถึงอาได้นะ เพราะอาเองก็ไม่ได้เริ่มจากคนที่ทำอะไรถูกต้องทั้งหมด แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำถูกต้องทั้งหมด อาก็ไม่ต่างจากเขา แต่เราใช้ประสบการณ์ของเราแล้วบอกให้เขาคิดเองทำเอง อาว่ามันเป็นแบบนี้ ลองเลือกดูสิ ถ้าดีก็ทำ ถ้าไม่เวิร์กก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาฟังจากคนที่เพอร์เฟ็คต์มากก็เข้าไม่ถึง แต่อาจะเข้าใจทุกคนเลยนะ มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย เพราะเรายังอ่อนเขลายังเยาว์วัย เราย่อมคิดแบบนั้นได้
คำถามส่วนใหญ่ที่มักเจอเป็นประจำ
ความรัก การเรียน เรื่องพ่อแม่ก็จะเห็นว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ อาเองก็เคยมองว่าคุณแม่อาเป็นนางยักษ์ที่เก็บกูมาเลี้ยงหรือเปล่าวะ ทำไมดุจัง ทำนั่นนี่ก็ไม่ได้ สงสัยแม่เราคงไม่อยากให้เรามีความสุข แต่พอเราโตขึ้นมามองด้วยสายตาผู้ใหญ่ถึงรู้ว่าแม่รักเราเหลือเกิน ฉะนั้นในวันนี้ที่น้องเป็นเพราะน้องขาดวุ้นแปลภาษาหรือแปลความแบบเป็นผู้ใหญ่ มีอาอยู่ทั้งคน เพราะอาเรียนภาษาของแม่มาแล้ว
เมื่อเราเป็นเสียงที่วัยรุ่นเชื่อฟัง อาตุ่ยต้องวางตัวอย่างไรไหมคะ
มากที่สุดเลย อาโชคดีที่เด็กรักและเชื่อใจอา อาโชคดีที่อาเคยปลวกแล้วเด็กก็รู้สึกว่าอากลับมาดีได้ เห็นอาเป็นไอดอล ทำให้อาสำรวมระมัดระวังไม่ทำในสิ่งที่ไม่สมควร ซึ่งพออาไม่ทำ ประโยชน์อยู่ที่ตัวอาเอง แม้กระทั่งไปงานสังคมอาก็ไม่ดื่ม เพราะอาบอกเด็กว่าดื่มแล้วหนึ่งแก้วรู้ตัว ดื่มต่อเนื่องไป ตอนนี้เราก็นอนให้หมาเลียปากอยู่ บางทีเราอาจจะไปโดนใครข่มขืนถ่ายรูปก็ได้ หรือสิ่งที่อาจะพูดในทวิตเตอร์ (@Rtuitui) สมมติว่าเราตอบน้องคนนี้ เราก็ไม่ได้มองว่าน้องคนนี้คนเดียวที่จะอ่าน ถ้าเป็นประโยชน์ที่จะให้คนอื่นได้ด้วยเราก็ทำ มันจะเป็นอัตโนมัติให้เราสำรวม กาย วาจา ใจมากขึ้น
สำหรับตัวเอง เวลาเกิดปัญหาเลือกที่จะปรึกษาใครหรือแก้ปัญหาอย่างไร
ก่อนที่เราจะตั้งตนรับปรึกษาปัญหาให้คนอื่น อาก็เคยผ่านสิ่งต่างๆ ที่เป็นช่วงเวลาซวยๆ ช่วงเวลาที่เป็นความทุกข์มาแล้ว ณ เวลานั้น ใครสักคนที่ฟังหรือมาช่วยบอกหน่อยว่าฉันควรทำอย่างไรเป็นเรื่องสำคัญมากนะ หนังสือดีๆ ก็ช่วยเราได้ การปฏิบัติธรรมก็ช่วยให้เรามีสติ มีเสถียรภาพทางใจมากขึ้น อย่าเพิ่งเทตัวไปกับความเจ็บปวด เราอย่ามัวแต่ฟูมฟาย ตั้งหลักให้เร็วที่สุดแล้วค่อยๆ จัดการ ไม่อย่างนั้นปัญหาจะยิ่งรุงรัง แล้วป้องกันในสิ่งเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นใหม่
แม้ว่าใครจะไม่มีเวลาให้เราปรึกษา มันย่อมมีวันนั้นเกิดขึ้นนะ วันที่ไม่มีใครเลย หันไปทางไหนมองไม่เห็นใคร จงฝึกที่จะเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง ตัวเราเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด เป็นเพื่อนแท้ไปจนถึงวันตาย แต่เพื่อนแท้เราต้องเฟิร์มนิดหนึ่ง การทำให้เพื่อนแท้เฟิร์มได้คือการอ่านหนังสือธรรมะแล้วหัดใช้ในแต่ละสถานการณ์ เราชอบอ่านหนังสือธรรมะของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เรื่องเล็กๆ ง่ายๆ ลองเอามาใช้ในแต่ละวัน ให้เวลาแห่งความสุขมีมากกว่าเวลาแห่งความร้อนรน
คติประจำใจในการทำงาน
เวลาไปเป็นวิทยากร สิ่งที่อาจะพูดเสมอคือการสร้างความสุขให้กับชีวิตการเรียนหรือการทำงาน คนเรามีการงานเป็นธรรมชาติ จงออกไปทำการงานอย่างมีความสุขเพราะว่ามันเป็นวันเวลาส่วนใหญ่ของเรา การจะทำให้การงานมีความสุขได้เราก็ต้องเต็มที่ ส่งออกไปด้วยความปรารถนาดีอย่างเต็มที่ เช่น เป็นแม่ค้าข้าวแกงก็ปรารถนาดีอย่างเต็มที่ ทำให้คนกินอร่อยมีความสุข อาเป็นนักแสดง ปรารถนาดีต่อผู้จัดที่คัดเลือกเรา ต่อทีมงาน ต่อคนดูที่เขาจะดูแล้วมีความสุข นี่คือการส่งออกอย่างดีที่สุด แล้วเราจะได้รับอย่างดีที่สุด หรืออย่างอาค้าขายทำอาหารเสริม มันมีของเกรดต่างๆ ให้เลือกมากมายว่าถ้าเลือกอันนี้จะมีกำไรเยอะ คนกินก็จะได้ผลลัพธ์อีกแบบ กับเราเลือกอันที่กำไรน้อยกว่า ราคาสูงกว่า แต่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่าแก่คนซื้อ คุณค่าไม่ได้อยู่ที่กำไร แต่อยู่ที่เราทำมีความสุข คนซื้อก็มีความสุขแล้วก็สรรเสริญเรา