www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




แนะแนว > พี่แนะน้อง

Alumni : นาย ณภัทร Communication Design MUIC
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-09-01 15:44:24

เรื่องและภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก


 นาย ณภัทร 

Communication Design MUIC


นาย ณภัทร


ณ เวลานี้ไม่มีใครฮอตเกิน นาย – ณภัทร เสียงสมบุญ เริ่มเป็นที่รู้จักจากการถ่ายโฆษณานีเวีย เคลียร์ เมน กับบัตรสมาชิกคิง พาวเวอร์ และนายแบบขึ้นปกอีกนิตยสารหลายฉบับ

รุ่นพี่ปี 3 สุดหล่อระดับต้องติด hashtag #รุ่นพี่หล่อบอกด้วย คณะออกแบบนิเทศศิลป์ (Communication Design) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จะมาแนะนำชาว #AdGang59 ที่สนใจคณะนี้ให้รู้ว่าสังคมอาร์ตๆ ภาคอินเตอร์นั้นเป็นยังไง เรียนยากง่ายแค่ไหนอย่างไรกัน


เลโก้คือจุดเริ่มต้นให้ชอบดีไซน์

ย้อนไปตอนเด็กเลยครับ ของเล่นชิ้นเดียวที่ผมได้จากคุณแม่คือเลโก้ ไม่มีแบบ ไม่มีกระดาษ ผมเอามาต่อเอง ต่อเป็นเมือง ต่อเป็นเครื่องบิน จากจินตนาการล้วน ๆ พอไฮสคูลเรียนวิชาดีไซน์เทคโนโลยี ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่าเริ่มชอบเรื่องออกแบบ เลยเล็งมาทางด้านสถาปัตย์ฯ อย่างเดียว ช่วงที่กำลังตัดสินใจเข้ามหาวิทยาลัย ผมไปเดินดูทั่วทุกที่ปรากฏว่าพอมาดูที่มหิดล มันมีความรู้สึกว่าอยากเรียนที่นี่มาก บรรยากาศทุกอย่างมันไม่วุ่นวาย เลยหาวิชาที่ใกล้เคียงกับสถาปัตย์ที่สุด หามาได้สาขาหนึ่งคือ Communication Design เลยเข้าไปทำความรู้จักกับอาจารย์ของสาขานี้ก่อน พอได้รู้จักท่านได้พูดคุยแล้วแบบมันใช่ ผมก็เลยเอ้ย เอาให้ได้ต้องสอบเข้าที่นี่ให้ได้
 

นาย ณภัทร


การสอบเทียบวุฒิ

ตอนนี้ผมอายุ 19 ปี แต่ว่าอยู่ปี 3 ก็เท่ากับเรียนเร็วกว่าคนอื่นสองปี คือผมเรียนโรงเรียนนานาชาติมา ซึ่งเขาจะมีให้เราเลือกได้ว่าเราจะสอบเทียบวุฒิเร็วกว่ากำหนด แต่คำว่าสอบเทียบวุฒิเร็วกว่ากำหนดมันไม่สามารถทำให้เราไปเรียนต่อเมืองนอกได้ แต่คือผมคิดไว้แล้วว่ายังไงผมก็เรียนที่ไทยแน่นอน ผมคิดว่าได้อยู่กับครอบครัวได้ใกล้กับครอบครัวอยู่ที่ไทย สองช่วยแม่ประหยัดเงินไปได้สองปีละ อินเตอร์นี่ปีหนึ่งหลายล้านครับ เพราะเทอมหนึ่งสามแสน บวกกับสามเทอม แล้วตอนนั้นเราก็หาวิธีช่วยคุณแม่ประหยัดเงินด้วย ก็เลยไปศึกษาหาข้อมูลด้วยว่าต้องทำยังไงบ้าง แล้วก็แต่ได้เพื่อนที่ดีและได้อาจารย์ที่คอยแนะนำเท่านั้นเอง ได้ผลออกมาคือการสอบเทียบวุฒิ แต่สมมติว่าถ้าจะไปเรียนต่อเมืองนอกแน่ ๆ เขาก็จะบังคับเรียนให้จบครับ ผมก็เลยลาออกมาเพื่อจะได้มาติวโรงเรียนกวดวิชา ทำไมต้องเป็นโรงเรียนกวดวิชา ผมบอกเลยนะว่ามันเป็นการเรียนที่ค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่ว่าถ้าเทียบกับการเรียนไฮสคูลมันคุ้มมาก ไม่ได้ชวนทุกคนมากวดวิชานะ แต่ผมบอกทางลัดให้สำหรับใครที่ต้องการประหยัดเงิน ชั่วโมงละเป็นพัน แต่ว่าสิ่งที่ได้กลับมามันเยอะกว่านั้น

ส่วนตัวผมไม่ได้เป็นคนเรียนเก่ง แต่ผมทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ วิทยาลัยนานาชาติ มหิดล อินเตอร์เขาต้องการ IELTS ต้องการผลใบสอบเทียบวุฒิเร็วกว่ากำหนด สอบห้าตัวงี้ครับ ถ้าจะเข้าสาขาผมจะต้องมีการเตรียมตัวทำ portfolio ซึ่งในพอร์ทมันจะต้องมีทั้งภาพวาด พอร์ทเทรตเจอร์ วาดในสิ่งที่เราเห็นครับอาจจะใช้เวลาหน่อยอาจจะดูน่าเบื่อหน่อยแต่ว่าพอเข้ามาได้มันคุ้มมาก ก็มีวาดรูป มีถ่ายรูป มีการใช้ illustrator กับ photoshop เพิ่มเข้ามา และก็มีเทคนิคหลาย ๆ อย่างครับ แต่จะบอกว่าที่เราทำเป็นพอร์ทเนี่ย ในความคิดผมนะอาจารย์ไม่ได้ต้องการหวังว่าเราจะเก่งที่สุด ผลงานเราดีที่สุดแต่เขาจะดูความคิดเรามากกว่า
 

นาย ณภัทร


พอก่อนสอบเข้ามหาลัยก็จะมีสอบเลข สอบวิทยาศาสตร์ สอบอะไรสารพัดเลยครับ ซึ่งเอาจริง ๆ มันค่อนข้างยากเพราะมหิดล มหาวิทยาลัยนานาชาติเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และก็ถ้าใครเรียนอินเตอร์จะรู้เลยว่าว่าต้องเข้าที่นี่เท่านั้น ภาษาอังกฤษดีมาก สังคมดีมาก เพื่อนฝรั่งเยอะมาก และพอเราไปยื่นเสร็จก็จะมีสอบอย่างที่ผมบอกไปและก็จะมีสอบด้านความถนัด ตามสาขาที่เราเลือกเรียน อย่างผม communication design เพราะฉะนั้นเขาก็จะมีข้อสอบที่เราต้องเข้าไปทำในห้องพร้อมกันทุกคน คือเป็นเหมือนวาดรูปมือเรา มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ นะครับ แต่ช่วงที่ผมเข้าไปวาดรูปมือและออกแบบโลโก้ จากโจทย์ที่เขาให้มาภายใน 15 นาที อะไรอย่างนี้คืออย่างที่บอกถ้าใครคิดว่ามันยากมันคือยาก ถ้าคิดว่ามันง่ายมันคือง่าย สำหรับผมว่ามันไม่ยาก และผมบอกเลยตอนนั้นผมอ่อนหัดมากเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย การที่เราเข้าไปเรียนเพราะเราต้องการความรู้จากอาจารย์ และผมมองว่าอาจารย์ไม่ได้ต้องการให้เราเก่งขั้นเทพ และก็ดูความคิดเราว่าเป็นคนคิดยังไงแค่นั้นเอง
 

นาย ณภัทร


พอได้เข้ามาเรียนจริง ๆ เป็นยังไง

โหย บอกเลยว่าแทบตาย ภาพที่คิดไว้มันสวยหรูมาก เข้ามาต้องเรียนอย่างนู้นอย่างนี้ มีเพื่อนเยอะ แต่มันไม่ใช่ปี 1 ทุกคนเข้ามาผมเชื่อว่ามีปัญหาเรื่องการจัดตารางเวลาของตัวเองครับ ผมก็มีเยอะด้วยตอนแรก ปีหนึ่งนะทำงานไม่ทัน ส่งงานไม่ทันอะไรอย่างนี้ แต่เหมือนพอมันผ่านมาถึงทุกวันนี้ปีสาม ถ้าเราตั้งลิมิตกับมันเราจัดตารางเวลาของมันให้ดี ๆ เราตั้งเป้าหมายไว้ว่างานนี้อีกสองชั่วโมงทำเสร็จอะไรอย่างนี้แล้วรีบไปฟังคำวิจารณ์ จากอาจารย์ แล้วก็รีบกลับมาแก้ เพราะการดีไซน์มันไม่ใช่แค่ดีไซน์แล้วเราสวยเอง การที่เรามองว่ามันสวย มันอาจจะไม่สวยสำหรับคนอื่นก็ได้ เพราะฉะนั้นทำยังไงให้มันดูดีและเข้าใจถึง เข้าใจง่ายอะไรแบบนี้ครับ
 

นาย ณภัทร 

หลักสูตรออกแบบนิเทศศิลป์

ตอนเข้าปีหนึ่ง เขาให้เราเลือกตารางเรียนเองว่าการเรียนของเราแต่ละเทอมจะเป็นยังไง สาขาของผมมันต้องเรียนภาษาอังกฤษกับเลขตามที่เขากำหนดไว้ ภาษาอังกฤษจะมีทั้งหมด 4 ระดับ สองอันแรกเป็นเขียน essay อันที่สามเป็น public speaking เป็นการฝึกการพูดหน้าห้อง ส่วนตัวที่สี่ที่บังคับเรียน เขาให้เราเลือกว่าถนัดอะไรจากที่เราได้ลองมาทั้งหมด แต่มันจะมีหลาย ๆ สาขาเพิ่มขึ้น ส่วนเลขในสาขาของผมความจริงเรียนแค่ basic math เท่านั้น แล้วก็วิชาที่เขาบังคับส่วนใหญ่เป็นวิชาปรับพื้นฐาน มันเป็นเหมือนการปรับมุมมองของเด็กนักศึกษาทุกคน ให้หลุดจากกรอบ ให้เห็นในสิ่งที่ดีไซน์เนอร์เขาเห็นกัน

แต่พอมาปีสอง งานจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ใช้ความคิดขึ้น เริ่มสอนโปรแกรมแล้ว หลายคนผมว่ามีความคิดมีไอเดีย แต่ไม่รู้จะทำออกมายังไง เพราะฉะนั้นในการดีไซน์มีสองโปรแกรมนั้นสำคัญมาก เบสิคเลยคือ Illustrator และ Photoshop คือมันเป็นการสร้างทุกอย่าง ที่จะลงสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน และเริ่มสอนวิชาคิดพื้นฐาน การให้พื้นที่จัดวาง เป็นศาสตร์ของอินทีเรียดีไซน์กับสถาปัตยกรรมผสมกัน คือเขาจะให้สร้างเป็นเหมือนแบบบ้าน แล้วเป็นโจทย์แบบติสต์ ๆ บ้านสำหรับตุ๊กแกอะไรแบบนี้ ถ้าเราจัดวางให้มันสบายตาดูดี งานมันก็ออกมาดี

นาย ณภัทร

           

ปีสาม เราจะเริ่มค้นพบแนวของตัวเองว่าเป็นยังไง ได้ทำงานดีไซน์ละ เป็นการเรียนออกแบบแพคเกจจิ้ง ออกแบบไทโปกราฟี ทำตัวอักษรเอง ถ้าตัวเองชอบถ่ายรูปก็สามารถเลือกเรียนถ่ายรูปได้ และก็จะมีเรียนประวัติศาสตร์การดีไซน์ด้วย ถ้าใครทำงานตรงนี้จะรู้ว่าทำไมต้องมีแบบอย่าง แล้วทำให้มันดียิ่งขึ้นแค่นั้นเอง สิ่งที่ต้องเรียนมันมีแนวหลายแนวมากอย่าง แต่ละยุคมันมีสไตล์การออกแบบที่ไม่เหมือนกัน และความจริงการออกแบบมันมีอะไรเยอะมาก เรื่องราวเกี่ยวกับดีไซน์เนอร์ก็ต้องรู้ ประวัติความเป็นมาของบริษัทดัง ๆ ก็ต้องรู้ อาจจะฟังปวดหัวหน่อยนะ แต่ถ้าใครชอบมันจะสนุกมาก
         
ปีสี่อาจารย์เขาเน้นให้ฝึกงานจริงแล้วครับ จะมีวิชาหนึ่งที่ต้องเรียนกับลูกค้าจริง ๆ ไปทำงานให้เขาจริง ๆ แล้วลูกค้าเป็นคนให้เกรดเรา แล้วมันก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดลูกค้าชอบคุณเขาก็จะจองตัวตั้งแต่นั้นเลยพอเรียนจบก็ไปทำงานกับเขาได้ 

พอปีถัดไปปีสุดท้ายจะต้องทำธีสิสโชว์ผลงาน โชว์ดีกรีตอนจบ และอันนี้จะเป็นผลงานของเราทั้งปี หนึ่งปีเราจะเลือก topic มา จะมีวิชาที่ต้องพรีเซนต์ topic และทั้งปีจะเรียนเกี่ยวกับอันนี้และก็มาโชว์ผลงานตอนจบ แล้วเวลาโชว์ผลงานตอนจบล่าสุดไปโชว์ที่สยามเซ็นเตอร์และคนก็จะเยอะมาก ลูกค้าหรือว่าเจ้าของบริษัทจะมาเดินชอปปิ้งเลย
 

นาย ณภัทร
ใจรัก อดทน ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ


มันงานหนักจริง ๆ ต้องขยันอดทน ผมบอกไว้เลยถ้าใครชอบหรือรักด้านนี้จริงไม่จำเป็นต้องมีสกิล ก่อนเข้าไปเรียนผมไม่มีสกิลเลย แต่พอเข้าไปจากหินก้อนสี่เหลี่ยมกลายเป็นก้อนกลมๆ ที่สามารถกลิ้งไปไหนก็ได้ คือมันโดนอาจารย์ขัดเกลามาอย่างดี

ตลาดงานครอบคลุม
         
กว้างมากเด่น ๆ เลยนะ จะเป็นเรื่องออกแบบแมกกาซีน ทำเกี่ยวกับวงการบันเทิง โฆษณา เป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ เป็นอินทีเรียดีไซน์เนอร์ เป็นอะไรได้เยอะมาก ถ้าเรียนก็จะรู้เองว่ามันเป็นได้หลายทางแล้วแต่ว่าจะชอบด้านไหน
 

นาย ณภัทร 

สิ่งที่อยากทำหลังจากเรียนจบ

ส่วนตัวผมเป็นคนวางแพลนได้และบอกคนอื่นเหมือนแบ่งงานคนเป็น เวลาถ่ายรูปผมรู้ละว่าผมกำกับคนเป็น ในความฝันของผมถ้าด้านนี้นะ ด้านดีไซน์ผมอยากเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ หรือว่าบก.หนังสือ อะไรที่เป็นเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ผู้ชายผมชอบ คำว่า ไลฟ์สไตล์ของผมมันคือกิจวัตรประจำวัน ซึ่งผมเป็นคน activity เยอะมาก ถ่ายรูป เล่นกีตาร์ ท่องเที่ยว ร้องเพลง เล่นกีฬา ตีกอล์ฟมันเยอะจริง ๆ และผมรู้สึกว่าผมน่าจะทำได้ดี แต่ผมก็ไม่เคยคิดนะว่าจบมาต้องทำอย่างนี้ เพราะผมไม่เคยปิดกั้นโอกาสตัวเอง ผมมองว่าผมทำได้หลายสิ่งและผมทำได้หลายอย่าง แต่ว่าตราบใดที่เรารักสนุกกับงานมันจะทำออกมาได้ดีเสมอ


นาย ณภัทร 

นาย ณภัทร 

นาย ณภัทร

 

นาย ณภัทร