www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > คนต้นแบบ

พันโท วันชนะ สวัสดี : จิตอาสาคือหน้าที่
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-08-29 14:55:12

พันโท วันชนะ สวัสดี
จิตอาสาคือหน้าที่

เรื่องและภาพ: ศรินทร เอี่ยมแฟง

ทหารคือผู้ป้องกันประเทศให้ดำรงอยู่อย่างสงบสุข เปรียบได้กับนักรบกองหน้าและกองหลังของพลเมืองในประเทศ ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน เราจึงมักเห็นทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนในหลายบทบาท กระทั่งการช่วยขนข้าวของยามอุทกภัย การสอนหนังสือเด็ก การรักษาพยาบาล หรือการอนุรักษ์ทรัพยากรชาติ สิ่งเหล่านี้แม้จะดูไม่เข้ากับบทบาทหลักในการป้องกันประเทศแต่ก็ถือเป็นหน้าที่สำคัญ จากปากคำของ “ผู้พันเบิร์ด” พันโท วันชนะ สวัสดี ที่ยืนยันว่าจิตอาสาคือหน้าที่อันสืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ และไม่ใช่แค่ทหารแต่รวมถึงประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องร่วมกันสรรสร้างชาติ

บทบาทนอกจอของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขณะนี้รับผิดชอบดูแลในส่วนใด
ผมรับหน้าที่หัวหน้าแผนกปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก อีกหน้าที่หนึ่งคือเป็นรองโฆษกกองทัพบก สำหรับบทบาทหน้าที่ของงานที่ทำเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจกับประชาชน การประชาสัมพันธ์ภารกิจที่กองทัพบกได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจป้องกันตามแนวชายแดนหรือภารกิจการช่วยเหลือประชาชน อันนี้คือส่วนของงานในสภาวะปกติ แต่ถ้าเป็นงานในสภาวะสงครามหรือเกิดการจลาจล ผมก็จะมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้ประชาชนไม่กีดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งในส่วนของทหารและตำรวจ ข้อมูลที่แจ้งให้ทราบเป็นความจริง ยกตัวอย่างเช่นเกิดการปะทะกันตามแนวชายแดน ผมจะมีหน้าที่บอกประชาชนให้อพยพขนย้ายข้าวของรวมถึงชีวิตของประชาชนออกไปอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง เพราะอะไรทำไมถึงต้องย้าย คนไหนมีความเป็นห่วงเรื่องทรัพย์สิน ผมก็ต้องไปบอกเขาว่าเดี๋ยวผมจะจัดเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูแล หรือจะจัดเวรยามในการนำพาเจ้าของบ้านเหล่านั้นไปดูทรัพย์สินของตนเอง รวมถึงการสร้างขวัญและกำลังใจกับทหารและประชาชนในพื้นที่ด้วย

ย้อนไปในช่วงวัยเด็ก ทำไมผู้พันเบิร์ดจึงอยากเป็นทหารคะ
ผมเติบโตในครอบครัวของทหารที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ตอนเด็กๆ ไม่ได้อยากเป็นทหาร ผมอยากเป็นสถาปนิก อยากเรียนเรื่องการออกแบบตกแต่ง ต้องบอกว่าตอนแรกผมค้นหาตัวเองไม่เจอ สมัยก่อนอาชีพหมอ วิศวะ ทหารเป็นที่นิยม พอเราเรียนเก่งชีววิทยา คนก็บอกให้ไปเป็นหมอ พอผมเรียนวาดภาพเก่ง คนก็บอกให้ผมไปเรียนสถาปัตย์ ทีนี้คุณพ่ออยากให้เป็นทหารเหมือนท่าน ผมเองยังไม่รู้ตัวเองก็ไปสอบโรงเรียนเตรียมทหารแบบที่คุณพ่ออยากให้ไป จุดเปลี่ยนของผมคือผมสอบไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวต้องมาแก้ตัวใหม่ในปีหน้าและรู้สึกเสียใจ เลยรู้สึกตัวว่าผมเองอยากเป็นทหาร ผมว่าความยั่งยืนของอาชีพใดๆ เกิดจากตัวเราเอง ตัวเรามีอิทธิพลที่สุด ไม่ว่าคุณพ่ออยากให้เป็น เพื่อนอยากให้เป็น คนนั้นคนนี้อยากให้เป็นไม่สำคัญเท่าตัวเราอยากเป็น

คุณพ่อเป็นต้นแบบในการเป็นทหารอย่างไรบ้าง
ในส่วนของการปฏิบัติงานไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ความทรงจำที่ผมมีต่อคุณพ่อในช่วงที่ยังรับราชการทหารเป็นภาพที่เห็นภายนอก ผมจำได้ว่าคุณพ่อใส่ชุดฝึก ตื่นเช้ามาขัดรองเท้าคอมแบต สมัยก่อนชุดฝึกจะเป็นสีเขียวทั้งชุด คุณพ่อจะซักผ้าเอง เครื่องแบบชุดฝึกจะต้องลงแป้ง เวลาตากก็จะแข็ง ต้องเอามารีดเป็นจีบคมๆ แต่ไม่รู้หรอกว่าคุณพ่อทำงานอะไร ทหารทำงานแบบไหน หน้าที่ทำอะไร แต่สิ่งสำคัญที่ซึมซับมาคือความมีระเบียบวินัยที่ไม่อาจมองเห็นด้วยสายตา คุณพ่อผมตื่นเป็นเวลา ทานข้าวเป็นเวลา นอนเป็นเวลา แม้กระทั่งระเบียบวินัยภายในบ้าน กลางคืนถังขยะในบ้านจะไม่มีขยะเลย ทิ้งได้เฉพาะเศษกระดาษ แต่ถ้าเป็นขยะเปียกอย่างกับข้าวจะไม่มีสิทธิ์ทิ้งถังขยะในบ้านเลย และเวลาคุณพ่อเรียกผม ผมต้องขานรับ “ครับ” แล้ววิ่งไปหาคุณพ่อโดยเร็ว เวลาที่คุณพ่อเรียกแล้วผมไม่ขานแต่วิ่งไปหาก่อน คุณพ่อจะว่าว่าทำไมไม่ขานก่อน คนเรียกเขาจะไม่รู้ว่าเราได้ยิน ผมเลยเริ่มรู้สึกตัวเองว่าเราก็ชอบใช้ชีวิตแบบนี้ เราซึมซับการดำเนินชีวิตอื่นๆ แบบทหารโดยไม่รู้ตัว เช่น ความประหยัดมัธยัสถ์ ตัดผมสั้น การแต่งกายที่มีระเบียบ ความมีระเบียบเรียบร้อยในบ้าน

ประสบการณ์ที่จดจำได้ดีในช่วงชีวิตการเป็นทหาร
เรียกได้ว่าชีวิตของเราเกิดสามครั้ง เกิดครั้งที่หนึ่งคือเกิดจากคุณพ่อคุณแม่ เกิดครั้งที่สองคือตอนที่ผมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร และเกิดครั้งที่สามคือตอนที่ผมเลือกเข้ารับราชการทหารของกองทัพบก ตอนเกิดครั้งที่สองคือชีวิตในโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนเตรียมทหารสั่งสมเรื่องความสมานสามัคคีระหว่างเพื่อนฝูง และความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ การสั่งสมเหล่านั้นแทรกผ่านคำขวัญที่เขียนอยู่ตามขื่อคานของกองร้อยและสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียน สื่อสารผ่านเพลงที่เราร้อง ผมมีความประทับใจความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครูอาจารย์ เรียกได้ว่าเราจะจดจำกันไปจนกระทั่งตายจากกัน มีอยู่ตอนหนึ่ง ระหว่างการฝึกแต่ละคนจะมีคู่บัดดี้ ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบกับเพื่อนของเราเอง วันนั้นเราไปนอนกันในถ้ำ ตอนที่ฝึกมันเหนื่อยมาก ทุกคนก็อยากจะได้น้ำเย็นๆ มีเพื่อนคนหนึ่งมีน้ำอัดลมกระป๋องอยู่กระป๋องเดียวหนึ่ง การจะเปิดกระป๋องต้องคิดดีแล้วว่าเมื่อเปิดแล้วเขาต้องแบ่งให้เพื่อน ในที่สุดเพื่อนคนนี้หยิบมาเปิดก็แสดงว่าเขายินดีแบ่งให้เพื่อน อันที่สองคือวัดใจระหว่างเพื่อนที่นั่งกันอยู่ 40-50 คนกับน้ำหนึ่งกระป๋อง จะกินของเพื่อนไหม ทันทีที่มีเสียงเปิดกระป๋องขึ้นมา เชื่อไหมครับ เพื่อนทั้งห้าสิบคนหันไปมองหมด แล้วเพื่อนคนนี้ก็พูดขึ้นว่า เรามีกระป๋องเดียวก็คงจะต้องแบ่งกันคนละอึกนะ ผมซาบซึ้งมากและพยายามมองว่าเพื่อนที่เหลือจะพูดว่าอะไร เชื่อไหมครับว่าเพื่อนๆ บอกเหมือนกันว่า ขอบใจไมตรีที่เพื่อนมีให้แต่เราขอให้เพื่อนแบ่งกับบัดดี้ครึ่งๆ ไปเลยดีกว่า ส่วนคนอื่นสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองกับบัดดี้ได้ ผมเลยรู้สึกว่าโรงเรียนเตรียมทหารหรือโรงเรียนนายร้อยสอนให้เราเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่ละเมิดสิทธิ์ของกันและกัน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

ต่อมาการเกิดครั้งที่สามคือการเลือกรับราชการเป็นทหารจริงๆ หลังจากเรียนจบ ผมคงทำอาชีพอื่นได้ไม่ดีเท่ากับอาชีพนี้ ปณิธานของการเป็นทหารคือเราอยู่ได้ก็ต่อเมื่อประชาชนให้การยอมรับ และความสำเร็จของการทำงานของผมจะเกิดขึ้นได้จากการที่ประชาชนทั้งหมดอยู่ได้อย่างรู้สึกปลอดภัยและมีความสุข เชื่อมั่นและเชื่อถือในบทบาทของกองทัพ ทำให้ผมทำงานได้อย่างเต็มที่ กองทัพบกจะเคียงข้างกับประชาชนเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการช่วยน้ำท่วมที่ผ่านมา เราลงไปช่วยเพราะเป็นหน้าที่เท่านั้นเอง

หน้าที่ของทหารรวมถึงขนของน้ำท่วม ทำอาหาร เลี้ยงเด็กด้วยหรือคะ
อยากฝากไปถึงประชาชนทุกคนว่าอย่าได้เกรงใจที่จะเรียกใช้หน่วยงานของกองทัพ ยิ่งในปัจจุบันจะเห็นว่าภัยคุกคามอยู่แวดล้อมเราในรูปแบบต่างๆ เช่น ยาเสพติด การใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไปจนขาดความสมดุล หรือภัยธรรมชาติ กองทัพอยากบอกว่าภัยเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน อะไรที่เข้าไปช่วยเหลือได้เราจะพยายามเข้าไป ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดถึงคำว่า “จิตอาสา” และคำว่า “หน้าที่” คำว่าจิตอาสาเมื่อคิดถึงข้อด้อยคือเขาจะรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่ไม่อยากทำเขาก็ไม่ทำก็ได้ ข้อด้อยของหน้าที่คือเมื่อผ่านพ้นหน้าที่แล้วก็ไม่ทำก็ได้ ผมจึงเอาสองส่วนนี้มารวมกันว่า “จิตอาสาคือหน้าที่” คนไทยมีหน้าที่เป็นจิตอาสาของประเทศ ไม่สามารถปล่อยปะละเลยได้

การเป็นทหารให้อะไรกับชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง
อาชีพทหารเป็นข้าราชการ เงินเดือนไม่สูง ต้องถูกย้ายตำแหน่งไปในที่ต่างๆ อาจไม่มีเวลาให้กับครอบครัว แต่สิ่งที่ผมได้จากอาชีพนี้คือในเมื่อเรามีเงินเดือนไม่สูง เราจะใช้ชีวิตแบบพอเพียงจริงๆ ผมยืนยันว่าเราสามารถอยู่ได้ในเงินเดือนที่มีอยู่ ยกตัวอย่าง เครื่องแบบทหารใช้ไปในงานได้หลายโอกาสและถูกกาลเทศะด้วย ผมไม่ต้องคิดเรื่องแฟชั่นเลยว่าผมจะไปทำงานด้วยชุดอะไร ผมได้ความมีระเบียบวินัย การคิดอย่างมีเหตุผล มีการวางแผนการใช้ชีวิต เก็บหอมรอบริบเพื่อเป็นทุนในวันข้างหน้า เป็นความมั่นคงอย่างหนึ่ง

เด็กสมัยใหม่มองว่าทหารเป็นอาชีพที่เหนื่อยยากและเสียสละ ผู้พันเบิร์ดมีมุมมองอย่างไร
ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่อาชีพใดๆ ก็ตามในการดำเนินชีวิตย่อมเจออุปสรรคทั้งหมด อย่างผมเองเลือกที่จะทำอาชีพนี้ก็พร้อมเจออุปสรรคในแบบฉบับของอาชีพนี้ ขอให้เลือกอาชีพที่รักจริงๆ ต่อให้เจออุปสรรคใดๆ ก็จะสามารถผ่านมาได้ ผมมีความคิดเชิงบวกกับอาชีพทหารร้อยเปอร์เซ็นต์

เร็วๆ นี้กองทัพบกกำลังทำโครงการนำเด็กอาชีวะมาฝึกทหาร ทำไมถึงให้ความสำคัญในจุดนี้
โครงการ “สุภาพบุรุษอาชีวะ” เริ่มไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าปัจจุบันเยาวชนของชาติมีศักยภาพสูงมากและศักยภาพเหล่านี้ยังไม่ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง ผมขอโอกาสให้น้องเหล่านี้ที่แม้จะทำอะไรผิดพลาดไป จงลุกขึ้นมากลับตัวกลับใจแก้ไขใหม่ได้ สังคมพร้อมที่จะให้โอกาส น้องคนใดทำอะไรแล้วไม่ได้รับความยุติธรรมในสังคมหรือไม่มีโอกาสในสังคมเลย น้องเชื่อเถอะว่าในสังคมยังมีคนที่ด้อยโอกาสมากกว่าน้องอีกมากมาย สำหรับน้องที่ไม่ได้อยากมีอาชีพทหารไม่เป็นไร น้องสามารถสนับสนุนงานของทหารได้และทำงานเคียงคู่กันไปด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันคือทำให้ประเทศชาติมั่นคงถาวร

ผู้พันเบิร์ดมีวิธีปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความรับผิดชอบต่อส่วนรวมกับเด็กและเยาวชนอย่างไร
หน้าที่ของการสรรสร้างความเจริญให้แก่ชาติ ทำบุบำรุงศาสนา รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่ว่าเราตอบว่าเรามีหน้าที่เหล่านี้เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ เพราะสิ่งนี้มีมาก่อนที่รัฐธรรมนูญจะเขียนไว้เมื่อปี พ.ศ. 2475 เด็กและเยาวชนควรทำสองอย่างพร้อมกัน หนึ่ง หาความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติ สอง ต้องพยายามหาประสบการณ์ร่วม หน้าที่เราไม่ได้มีเพียงศึกษาเรียนรู้แต่ต้องส่งต่อความรู้และความรู้สึกเหล่านั้นให้กับคนรุ่นหลังด้วย

จุดมุ่งหมายสูงสุดของผู้พันเบิร์ดคืออะไร
จุดมุ่งหมายของการทำงานในอาชีพทหารคือประชาชนของชาติอยู่อย่างมั่นคงถาวร มีความสุข นั่นคือจุดมุ่งหมายของหน่วยงานทั้งหมด ส่วนของผมเองคิดเพียงแค่ทำให้กองทัพบกเป็นที่ไว้วางใจกับประชาชน ผมทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนเกษียณอายุราชการ แล้วใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข ทำหน้าที่ของประชาชนพลเมืองคนหนึ่งให้ดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผมคิดว่าเมื่อเราทำหน้าที่ของเราให้ดีแล้ว สิทธิต่างๆ ก็จะตามมาเอง ก็ถือว่ามีความสุขแล้วครับ

 

ช่วงเวลาพักผ่อนของทหารหาญ

ผมชอบออกกำลังกาย ชอบฟังเพลง ตอนเด็กๆ มีพลทหารที่บ้านที่ผมเรียกว่าอาทหาร อาทหารมาจากอีสาน เขาชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ผมไม่รู้เลยว่าผมชอบลูกทุ่ง พอโตขึ้นมาก็จะฟังเพลงสตริงหรือเพลงต่างประเทศ แต่มาช่วงหลังๆ พบว่าเพลงลูกทุ่งมีเสน่ห์ก็เลยเริ่มไปหาเพลงที่ติดตรึงใจที่อาทหารเคยร้อง ให้ฟัง คือเพลง “เทพธิดาผ้าซิ่น” เนื้อเพลงมหัศจรรย์มาก แต่งโดยอาจารย์ชลธี ธารทอง พอมานั่งดูเพลงลูกทุ่งเพลงอื่นที่ชอบอย่าง “ล่องเรือหารัก” ของยอดรัก สลักใจ ก็กลับกลายเป็นอาจารย์ชลธี ธารทอง แต่งอีก

วิธีจัดการกับความเหนื่อย
ผม จะใช้หลักศาสนาในการดำเนินชีวิต คือผมเดินทางสายกลางโดยแท้ ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองดีใจเกินเหตุ และจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียใจอยู่ในความทุกข์นานเกินไป พยายามทำให้จิตใจมั่นคง เมื่อไหร่ที่ดีใจมากๆ ต้องเตือนตัวเองว่าวันหนึ่งมันก็จะจากไป ไม่รู้ว่าขณะที่เราดีใจมันไปทำให้คนอื่นเสียใจไหม หรือขณะที่เราเสียใจมีคนเสียใจกว่าเราอีกหลายเท่าเช่นคุณพ่อคุณแม่

คติประจำใจ
เปลี่ยนผ่านไปหลายยุคหลายสมัย แต่สิ่งที่ยึดอยู่เสมอก็คือ “ความรู้นั้นสำคัญแต่อุปนิสัยที่ดีนั้นสำคัญกว่า”

ต้นแบบในการดำเนินชีวิต
ผม มีแบบอย่างหลายคนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บางครั้งเรารู้สึกท้อถอยในการเล่นกีฬา ผมเคยเล่นเทนนิสอาชีพ ติดทีมชาติ ทีมเยาวชน เราก็จะมีแบบอย่างเป็นนักกีฬา สมัยก่อนคือ จอห์น แม็กเอนโร บียอห์น บอร์ก สมัยนี้อาจจะเป็นโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ราฟาเอล นาดาล โนวัก ยอโควิช เริ่มมาแรง ก็เอามาศึกษาว่าซ้อมอย่างไร หรือในการแสดงภาพยนตร์ก็จะดูแบบอย่างจากท่านอื่นๆ หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี ก็เป็นต้นแบบเรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น