www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > พี่แนะน้อง

portfolio : ใบเตย สุวพิชญ์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2016-02-03 11:59:08

เรื่องและภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก


 ใบเตย สุวพิชญ์ 
 

ใบเตย สุวพิชญ์


กลายเป็นนางเอกเอ็มวีร้อยล้านวิวไปแล้ว สำหรับใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ ที่ค่อย ๆ ก้าวเป็นสเตปจากเล่นโฆษณา เป็นนางเอกมิวสิควิดีโอ ซึ่งเพลงที่ทำให้ใบเตย ปัง จนถึงมียอดวิวสูงสุด ๆ ก็คือเพลงทิ้งไว้กลางทางของโปเตโต้ ล่าสุดกับละครเรื่องเวลาในขวดแก้ว ละครสะท้อนสังคม ปัญหาในครอบครัวที่แตกต่างกันไป และยังมีละครคอมเมดี้น่ารัก ๆ แฝงข้อคิดธรรมะ อย่างเรื่องส้มตำแฮมเบอร์เกอร์ ทางช่อง True4U อีกด้วย
 

เกิดจากโฆษณา
เตยได้แคสติ้งโฆษณาค่ะ เล่นโฆษณาก่อนแล้วมาเล่น MV ค่ะ ตัวแรกเลยก็เพลงสุดท้ายของวง Clash ค่ะ เก่ามาก (ฮา) ผลงานที่ทำให้เป็นที่รู้จัก น่าจะเป็น mv ทิ้งไว้กลางทาง ของ Potato ค่ะ ที่ทำให้คนรู้จักเตยเยอะขึ้น เตยคิดว่ากระแสของ mv ด้วยค่ะ และน่าจะเป็นฟีลที่เพจเฟซบุ๊ก เพจเพื่อนพระเอก เขาเอา mv เก่า ๆ ของเตยมาตัดต่อกัน 4 เพลง ซึ่งทุกเพลงทุก mv เตยก็ทิ้งทุกคนหมดเลย และก็มีคนแชร์รูปนั้นเยอะมาก น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้คนรู้จักเตยเยอะด้วยค่ะ
 

ใบเตย สุวพิชญ์


บทบาทของจ๋อม

สำหรับซีรีส์เวลาในขวดแก้ว เตยรับบทเป็นจ๋อม เด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างสดใสร่าเริง เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดแล้วในเรื่อง แต่เตยคิดว่าตัวจ๋อมมีมิติมากพอสมควร เพราะว่าพัฒนาการการใช้ชีวิตของตัวจ๋อมค่อนข้างที่จะก้าวกระโดดจากเด็กที่มีทุกอย่างครบ วันหนึ่งอยู่ดี ๆ เธอก็รู้ว่าพ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อย ให้ความคิดทัศนคติของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และยิ่งมารู้ว่าสุดท้ายแม่ไม่ได้รักเขา คือแม่สนใจแต่ตัวพ่อทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะแข็งและกร้านโลกไปเลยค่ะ เตยก็ค่อนข้างทำการบ้านเยอะนิดหนึ่งกับตัวจ๋อม เพราะว่าด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้เขาเดินไปถึงจุดที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด ทำให้ตัวเราต้องทำการบ้าน ทำความเข้าใจกับตัวละครตัวนี้เยอะพอสมควร 


จ๋อมเล่นดนตรีแล้วใบเตยล่ะ

เตยเล่นไม่เป็นเลยค่ะ ก็มีเรียน คือมีเรียนแบบหน้าเซ็ทเลยก่อนถ่ายแป๊ปหนึ่ง เล่นไวโอลินซึ่งโชคดีตรงที่ว่าน้องเนโกะที่เล่นเป็นน้องสาวของพี่เต๋าเล่นไวโอลินอยู่แล้ว ทำให้ในกองนี้มีคุณครูเพิ่มมาอีกหนึ่งคนคือน้องเนโกะสอนเตยกับพี่เต๋าสีไวโอลิน

(ยากไหม) ยากค่ะยากมาก เล่นไวโอลินยากมาก ด้วยความที่เราเป็นคนที่ร้องเพลงก็เพี้ยน คือไม่รู้โน้ต ไม่เคยจับเครื่องดนตรีอะไรเลย แล้วพอต้องมาเล่นจริง ๆ แล้วรู้สึกว่ายาก รู้สึกว่าต้องอินอ่ะ คนดูต้องมองว่าเขาเล่นเป็นจริง ๆ เราจะทำยังไงให้มันพริ้วอย่างนี้ก็ต้องซ้อมเยอะนิดหนึ่ง
 

ใบเตย สุวพิชญ์


“เวลาในขวดแก้ว” สำหรับใบเตย
เตยคิดว่ามันคือประสบการณ์ชีวิต คือเตยมีคติของตัวเองอย่างหนึ่งคือเวลาไม่อาจย้อนค่ะเพราะว่าเตยคิดว่าเวลาทุก ๆ วันนี้มันผ่านไปเรื่อย ๆ ผ่านไปตลอดเวลา ตอนนี้มันคืออนาคตละ เมื่อกี้คืออดีตละ เตยก็เลยคิดว่าเวลาในขวดแก้วก็คือประสบการณ์ต่าง ๆ เวลาที่มันสั่งสมทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้


ส้มตำแฮมเบอร์เกอร์

เตยรับบทเป็นณัชชาค่ะ ซึ่งอยู่ในฝั่งแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง ณัชชาบทจะเป็นลูกคุณหนูค่ะอยากจะมีอิสระภาพคือการที่ได้ไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้ไป ก็เลยทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยากรู้ว่าที่นิวยอร์กเป็นอะไรยังไง ยิ่งพอรู้ว่ามีพระจากนิวยอร์กมาบวช อยากมาเจอเพราะหนึ่งจะได้ฝึกภาษา สองจะได้เรียนรู้ว่าที่นิวยอร์กเป็นยังไงในเมื่อตัวเองไม่ได้ไป ก็ขอให้ได้คุยกับคนที่รู้จริงก็ยังดีค่ะ

เตยคิดว่าบางคนอาจจะมองเรื่องธรรมะเป็นเรื่องน่าเบื่อ เรื่องคำสอนเป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ เตยว่าส้มตำแฮมเบอร์เกอร์อาจจะทำให้คนดู เด็ก ๆ น้อง ๆ ผู้ใหญ่หรือใครหลาย ๆ คนดูแล้วอาจจะเก็ทง่ายขึ้นว่า อ๋อ จริง ๆ แล้วคำสอนทุกอย่าง ฟังอาจจะดูยาก แต่จริง ๆ แล้วคือมันอยู่ในชีวิตประจำวันเราทุกอย่างเลย แค่เรามีสติในการใช้ชีวิต คิดดี ๆ ไตร่ตรองดี ๆ ก่อนทำ เตยว่าแค่นี้ชีวิตเราก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี และก็มีสติในการใช้ชีวิตเยอะ ๆ ค่ะ

ใบเตย สุวพิชญ์


ณัชชากับเตย
ค่อนข้างคล้ายตรงที่ว่าเตยเป็นคนชอบเที่ยว คนชอบอิสระ ค่อนข้างที่จะเป็นตัวของตัวเอง ก็อาจจะเหมือนณัชชาตรงที่ว่าจริง ๆ ณัชชาต้องการอิสระในการใช้ชีวิตของเขา อยากจะไปท่องเที่ยว หรืออยากจะมีชีวิตของตัวเอง
 

ความเหมือนและแตกต่างระหว่าง MVและละคร
เตยคิดว่าความแตกต่างมันก็คือ MV เราจะฟังบรีฟจากผู้กำกับและอาจจะจากวงที่เราไปเล่น และก็ฟังเพลงของเขา แค่นั้นแล้วเราก็มาตีความและก็ลองพูดคุยกับเขาว่าเป็นประมาณนี้ไหม หรือว่าอะไรยังไง ส่วนพวกละครเราก็ต้องอ่านบทเยอะ ๆ และก็ตีความตัวละครซึ่งเตยว่ามันแตกต่างกันตรงนี้ค่ะ

(ความเชื่อในบทละคร) เตยมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าทุกบทที่เราได้รับ ที่เราได้ทำในทุก ๆ วันนี้ นอกจากผู้กำกับเลือกเราหรือว่าทางผู้ใหญ่เลือกเราแล้ว ตัวบทก็เป็นคนเลือกเราด้วยค่ะ เตยมั่นใจในจุด ๆ นั้น
 

ใบเตย สุวพิชญ์


ถ้าไม่เข้าวงการ คิดว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่
คิดไม่ออกเลยเหมือนกันว่าจะทำอะไรค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตมา เตยชอบด้านนี้มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เต้น รำ แสดง ถ้าไม่ได้เข้าวงการก็คงหนีไม่พ้นอะไรพวกนี้ อาจจะไปเป็นครูหรือเปล่า หรือว่าอะไรก็ไม่รู้

และที่เตยตัดสินใจมาเรียนด้านนี้ (การแสดงและกำกับการแสดง มศว) เพราะว่าเตยได้เล่นละครเวทีของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ตอนนั้นเตยอยู่ ม. 6 ซึ่งเป็นช่วงที่เตยกำลังจะแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัยพอดี พอได้รับโอกาสตรงนี้มาเล่น แล้วก็เหมือนเราได้เห็นว่าการแสดงไม่ใช่ว่าอ่านบท ท่องบท เล่นตาม แต่คือมันมีการเวิร์กช็อป การเข้าใจตัวละคร ซึ่งเตยคิดว่ามันเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจมาก ด้วยความที่เราชอบอยู่แล้วค่ะ ยิ่งพอเราได้ลงลึก เรายิ่งเออสนุก สนุกไปกับมัน และเราก็มาคิดว่าถ้าเราได้เรียนในสิ่งที่เราชอบ และเราสามารถเอามันมาต่อยอดเป็นอาชีพของเราได้ มันก็คงจะดี ก็เลยเลือกที่จะสอบตรงเข้า มศว ค่ะ
 

ไอดอลของใบเตย
เตยไม่มีไอดอล คือตัวเตยไม่ค่อยได้ตามข่าวอะไรเยอะแยะ คือชีวิตเตยจะแปลก ๆ นิดหนึ่งค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรมากค่ะ ก็เลยไม่ค่อยได้ตามข่าว ไม่ได้ตามดาราอะไร แต่ถ้าเกิดชอบดาราคนไหน ชอบพี่ชมพู่ อารยากับพี่อั้ม พัชราภา เพราะสวย พี่ชมพู่เตยชอบเรื่องการแต่งตัวของเขา ความเป็นแฟชั่นนิสต้า ส่วนพี่อั้มเตยชอบที่เขาแซ่บ ๆ ดี เป็นตัวของตัวเอง ชอบความเป็นตัวของตัวเองของเขา กล้าที่จะพูด กล้าที่จะทำ
 

หลักการทำงานใบเตย
เตยเต็มที่กับทุกงานที่ได้รับค่ะ เพราะเตยว่าคนเราเวลามองผลงานของเรามันก็สะท้อนถึงตัวของเราด้วย ถ้าเราตั้งใจทำงานชิ้นนี้ เตยมั่นใจค่ะว่าคนดูหรือว่าคนที่ติดตามผลงานของเราเขาจะรับรู้ได้ว่าเราตั้งใจค่ะ นอกจากนั้นเตยคิดว่างานทุกงานมันเป็นการต่อยอดในอนาคตของเราไปด้วยค่ะ คือตั้งใจกับทุกๆ งานค่ะ
 

ใบเตย สุวพิชญ์

 

ใบเตย สุวพิชญ์

instagram: iiitoei
twitter: @iiitoei