www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > คนต้นแบบ

คู่หู เจาะข่าวตื้นปี 3 ดูถูกสติปัญญา
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-03-05 15:31:16



คู่หู เจาะข่าวตื้นปี 3 ดูถูกสติปัญญา

 

เรื่อง: ศรินทร เอี่ยมแฟง ภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก

 

ท่ามกลางกระแสการสร้างคอนเทนต์เป็นของตัวเองบนโลกอินเทอร์เน็ต หลายคนแจ้งเกิด อีกหลายคนดับสนิท จาก ihere.tv จนมาถึง SpokeDark.tv จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ถอดภาพพิธีกรวัยรุ่นในโลกฟรีทีวีกลายเป็นพิธีกรนักเสียดสีสังคมในสถานีทีวีออนไลน์ชื่อประหลาด ที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตร่วมกับพี่สาวและพี่เขย แอ้ม-ณัฐพงศ์ เทียนดี พิธีกรคู่ในรายการ “เจาะข่าวตื้น” ในบทบาท “พ่อหมอ” จะด้วยเนื้อหาเสียดสีสังคมหรือภาพลักษณ์กวนๆ ของทั้งสองคน “เจาะข่าวตื้น” กลายเป็นหนึ่งในรายการทีวีออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ส่วนคลิปรายการก็ถูกส่งต่อในโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ จนกลายประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ งานนี้พวกเขาบอกว่า “ไม่ได้ตั้งใจ”

จุดเริ่มต้นของ “เจาะข่าวตื้น” คืออะไร ทำไมจึงอยากทำรายการเชิงข่าวแทนที่จะเป็นเรื่องราวบันเทิง
พี่แอ้ม: ผมจำโมเมนต์นั้นได้ เรานั่งแท็กซี่แล้วคุณโรซี่ (ภรรยาของพี่แอ้ม พี่สาวของจอห์น) ก็คิดว่าเราจะทำรายการอะไรที่สนุกและดี เออ รู้แล้ว จะทำรายการชื่อ “เจาะข่าวตื้น” เพราะมีรายการเจาะข่าวลึกเยอะแล้ว คุณโรซี่เรียนจบฟิล์มมา ทำรายการทีวีมาตลอด ส่วนจอห์นก็ทำงานในวงการอยู่แล้ว ก็ทำเลย
จอห์น: ตั้งแต่เป็น ihere.tv จนถึงตอนนี้เป็น SpokeDark.tv เราไม่ได้เจาะจงว่าจะทำรายการแนวข่าวหรือการเมืองอย่างเดียว ผม พี่สาวผม และพี่แอ้มวางจุดมุ่งหมายให้ SpokeDark.tv เป็นสถานีทีวีออนไลน์ มีหลากหลายรายการ หลากหลายช่องให้เลือกดูตามชอบ “เจาะข่าวตื้น” หยิบประเด็นข่าวสาธารณะมาเสียดสี นำเสนอให้สนุก ทำให้คนได้คิดมากกว่า บางคนอาจมองข้ามหรือใส่อารมณ์กับข่าวโดยที่ยังไม่เห็นข้อเท็จจริง พอมีโอกาสได้ดูอาจจะฉุกคิดแล้วมองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและผลกระทบต่อสังคม อันนั้นน่าจะเป็นจุดที่เราทำได้ เพราะถ้าจะให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสังคมยิ่งใหญ่ก็เกินตัวเกินไป

ทำไมถึงหันมาทำสถานีโทรทัศน์ออนไลน์
จอห์น: มันเริ่มจากคนผลิตที่อยู่เบื้องหลังอย่างพี่สาวผมรู้สึกเบื่อกับความเป็นรูปแบบเดิมๆ ในการทำทีวี พิธีกรเองก็เบื่อมาตรฐานเดิมๆ เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ โลกอินเทอร์เน็ตให้อิสระมาก พี่แอ้มมักใช้คำหนึ่งที่ผมชอบมากคือเป็นประชาธิปไตย คุณมีอะไรก็แสดงความคิดเห็นออกไป ถ้ามวลชนชอบก็จะสนับสนุนเอง เนื่องจากฟรีทีวีถูกเจาะจงไว้ไม่กี่ช่อง ดูเคเบิ้ลทีวีก็ต้องเปิดดูตามช่วงเวลาที่ตั้งไว้ แต่ SpokeDark.tv เน้นคนที่อยากเสพสื่อทางเลือก ซึ่งคุณต้องเข้ามาในเว็บไซต์ www.spokedark.tv แล้วเลือกว่านาทีนี้ฉันอยากจะดูอะไร

เพราะอะไรถึงเปลี่ยนจาก ihere.tv มาเป็น SpokeDark.tv
จอห์น: ช่วงสองปีแรกมาจากความอยากทำล้วนๆ พอกระแสตอบรับดี เราก็เลยก้าวมาทำอย่างเต็มตัว มีเรื่องธุรกิจเข้ามามากขึ้นเพื่อให้การดำเนินงานดีขึ้นหรือมีทีมงานที่มาดูแลให้เรียบร้อยขึ้น ในปัจจุบันทีมงาน ครีเอทีฟ พิธีกร มาอยู่ SpokeDark.tv มีมุมมองการทำงานที่ไม่ได้เชิงพาณิชย์จ๋า เล่นในเรื่องครีเอทีฟไอเดียมากกว่า เราค่อนข้างแคร์คนดู ที่เราออกมาทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำแบบในเคเบิ้ลทีวีหรือฟรีทีวี เพราะเราต้องการหนีจากการยัดเยียดคนดูด้วยสินค้า ต้องไม่หลอกคนดูว่าเราแอบโฆษณา ให้รู้ไปเลยว่ามีคนสนับสนุน ขอบคุณ แล้วก็เรื่องของเราต่อ บางทีการยัดเยียดโฆษณาในอินเทอร์เน็ตก็ไม่เวิร์ค นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราอยากออกมาตั้งเป็น SpokeDark.tv

ความสำเร็จของเจาะข่าวตื้นเกิดจากอะไร
จอห์น: ผมคิดว่าเราถือตัวเองเป็นกลาง (พี่แอ้ม: ไม่อยากใช้คำว่ากลาง อยากใช้ว่าเราอยู่ข้างตัวเราเอง) เสน่ห์อีกอย่างของ “เจาะข่าวตื้น” รายการเราไม่เหมือนกันเลยสักเทป แต่ละเทปไม่น่าเบื่อ วิธีการนำเสนอหรือเรื่องราวจะไม่เหมือนเดิม อาจจะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มีคนติดตาม
พี่แอ้ม: ช่วงน้ำท่วมเรารู้สึกว่ากระแสสังคมเน้นเรื่องการให้ความรู้ โดยเอาเรื่องยากมาย่อย เลือกใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอให้คนดูได้คิดและส่งต่อ เป็นเทรนด์ในการแชร์สิ่งที่มีประโยชน์ ก็มีการเกาะกระแสตรงนี้ ซึ่งเราก็ทำมาก่อนแล้วตั้งแต่เทป 3G หรือเรื่องหนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้ทุกตอน ถ้าอยากให้รู้จริงก็ต้องไปให้สุด ต้องตรวจสอบข้อมูลจากคุณพ่อที่เป็นนักวิชาการ ตั้งใจกับข้อมูลและวิธีนำเสนอ

ตั้งใจให้มีการส่งต่อหรือแชร์คลิปรายการ?
จอห์น: ไม่ได้มองเรื่องการส่งต่อเพื่อยอดวิว บางคนมีวิธีการทำคลิปให้มียอดคนดูเยอะๆ เอาผู้หญิงเอ็กซ์ๆ มานั่งทำโน่นทำนี่ หรือกระทั่งการโฆษณา แต่เราแค่เน้นเรื่องที่เราอยากนำเสนอให้มีคนดูก็พอ ไม่ช้าก็เร็วมันอาจจะส่งต่อออกไป เหมือนตอนเราทำเทปเรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดง เรื่องโอเน็ต เรื่องน้ำท่วม มันไปของมันเอง

คิดอย่างไรกับประเด็นที่ว่าคนดังในโลกออนไลน์สามารถตั้งตัวเป็นผู้นำทางความคิดได้
จอห์น: คนที่จะได้รับความเชื่อถือหรืออยู่รอดบนสื่อออนไลน์ต้องมีความสม่ำเสมอ คงมาตรฐานบางอย่าง ต้องอินกับมันจริงๆ คงไม่ใช่แฟชั่นว่าฮิตอยู่พักหนึ่ง พอดังแล้วกระโดดไปทำอย่างอื่นที่ได้เงินเยอะกว่า จะเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ เพราะมีบางคนอยากให้เราเป็น จับเราให้ไปอยู่ในหมวดนั้น แต่ผมรู้สึกว่าคนเราควรจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วมีความสม่ำเสมอในการนำเสนอและมีคนติดตามอยู่เรื่อยๆ
พี่แอ้ม: ผมว่าไม่น่าจะใช้คำว่ามีคนเชื่อ แต่ใช้ว่าเห็นตรงกับเขาด้วย เช่น ตา “เอ” มีคนรู้จัก พอเขาคิดอะไรขึ้นมาสักอย่างแล้วมีคนเห็นด้วย เขาเลยกลายเป็น opinion leader แต่ถ้าเขาพูดอะไรแล้วคุณไม่เห็นด้วย ก็ไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ อย่างที่จอห์นบอก คงไม่มีใครบอกว่าตัวเองเป็นผู้นำทางความคิด ต้องให้คนอื่นมอง แต่ถ้าน้องๆ ที่อยากเป็น someone ในสังคมนี่มันเหนื่อยนะ ไม่ได้มีสูตรสำเร็จ แต่เราก็เป็น someone อยู่แล้ว ในบ้านอาจจะมีแม่ที่เชื่อเราอยู่ มีน้องที่เชื่อเรา เราอาจจะเก่งเรื่องซ่อมคอมพิวเตอร์ ขยายจากพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนข้างบ้านมาขอซ่อมคอมฯ ให้หน่อย เราเริ่มเป็น someone ในกลุ่มเล็กๆ พอเรามาแชร์เคล็ดลับในบล็อกในอินเทอร์เน็ต มีคนมาตามมาเชื่อเรา มันเป็นกำลังใจให้คนนั้นทำอะไรดีๆ ออกมา เราก็เป็น someone อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดพลิกโลก

ตอนนี้ “เจาะข่าวตื้น” มียอดวิวสูงมาก ในการทำงานมีความเกร็งมากขึ้นบ้างไหม
จอห์น: ผมจะรักษาและระวังคำพูดของตัวเองเมื่อทำงานรายการฟรีทีวี อย่างทำรายการ “รถโรงเรียน” แล้วต้องถอดแว่น ในรายการต่างๆ ที่ผมทำจะเป็นบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมา ไม่ใช่เฟคนะ แต่เน้นบันเทิงหลักๆ มากกว่า แต่อันนี้เราเป็นตัวเอง ก่อนเราจะนำเสนออะไรเราคิดแล้วคิดอีก ไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีกว่ามันเป็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอต่อประชาไซเบอร์ ทุกคำพูดเราดูว่าจะเกิดผลกระทบต่อใครและมีความจำเป็นในการนำเสนอเรื่องเหล่านั้นไหม ไม่ใช่ว่าพูดไปสักแต่ว่าสะใจ มีจรรยาบรรณด้วย
พี่แอ้ม: เราถือหลักรักตัวกลัวตาย (ฮา) ให้เรามันสะใจอย่างเดียว ก็ไม่ต้องตัดต่อเลย นี่ก็ตัดไปเยอะแล้ว มุกบางมุกเราต้องโหวตแลกกัน ตัดมุกนี้ทิ้งใช้มุกนี้แทน บางอันไม่ได้จริงๆ ก็มาดูว่าลดดีกรีได้ขนาดไหน
จอห์น: จำนวนวิวของ SpokeDark.tv เองตอนนี้อยู่ที่ 50 ล้านวิว เนื้อหาก็อาจมีผลกระทบต่อ 50 ล้านคนก็ได้ ในยูทูปเองที่แชร์กันต่อเทปหนึ่งเป็นแสนๆ วิว ทุกอย่างมีผลกระทบมากขึ้น ก่อนจะทำอะไรต้องมีสติสัมปชัญญะ กลั่นกรองทุกขั้นตอน ไม่อยากใช้คำหล่อเลยแต่ว่าเราก็มีความรับผิดชอบต่อสังคมนิดหนึ่ง อย่างเทปแรกๆ ผมยอมรับว่ามันมาจากอินเนอร์เรื่องโดนภาษี ผมโดนเก็บเยอะ แต่ทำไมประเทศไม่พัฒนา ประเทศควรจะมีรถไฟความเร็วสูงนานแล้วหรือเปล่า หรือมีรถไฟฟ้ารอบเมืองเสียที แต่พอช่วงหลังมีคนเริ่มติดตาม พี่สาวก็เริ่มเตือนสติ อยู่เสมอว่าเราต้องมีความรับผิดชอบ อาจจะไม่ได้มองถึงสังคม แต่ในลักษณะของคนทำงาน ไม่ว่าคุณจะทำฟรีทีวี ก็ต้องรับผิดชอบ พี่สาวผมซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพและความคิดของเขามาตั้งแต่คอนเทนต์ที่นำเสนอแล้ว ไม่ได้จะปั่นให้ดัง

คิดว่าทีวีออนไลน์หรือสื่อออนไลน์จะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ได้จริงจังหรือไม่
พี่แอ้ม: จริงจัง ปีนี้เราจะมีรายการเพิ่มอีก 5 รายการ จากที่มีอยู่แล้ว 7 รายการ เป็นเรื่องราวไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเรามีไลฟ์สไตล์น้อย พวกกิน เที่ยว แฟชั่น เรามีรายการที่เปิดตัวไปแล้วคือ “กิน ขี้ แฮปปี้ นอน” เที่ยว กิน มีความสุข นอน แล้วก็มี “มุกควายเครียด” เตรียมออนไลน์เร็วๆ นี้
จอห์น: ทีวีออนไลน์มีความยุติธรรมกับทั้งผู้ชม ผู้บริโภค และเจ้าของสินค้าที่จะมาสนับสนุน มีตัวเลขพิสูจน์ชัดเจนว่ามีคนมาดูเท่านี้ มีคนให้ความสนใจเท่านี้ ละเอียดถึงขนาดที่ว่าบอกได้เลยว่ามีคนย้อนดูในนาทีนี้เท่าไหร่ มันแฟร์กับเจ้าของเงิน ไม่เหมือนกับที่สื่อทีวีพูดว่ามีกล่องเรตติ้งไปตั้งอยู่ที่นั่นที่นี่ เราก็ไม่เคยเห็นกล่องนั้น ในแง่คนดูก็เลือกที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้ ไม่ใช่ว่าเปิดมาช่องนี้อยากดูรายการแต่ต้องรอโฆษณาให้จบ ตอนนี้มีผู้สนับสนุนที่เล็งเห็นจุดนี้แล้วรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่คนจากสื่อกระแสหลักพยายามหนีออกมาดูสื่อออนไลน์ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังคือคุณไม่สามารถใช้วิธีแบบเดียวกับสื่อกระแสหลักในสื่อออนไลน์ได้ ต้องเข้าใจก่อนว่ากลุ่มคนดูคนละกลุ่มกัน มีการวิวัฒนาการเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว

สำหรับ SpokeDark.tv หลังเปิดแฟนเพจในเฟซบุ๊คมา 3 เดือน เรามีแฟนเกือบ 80,000 คนแล้ว ไม่นานก็น่าจะถึงหลักแสน อย่างทวิตเตอร์ของผมก็เกือบแสน ช่องทางเหล่านี้ทำให้เราสื่อสารกับคนดูได้ ทำให้รู้ว่ามีคนดูหลากหลายประเภท และมาจากทั่วโลก เราได้ไป Berlin International Film Festival ก็มีคนเยอรมันดู คนไต้หวันก็ดู เขาก็ทวีตกลับมาบอก เราจึงพยายามขยายรายการให้เข้ากับคนทุกกลุ่มด้วย

จอห์นเป็นคนที่ใช้เวลากับสื่อออนไลน์ตลอดเวลาไหม
จอห์น: ค่อนข้างนะครับ อย่างทวิตเตอร์-เฟซุบ๊คก็เล่นตลอดเวลา อินสตาแกรมก็ออนตลอดเวลาเพราะเป็นคนชอบถ่ายรูป เป็นไลฟ์สไตล์ปกติ แต่ของพวกนี้พอรู้ว่ามีคนติดตามเยอะมันก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว เวลาทวีตผมจะเน้นการนำเสนอมุมมองความคิดเห็นมากกว่าและติดต่อกับแฟนรายการมากกว่า ส่วนใหญ่ผมตามแต่ข่าว ตามสำนักข่าว ไม่ได้ติดตามใครเป็นพิเศษ ตามกันเอง ตามพ่อหมอ พี่สาว

จอห์นมักแสดงความคิดเห็นในเรื่องการบ้านการเมืองอยู่บ่อยครั้ง มีความคาดหวังอะไรกับสังคม
จอห์น: ผมคงไม่ได้คาดหวังกับสังคมสักเท่าไหร่แล้ว ผมมองสังคมเป็นปลายเหตุมากกว่า เริ่มจากมนุษย์ที่รวมตัวกันเยอะๆ แล้วกลายเป็นกลุ่มเป็นก้อน หลังจากนั้นรวมตัวกันเป็นสังคม ฉะนั้นถ้าตั้งความหวังผมอาจไปตั้งความหวังกับคนมากกว่า และถ้าเกิดว่าตั้งความหวังได้ ผมอยากตั้งความหวังไปที่คนรุ่นใหม่มากกว่า แต่ก็ไม่อยากไปฝากความหวังอะไรขนาดนั้น เพราะมันดูกดดันกับเขามากเกินไป เพราะคนเรามีอิทธิพลมาจากหลายอย่าง บางทีอาจเป็นเรื่องสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา ถ้าอยากให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มันก็ไม่แฟร์ แต่ในใจก็แอบหวังว่าคนเหล่านี้จะปิ๊งไอเดียที่เรานำเสนอ และทำให้เขาอยากลุกขึ้นมาแก้หรือมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง ผมก็ไม่ได้คาดหวังกับคนรุ่นผม หรือคนที่แก่กว่าผม หรือผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองแล้ว เพราะไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก ผมก็แปลกใจว่ามีน้อง ม.ต้น และ ม.ปลาย ที่ดูแล้วทวีตมาบอกว่าเขาเข้าใจที่ผมพูด ผมก็แฮปปี้แล้ว

สุดท้ายคิดว่าตัวเองจะทำรายการเหตุบ้านการเมืองแบบจริงจังได้ไหม
จอห์น: จริงจังมากไม่ได้ ถ้าจะให้เครียดแบบ “คลายปม” ผมทำไม่ได้
พี่แอ้ม: นี่ยังไม่จริงจังอีกเหรอ (ฮา) 3 ปีแล้วนะครับ ธรรมชาติเราจริงๆ เป็นคนเครียด เลยไม่อยากเครียดแล้ว พ่อตาผม พ่อคุณจอห์นก็บอกว่า ถ้าเครียดเราอยู่บ้านเมืองนี้ไม่ได้หรอก