เรื่อง: ศภิสรา เข็มทอง

เต้ย จรินทร์พร  
 

จรินทร์พร จุนเกียรติ เสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้คือรอยยิ้มและความน่ารักสดใส บุคลิกสบายๆ แบบคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อต้องรับบทบาทหนักเช่นผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “Coundown” หญิงสาวร่าเริงก็แปลงร่างเป็นคนเก็บกดเสียประสาทอย่างน่าทึ่ง นอกจากอาชีพนักแสดง พรีเซ็นเตอร์ และพิธีกรคนเก่ง เต้ยยังมีความสนใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนเส้นทางสายธรรมะ เพื่อนำไปปรับใช้กับชีวิตและแบ่งปันสู่ผู้อื่น

มุมที่มองโลก

คนเราไม่มีใครที่มีความสุขได้ตลอดเวลา มันต้องทุกข์และสุขสลับกันไปเป็นปกติ ถ้าเราหมั่นมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ให้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นครู เมื่อมีอะไรผ่านเข้ามาก็เข้าใจ ยอมรับ 

ความสงบเล็กๆ ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา 

ความสงบเป็นเรื่องที่ทำไม่ง่าย แต่ก็ทำได้ไม่ยาก แต่เราต้องรู้ตัว รู้จักใจตัวเองในทุกๆ วัน ว่าเราเป็นอย่างไรบ้าง ตามดูทุกๆ การกระทำว่าเรากำลังอะไรอยู่ ง่ายที่สุดเลยคือสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา
 

คำพูดปลอบใจที่ใช้บ่อยๆ   

อย่างแรกคือต้องรับฟังปัญหาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วโดยตัวเราเองจะพูดตรงๆ จากสิ่งที่เห็น ซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือผิดแค่ไหน แต่จะเอาความจริงมาพูดกัน บางครั้งเราอาจจะคิดไม่ทันว่าจะพูดกับเขาอย่างไร แต่สิ่งที่เป็นจริงคือ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

วิธีพาตัวเองออกจากทุกปัญหา  
เต้ยจะคิดให้จบ แล้วปล่อยวาง แต่ถ้าคิดให้จบไม่ได้ ก็จะปล่อยมันไป แล้วเดี๋ยววันหนึ่งตำตอบก็จะกลับมาเอง ไม่ใช่ว่าเราเก็บสะสมปัญหาไว้เป็นดินพอกหางหมู แต่ต้องยอมรับก่อนว่าเราคิดไม่ออกจริงๆ ตอนแรกเราอาจจะมองเหตุการณ์นั้นด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล แต่พอผ่านไปเราจะกลับมามองด้วยอารมณ์ปกติ
 

เมื่อมีคนพูดว่า “คนสมัยนี้  ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่เข้าหาศาสนา”

เต้ยเข้าปฏิบัติธรรมในวัดครั้งแรกโดยไม่ได้มีความทุกข์ใดๆ เลย ไปเพราะอยากไปปฏิบัติจริงๆ แต่ถ้าผู้ใหญ่จะมองว่าคนรุ่นใหม่เป็นแบบนั้นก็คงไม่ผิด เพราะในสังคมมีคนหลายแบบ แต่สำหรับคนที่เข้าวัดเพราะทุกข์ก็ถือว่าเขาหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางใจที่ดีที่สุดแล้วค่ะ