www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > คนต้นแบบ

เปาวลี พรพิมล : ชีวิตบนเส้นทางสายลูกทุ่ง
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-03-14 11:26:37

บทสัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตที่หล่อหลอมขึ้นจากเพลงลุกทุ่งของนักร้องสาวเสียงใส เปาวลี พรพิมล

แนะนำตัว
สวัสดีค่ะ เปา เปาวลี พรพิมล สวัสดีชาวทรูปลูกปัญญาดอทคอมค่ะ สวัสดีน้องๆที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ด้วยนะคะ เปามีผลงานที่ผ่านมา เรื่องพุ่มพวง ตอนนี้ก็มีอัลบั้มเดียวอัลบั้มแรกออกมาก็คือ กรุณาอยู่ในระยะของความคิดถึง สังกัดค่ายแกรมมี่โกลด์

ความทรงจำแรกเกี่ยวกับเพลงลูกทุ่ง

ตั้งแต่5ขวบ ตั้งแต่เริ่มร้องเพลงนะคะ ได้คุณแม่กับคุณตาเป็นคนสอนร้องเพลง เหมือนเป็นการปลูกฝังคือได้ฟังแล้วก็ได้ร้องตามคาราโอเกะ มันก็ทำให้รู้สึกว่าอยากร้องเพลงลูกทุ่ง แล้วก็รักในเสียงเพลงลูกทุ่งเรื่อยๆ มาค่ะ

นิยามของคำว่า "ลูกทุ่งในสายเลือด" ของเปาคืออะไร

นิยามความเป็นลูกทุ่งในสายเลือดนะคะ ก็คือตอนนี้ความเป็นลูกทุ่งมันอยู่ในตัวอยู่แล้ว จะทำอะไรถือว่าเราเป็นนักร้องลูกทุ่งนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆ และก็มีใจรักมาตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว และทางบ้านก็สนับสนุนในด้ายการเป็นนักร้องลูกทุ่ง ตั้งแต่เด็กเลยมีความผูกพันกับลูกทุ่งมาโดยตลอด

เวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง เวทีแรกและประสบการณ์การประกวดร้องเพลงตามเวทีต่างๆ

เล่าถึงประสบการณ์การประกวดร้องเพลง ก็จะบอกว่าสนุกสนานมาก ตั้งแต่เวทีแรกที่เข้าประกวดก็ประมาณ9ขวบตอนนั้นก็อยู่ป.3 ก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ว่า สั่นทั้งตัว แล้วก็ปากก็สั่น แต่ก็ด้วยความที่มีกำลังใจจากพ่อแม่ แล้วก็ญาติๆไปดูเยอะ ก็เลยทำให้ร้องออกมาได้ดีพอสมควร ในเวทีแรกก็ได้ที่2 รู้สึกประทับใจมากๆ แล้วก็อยากที่จะประกวดต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ส่งเสริมมาโดยตลอด เพราะว่าตอนประกวดตอนแรกๆเปาก็ยังประหม่า ก็ได้ขึ้นไปร้องเพลงหลายเวทีขึ้น ก็เหมือนเป็นการเพิ่มประสบการณ์และก็ฝึกฝนไปในตัว ทำให้สามารถอยู่บนเวทีได้ดีขึ้นค่ะ เวทีล่าสุดก็เป็นรายการคว้าไมค์คว้าแชมป์ค่ะทางช่องแฟนทีวี เป็นการประกวดที่ไม่เหมือนเวทีที่ผ่านๆมา เวทีนี้จะประกวดแบบภายใน1ปีทั้งหมดมี6ซีซั่น ก็รอเพื่อนๆทั้ง6ซีซั่นแล้วก็ต้องผ่าฟันอุปสรรคต้องประกวดกับคนทั้งประเทศหลายร้อยคน มันเป็นอะไรที่ยากมากๆและก็ตื่นเต้นมากๆเพราะแต่ละคนก็มีความสามารถไม่แพ้กัน รู้สึกตื่นเต้นมากๆ แต่ก็ได้กำลังใจ และอยากทำความฝันให้เป็นจริง ก็เลยผ่านพ้นมาด้วยดีค่ะ

ตอนเด็กเปามีความฝันถึงอนาคตว่าอย่างไรบ้างคะ

ฝันมาตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะว่าอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง ตั้งแต่อนุบาลเลยคะ ที่อาจารย์จะมีสมุดพกให้เขียนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เปาก็เขียนว่าอยากเป็นนักร้องทุกปีเลย  คือมุ่งมั่นมาโดยตลอด แต่เราก็ไม่รู้ว่าความฝันของเราจะมาเมื่อไหร่ เปาก็ทำมันมาเรื่อยๆ พ่อแม่ก็สนับสนุนมาเรื่อยๆ ตอนแรกมันก็มีท้อบ้าง มีแพ้มีชนะบ้าง แต่เราก็ทำมันมาเรื่อยๆจนสำเร็จ ก็ถือว่าโชคดีที่ทำมันมาตลอด

เปามีสิ่งใดเป็นแรงผลักดันให้เดินตามความฝันของตัวเองบนเส้นทางสายลูกทุ่ง

ตอนเด็กๆพอประกวดแล้วเราแพ้มันก็มีอาการเศร้าบ้างแต่เราก็ได้กำลังใจจากพ่อแม่ค่ะ ก็บอกว่านี่ไม่ใช้เวทีสุดท้ายมันยังมีเวทีต่อๆไปอีกขอให้เปามีกำลังใจแล้วก็อดทนทำมันต่อไปเรื่อยๆ ซักวันมันก็จะสำเร็จได้ด้วยดี ก็มีคำสอนของพ่อแม่ที่ให้แง่คิดที่ทำให้เปาผ่านอุปสรรคนั้นๆไปได้ค่ะ

กว่าจะมีวันนี้ของเปาวลีต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง

อุปสรรคที่จริงก็มีมาตลอด เช่นเรื่องสุขภาพคะเปาต้องใช้เสียงทุกวันแล้วก็ประกวดเรื่อยๆ ร้องเพลงไปมันก็ไม่ได้อย่างที่เราคิด เพราะว่าไม่สบาย มันก็มีผิดพลาดกันบ้าง ก็ไม่ได้เครียดอะไร เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับร่างกายของเราด้วย และก็ต้องดูแลร่างกายตลอดเช่นออกกำลังกาย แล้วก็ทานยาสมุนไพรของแม่คะ แล้วก็มีเวทีล่าสุดคือคว้าไมค์คว้าแชมป์ ตอนนั้นประกวดรอบปีคะตอนนั้นเปาอยู่ม.6และก็อยู่ระหว่างการสอบโอเนตเอเนตด้วย ซึ่งวันที่ประกวดมันตรงกับวันสอบ เปาก็เลยต้องเลือดอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างไปสอบโอเนตเอเนตกับประกวดร้องเพลงรอบสุดท้าย ก็ได้ไปข้อคำแนะนำจากหลายๆท่านแล้วก็ได้ความเห็นที่ต่างกันมามากมายค่ะ เปาก็คิดว่า เรื่องการเรียนเราก็ไม่ทิ้ง แต่มันมีหลายหนทางที่จะได้เรียนต่อไป แต่การประกวดครั้งนี้มันเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เปาเลยเลือกเดินตามความฝันโดยการไปประกวดร้องเพลงค่ะ แล้วก็ได้แชมป์มาค่ะ

เปาเชื่อใน พรสวรรค์ หรือ พรแสวงคะ

มันต้องมีทั้ง2อย่างค่ะ เพราะว่าอย่างพรสวรรค์เปาได้มาตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว เปาได้การเอื้อนแบบลูกทุ่งมาอยู่แล้ว การเอื้อนอยู่ดีๆเปาก็ร้องได้ แต่เราก็ต้องมีพรแสวงด้วยต้องซ้อมทุกวัน ไม่ใช่มีพรสวรรค์แล้วไม่ได้ฝึกอะไร มันก็จะอยู่เท่าเดิม เราก็ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ บางอย่างที่คิดว่าเราไม่เคยทำเราก็ทำให้มันดียิ่งๆขึ้นไป มันต้องมีควบคู่กัน

ถึงแม้จะร้องเพลงเก่งแล้วแต่ก็ยังต้องฝึกฝนเพิ่มพูนทักษะอยู่เสมอ ใช่ไหมคะ

ตอนที่เข้ามาแกรมมี่โกลด์ใหม่ๆก็ต้องมาฝึก เหมือนเป็นนักเรียนเป็นแบบศิลปินฝึกหัดค่ะ ต้องมาเรียนพื้นฐานการร้องเพลง การเต้น การแสดงคะ เหมือนเขาอยากให้เรามีพื้นฐานที่แน่นเพราะตรงนี้มันเป็นอาชีพของเราแล้วคะ เวลามาเรียนเราก็พยายามจำแล้วก็ปรับปรุงแก้ไขกับอะไรที่เรามีอยู่แล้วคะ แล้วก็มาผสมกันว่าเราจะลงตัวกับแบบไหนมากกว่าค่ะ

หลายๆคนไม่กล้าเดินตามความฝันของตัวเอง เปามีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ

อยากจะให้กำลังใจกับคนที่มีความฝันคะ ตอนแรกเปาก็ผ่านการที่แบบกล้าๆ กลัวๆ ในการที่จะประกวดเราก็ต้องคิดก่อนว่าเราต้องมาเจอใครบ้างเรากลัวที่จะแพ้  แต่ถ้าเราได้ลองทำแล้ว ได้ทำสิ่งที่เราอยากจะทำแล้วมันคุ้มมากๆ อยากจะบอกหลายๆคนที่มีความฝันไม่ว่าจะเป็นความฝันอะไรก็ตาม ลองทำก่อน ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยๆทำค่อยๆปรับปรุง อย่าพึ่งท้อ ทำจนกว่าจะสำเร็จค่อยๆทำต่อไปคะ

ต้นแบบ หรือ แบบอย่างที่เปายึดถือในการร้องเพลง คือใคร เพราะอะไรคะ

ตอนแบบคนแรกก็คือคุณแม่เพราะคุณแม่ก็ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว เวลาทำงานบ้าน แม่ก็จะร้องเพลงตลอด ก็เลยซึมซับจากคุณแม่ คุณแม่ก็เป็นครูคนแรกด้วยที่สอนร้องเพลง และก็มีคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจคนแรกด้วยคะ แรงบันดาลใจคนต่อมาก็คือ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เพราะว่าก็มีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตของแม่ผึ้งตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็รู้สึกชอบแล้วก็รักแม่ผึ้งมากๆ เพราะว่าเป็นคนสุพรรณเหมือนกันด้วยแล้วก็ร้องเพลงลูกทุ่งได้เป็นเอกลักษณ์

เปาเป็นต้นแบบที่ดีเรื่องความกตัญญูอยากให้ฝากเรื่องนี้กับเยาวชน

อยากฝากถึงน้องๆเพื่อนๆที่มีความฝันนะคะ แล้วอาจจะคิดว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอเวลาให้โตก่อนถึงจะเริ่มทำความฝัน ถ้าเริ่มทำตั้งแต่ตอนแรกมันจะก้าวมาได้ไกลกว่าแล้วก็พัฒนาได้ไกลกว่า ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ แต่ทำไปแล้วคุณพ่อคุณแม่ความสุข เราก็มีความสุขไปด้วยเหมือนกับทำให้ฝันของคุณพ่อคุณแม่สำเร็จด้วยค่ะ 

นอกจากเรื่องการร้องเพลงแล้วเปาแบ่งเวลาสำหรับการเรียนอย่างไรบ้างคะ

ตอนนี้เปาก็เรียนอยู่ปี1มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ สื่อสารมวลชนคะ ตอนนี้ก็ทำงานทุกวันก็เลยไม่มีโอกาสได้ไปนั่งเรียนเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ได้ไปสอบตามกำหนด เปาต้องทำ2หน้าที่ คือทั้งเรียนและทำงานไปด้วย เปาก็มีความสุขกับทั้ง2อย่างค่ะ ก็ไม่ได้ทิ้งอะไร ก็ชอบเรียนภาษา เป็นอะไรที่รักอยู่แล้ว ทุกครั้งที่มีสอบก็พยายามหาเวลาว่างมาอ่านหนังสืออ่านชีท ให้แม่นก่อนไปสอบแต่ละครั้งค่ะ