www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

น้ำท่วม ..บ้านพัง..หนี้ท่วมหัว..มาฆ่าตัวตายกันเถอะ!
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2011-11-22 09:07:38

 

ช่วง ๓ ปีมานี้เรามักได้ยินข่าวการฆ่าตัวตายอยู่บ่อย ๆ นักศึกษากระโดดตึกบ้าง นักธุรกิจ ยิงตัวเองพร้อมครอบครัวบ้าง ดารากระโดดน้ำบ้าง ชาวนาผูกคอตายบ้าง ซึ่งเป็นที่สลดหดหู่ใจ แก่ผู้ได้ยินได้ฟังเป็นอย่างยิ่ง

ถามว่า...เขาทำถูกต้องหรือไม่ ?
ตอบว่า.. ทำถูก! ..ถูกตามความ คิดของเขา แต่ไม่ใช่ถูกตามความเป็นจริง พวกเขาเข้าใจว่า “การทำให้เนื้อหนังร่างกายตายเป็นการดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องรับรู้ความทุกข์อะไรอีกต่อไป ใครจะทุกข์ระทมอย่างไร ฉันไม่สน.... ขอให้ฉันไม่ทุกข์เป็นพอ” ซึ่งเป็นความคิดของคนโง่เขลาและเห็นแก่ตัว..อย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้..
“โง่”...ในที่นี้มิใช่หมายความว่าเรียนไม่เก่ง เขาเรียนเก่ง! แต่ไม่มีความรู้ ไม่รู้จักคิด

ถามว่า....คนเรียนเก่งแต่ไม่มีความรู้เป็นอย่างไร มีด้วยหรือ?
ตอบว่า..มีเยอะแยะไป เขาเก่งในการเรียนหนังสือ รู้จักวิธีแสวงหาทรัพยากรของโลกมาบำรุงบำเรอร่างกาย ..แต่เขาไม่รู้สิ่งที่นอกเหนือไปกว่านี้ ..เขาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วชีวิตนี้คืออะไร มาจากไหน? และกำลังจะไปไหน? ...ชีวิตของเรามีการเกิดเป็นเบื้องต้นมีความตายเป็นที่สุดเท่านั้นหรือ? ..เขาไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร

พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ..คนเราแต่ละคนนั้นเคยเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน แม้แต่พระองค์เองก็เคยเกิดเป็นสุนัขมาแล้ว ...และถ้ายังไม่หมดกิเลสก็ยังต้องเกิดใหม่ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด ...มีปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ ข้อ ๒๔๒ ว่า “ ภิกษุทั้งหลาย คนแต่ละคนที่เวียนว่าย ตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ถ้ามีผู้รวบรวมกระดูกไว้ไม่ให้กระจัดกระจาย จะกองโตกว่าภูเขา เวละบรรพตเสียอีก”
การเกิดแต่ละครั้งจะต้องมีเหตุทั้งสิ้น จะเกิดดีหรือเกิดร้ายมีบุญ/บาปที่ตนเองได้ทำไว้เป็น เครื่องตัดสิ้น

ตายแล้วไปไหน? พระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา” แปลว่า ..เมื่อจิตผ่องใสสุคติเป็นอันหวังได้ เมื่อจิตเศร้าหมองทุคติเป็น อันหวังได้..
หมายความว่า ขณะที่เราตายถ้าจิตผ่องใสพอตายปุ๊ปจะไปเกิดในสุคติทันที เกิดเป็นมนุษย์ เทวดา หรือพรหมตามกำลังความผ่องใสของจิตขณะสุดท้าย ...แต่ถ้าขณะที่จะตาย มีจิตเศร้าหมองพอตาย ปุ๊ปก็จะไปเกิดในทุคติทันที จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต/อสุรกาย หรือสัตว์นรกตามกำลังความ เศร้าหมองของจิตขณะสุดท้าย

ทีนี้ลองมาพิจารณาสภาวะจิตใจของผู้จะฆ่าตัวตายว่าจะเป็นเช่นไร? .. ผู้ที่คิดฆ่าตัวตายนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีสภาพจิตที่เศร้าหมองอย่างยิ่งจึงจะฆ่าตัวตายได้ และทันทีที่ตายเขาจะ ไปเกิดในที่อื่น ไปไม่ได้นอกจาก....“นรก”...สถานเดียว

ปัญหามีอยู่ว่า.. คนยุคนี้ไม่เชื่อเรื่องนรก นรกเป็นเช่นไร? นรกมีจริงหรือ?
ขออธิบายว่า... จะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ แต่ถ้าเชื่อจะมีผลดี ๒ประการคื ๑.จะทำให้ชีวิตในชาติปัจจุบันมีความสุข เพราะไม่กล้าทำความชั่ว ๒. ถ้าเกิดนรกมีจริงก็ไม่ต้องตกนรกเพราะไม่ได้ทำความชั่วไว้
แต่ถ้าไม่เชื่อ จะมีผลเสีย ๒ ประการคือ ๑. ประสพความทุกข์เพราะมักทำความชั่ว ๒. ถ้านรกมีจริงก็ต้องตกนรก
สรุปว่า ถ้าเชื่อกำไรกับเสมอทุน ถ้าไม่เชื่อขาดทุนกับขาดทุน แต่ในพระคัมภีร์ไตรปิฎก เทวทูตสูตรเล่มที่ ๒ ได้บันทึกการไปเยือนนรกของพระมหาโมคคัลลานะไว้

นรกเป็นเช่นไร? นรกคือ ภพที่มีแต่ความร้อนรนทุกข์ทรมานหลบหนีไม่ได้ (ท่านเคย
ฝันร้าย ที่ต้องถึงกับสะดุ้งตื่นหรือเปล่า?) ความรู้สึกในนรกก็เหมือนกันกับฝันร้ายอย่างสุดๆ ต่างกันแต่ไม่มีโอกาสผวาตื่นเท่านั้นเอง!

ขอเตือนผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายอีกครั้งว่า การฆ่าตัวตายไม่ใช่การกระทำของผู้กล้าหาญ
แต่อย่างใด แต่เป็นการกระทำของคนขี้ขลาดตาขาวต่างหาก ขี้ขลาดต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ทนต่อความรู้สึกนั้นไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนกล้าหาญจริง แล้วเหตุไฉนจึงไม่กล้าที่จะดำรงชีวิต
อยู่ต่อไป จะไปแคร์อะไรกับความรู้สึกของผู้อื่น เขาจะมีความคิดต่อเราอย่างไรมันเป็นเรื่อง
ของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา ...ตอนเกิดมาเรามาคนเดียว พอเราตายจากไปก็ไม่เห็นใครตามไปด้วยสักคน คนทุกคนที่เราพบเห็นอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพียงเพื่อนใหม่ที่จะต้องตายจากกันในไม่ช้า เราทุกคนต่างเจอกันเพื่อจากพบกันเพื่อพรากด้วยกันทั้งสิ้น...

การฆ่าตัวตายไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย ...กว่าจะได้เกิดเป็นคนแต่ละชาติไม่ใช่เรื่อง
ง่าย กว่าจะมาถือปฏิสนธิเป็นคนได้ ต้องแข่งขันกับดวงวิญญาณอื่น ๆ อีกตั้ง ๑๙๙,๙๙๙.๙๙๙ ดวง(ตัวอสุจิขณะปฏิสนธิ มี ประมาณ ๒๐๐ ล้านตัว) และเราก็เป็นผู้ชนะจนได้เกิดเป็นคนอยู่ทุกวันนี้ แถม...มีอวัยวะครบสมบูรณ์เสียด้วย มีดวงวิญญาณเป็นจำนวนล้าน ๆ ที่ต้องการเกิดเป็นคน แต่ทำบุญกุศลมาไม่เพียงพอ จึงต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางดวงถึงได้เกิดเป็นคนแล้ว แต่ก็เกิดเป็นคนพิการเสียบ้าง ติดเชื้อเอดส์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์บ้าง เกิดในประเทศที่มีแต่สงครามบ้าง

และ..การที่เราดำรงชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ...ไม่ตายไปเสียก่อน...จะต้องมีบุญกุศลเป็นจำนวนมหาศาลที่คอยหนุนหลังอยู่ ซึ่งบุญกุศลเหล่านี้เราสร้างมาด้วยตนเองทั้งสิ้น ไม่ใช่มีใครที่ไหนมาดลบันดาลให้ แล้วเราจะทำลายสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง เพียง.เพื่อบำบัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว(..ของคนอื่น) กระนั้นหรือ.. ไม่คุ้มกันเลย !


มนฺตเสวีภิกขุ