หนทางดับทุกข์ จาก ว.วชิรเมธี
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2011-04-25 14:01:20
หนทางดับทุกข์ จาก ว.วชิรเมธี
แม้พุทธศาสนาจะไม่สอนให้ติดยึดในชื่อเสียง แต่ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี มานี้ ชื่อเสียงของพระหนุ่มนาม ว.วชิรเมธี ก็ขจรขจายลือเลื่อง
ในฐานะพระนักเทศน์ และพระรุ่นใหม่ที่ศึกษาธรรมะ และเดินตามรอย ท่านพุทธทาส โดยมีมุมมองความคิดทั้งในทางธรรม และทางโลก
ออกมาทั้งในรูปของการพูดและงานเขียนที่น่าสนใจ
ว.วชิรเมธี ได้มาบรรยายพิเศษในงาน อุทยานรักษ์สุขภาพ ครั้งที่ 21 ณ บ้านเจ้าพระยาวันที่ 29 กรกฎาคม 2549 โดยใช้หัวข้อธรรมบรรยาย ครั้งนี้ว่า "ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน" มีสาระน่าสนใจ "ผู้จัดการปริทรรศน์" จึงขอนำธรรมะบางตอนมาตีพิมพ์ไว้ ณ ที่นี้
ขอเจริญพรผู้สนใจธรรมะทุกๆ ท่าน ช่วงนี้สุขภาพของประเทศไทยไม่ค่อยดี สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นก็เลยตั้งใจธรรมบรรยาย
ในวันนี้ว่า ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน ก็จะชวนท่านทั้งหลายมาสำรวจว่า ทุกข์มันเกิดขึ้นที่ไหน ที่ใจใช่ไหม ถ้าสมมุติว่าประเทศมันยุ่งเหยิง ความทุกข์ของประเทศเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นที่ไหน ที่คน คนนั้นศูนย์รวมความทุกข์มันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่ใจ เพราะฉะนั้นทุกข์ของคน
ทุกข์ของประเทศ ถึงที่สุดแล้ว เหมือนที่พระพุทธเจ้าพูด เกิดที่ใจ เกิดที่ใจ ดับที่ไหน ทุกข์ในชาตินี้ จะดับชาติหน้าได้ไหม ทุกข์ที่นี่ ก็ดับมันที่นี่ คนไทยมีความเข้าใจผิดว่าปฏิบัติตามอารยมรรคชาตินี้ กะว่าหลายๆ ชาติหน้าถึงจะถึงนิพพาน ทำเหตุชาติหนึ่งแล้วไปเอาผลอีกชาติหนึ่ง จริงๆ พระพุทธเจ้าท่านเน้นว่าทำเหตุชาติไหน ก็เอามันชาตินั้น พอเราไปบอกว่าทำเหตุชาตินี้ กะนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ อย่างนี้
คนมันก็เลยเอาเถิดเจ้าล่อกับกิเลส แล้วไม่กลัวเลยกิเลส ไม่กลัวกิเลส พอไม่กลัวกิเลสแล้วเป็นยังไง ก็ไปเจอธรรมะเข้า บางครั้งธรรมะนี่
ไม่จำเป็นต้องมาจากปากของพระก็ได้ มาจากปากของผู้ที่รู้ธรรมะแต่ไม่ได้บวช ได้ไหม ก็ได้ ดังนั้นถ้าเราเข้าใจแล้วเราจะเห็นว่า คนทุกข์ก็มีอยู่ทั่วไป วิธีดับทุกข์ก็มีอยู่ทั่วไป แต่คนมีปัญญาจะมองเห็น
มีคนไปถามหลวงปู่มั่นว่าไม่ได้เรียนสูง แต่ทำไมธรรมะลึก หลวงปู่มั่นก็บอกว่า ธรรมะมันก็เหมือนเส้นดินเส้นหญ้านั่นล่ะ ก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง คนตาดีถึงจะมองเห็น คนตาไม่ดีมองไม่เห็น คนตาถั่วเห็นแต่ผลประโยชน์นะ เขาส่งสัญญาณตั้งนานก็ไม่เห็น เพราะอะไร ผลประโยชน์มันเข้าหูเข้าตา พอทุกข์กระทบแล้วแทนที่ธรรมจะกระเทือน อะไรกระเทือน ความแค้นกระเทือน เนี่ย มนุษย์นะ ดังนั้นวันนี้จะวิเคราะห์ทุกข์ให้ฟัง เอาทั้งทุกข์ของคนและทุกข์ของประเทศ จะได้เห็นภาพรวมว่าธรรมะมันเกี่ยวข้องกับคน เกี่ยวข้องกับประเทศชาติบ้านเมือง มีคนถามอาตมาว่าวิกฤติของประเทศไทยทุกวันนี้มันวิกฤติที่ไหน บางคนบอกมันวิกฤติทางการเมือง บางคนบอกวิกฤติทางเศรษฐกิจ อาตมาบอกว่าไม่ถูกสักอย่าง มันวิกฤติที่ใจคนเท่านั้นล่ะ เห็นผิดเป็นชอบ เรื่องเดียวเท่านั้น เห็นผิดเป็นชอบ
หลวงพ่อชา ท่านเคยพูดไว้คำหนึ่ง คมมาก ลึกซึ้งมาก ท่านบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันถูกอยู่แล้ว มีแต่ใจคนไปเห็นว่ามันผิด ถูกต้องไหม ทุกอย่างมันถูกอยู่แล้ว เช่น คนทำชั่วจะถูกไล่ อย่างนี้มันถูกอยู่แล้ว ตรรกะนี้เป็นความจริงที่สุด แต่มีคนอยากลองดีกับพระพุทธเจ้า ลองทำชั่วแล้วคิดว่าจะอยู่ได้ดู มันจะจริงไหม คนที่ไปเถียงกับพระพุทธเจ้าเนี่ย ก็เหมือนคนที่เอาไข่ไปทุบหิน ไข่เนี่ย วางอยู่เฉยๆ เอาหินหล่นใส่ไข่ ไข่แตกไหม ต่อไปเอาหินวางอยู่เฉยๆ ถือไข่ไปทุบหิน ไข่แตกไหม คนที่ไปเถียงพระพุทธเจ้าจะแพ้ไหม แพ้ ไม่ยกตัวอย่างนะ เพราะฉะนั้นท่านก็เห็นอยู่แล้ว ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ของคน เรียกว่าเป็นทุกขสัจของคน ทุกข์ของประเทศเรียกว่าเป็นทุกข์สัจจะของสังคม กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เบื้องต้นท่ามกลางที่สุด ไปจากใจคน ถ้าใจมันโง่ การใช้ชีวิตโง่ ถ้าใจของคนในประเทศจำนวนมากมันโง่
ก็ทำให้ประเทศนั้นเต็มไปด้วยคนโง่ แล้วประเทศของเราก็จะติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่โง่ทั้งหลายในเวทีโลกเขามีการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ประเทศที่เจริญที่สุดอย่างสหรัฐอเมริกา ติดอันดับที่ 150 นะ เห็นไหม แต่ประเทศที่สุขที่สุดในโลก กลับเป็นประเทศที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย เป็นเกาะเล็กๆ แล้วประเทศไทยอยู่ที่ไหน เราเนี่ย 32 ใช่ไหม หลังเวียดนาม ถ้าไปวัดช่วงเดือนเมษายน เนี่ยน่าจะร้อยกว่าๆ อันดับคงร่นไปเยอะเลยนะ
แต่ถ้ามาวัดวันที่ 9 ประเทศไทยอันดับ 1 นะ 9 มิถุนายน ดังนั้นเราก็จะเห็นว่า เมื่อเราวัดประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกได้ ตอนนี้เขาก็วัดนะ ประเทศที่มีความทุกข์ที่สุดในโลก เขาวัดอีกแล้ว เดี๋ยวผลก็คงจะออกมา แต่อาตมาอยากจะให้วัดอีก ประเทศที่โง่ที่สุดในโลก อยากจะให้วัดจังเลย เราจะได้รู้ตัวเอง ในวงการมหาวิทยาลัยโลกทุกปีเขาจะวัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ มหาวิทยาฮาร์วาร์ด ครองแชมป์มา 5-6 ปีซ้อน อันดับ 2 ก็ออกซ์ฟอร์ด อันดับ 3 เอ็มไอที ในเมืองไทยเราน่าจะวัด ใครโง่ที่สุดในประเทศไทย ใครหนาที่สุดในประเทศไทย อย่างนี้ ไม่ต้องวัดใช่ไหม ใครไม่รู้จักคำว่ามโนธรรม เราต้องวัดคำเหล่านี้ เพราะอะไร เพราะคำเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยเกิดความทุกข์มวลรวมประชาชาติ ใช่ไหม มันเป็น National Domestic Sufferring ตอนนี้ประเทศภูฏานน่ะ เขาวัดความสุขมวลรวมประชาชาติเป็น National Domestic Happiness แต่ประเทศไทยสนอยู่เรื่องเดียว สนอะไร จีดีพี สนจีดีพี พอสนแต่จีดีพีมันก็ ตัวนั้นน่ะเป็นตัวทุกข์เลยนะ เพราะอะไร เพราะว่าเราเคยอยู่กันอย่างมีความสุขในสังคมแบบพอเพียง พอไปวัดจีดีพี ทุกอย่างต้องขาย สมมุติคุณทำสวนทุเรียนมาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ 70 แต่นโยบายของรัฐบาลไม่สนับสนุนให้ขายทุเรียน เพราะว่าเราขายสู้ประเทศอื่นไม่ได้ เขาบอกให้คุณเลิก แล้วคุณไปขายอย่างอื่นที่มันจะขายแข่งกับคนอื่นได้ เขาจะไม่สนเลยว่าคุณจะผูกพันกับเจ้าคุณปู่ของคุณมากี่ปีกี่ชาติ ไม่สน ในวัฒนธรรมของทุนไม่สนเรื่องจิตวิญญาณ สนแต่ว่าอะไรขาย ส่งเสริม อะไรไม่ขายให้เลิก แล้วมนุษย์เรานี้มันอยู่เพื่อที่จะหาเงินเท่านั้นหรือ ใช่ไหม สมองมนุษย์มันมี 2 ซีก ซีกหนึ่งมันใช้เหตุผล ซีกหนึ่งมันใช้สุนทรียะ เรื่องจิตวิญญาณ เรื่องความดีงาม เรื่องมโนธรรม
พอประเทศไทยเอาจีดีพีเป็นตัวนำ มโนธรรมหายไปจากประเทศ กลายเป็นประเทศที่มีความทุกข์อันดับต้นๆ ของโลก เป็นประเทศที่ดื่มเหล้าติด 1 ใน 5 ของโลก ทั้งๆ ที่เราก็เป็นเมืองพุทธ นี่คือทุกข์ของคน เพราะคนโง่ ทำให้เกิดความทุกข์ของประเทศ ความทุกข์ของประเทศ
ก็กลายเป็นความทุกข์มวลรวมประชาชาติ ฉะนั้นถ้าเราอยากจะแก้ทุกข์ก็ต้องมาเริ่มแก้ที่คนก่อน แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับใหม่ จะหันมาเน้นที่เศรษฐกิจพอเพียงแล้วก็คน ทีนี้ถ้าคน คนมันก็เยอะ เราจะเอาคนระดับไหน พระ พุทธเจ้าท่านเคยทำงานในลักษณะว่า จับโจรให้จับหัวหน้า ถ้าเรามัวแต่ไปเทศน์สอนปลาซิวปลาสร้อย กว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงข้างบนนะ นานเหลือเกิน ใช่ไหม แต่ถ้าเรา
เอานักการเมืองมาเข้าคอร์ส วิปัสสนากรรมฐาน ไม่ต้องมากล่ะ เอาหัวหน้าพรรคการเมืองสัก 5 พรรค เข้าคอร์สกรรมฐานสัก 7 วัน อาตมายินดีสอนนะ รับรองเกิดการเปลี่ยนแปลง รับรองเลย เพราะอะไร คนที่ไม่เคยเจริญสติปัฏฐาน จะมองไม่เห็นตัวเอง เขาจะมองไม่ออกว่าเราเกิดมาทำไม เขาจะถามตัวเองว่าฉันจะรวยเมื่อไร จะรวยอย่างไร แต่คนที่เจริญสติปัฏฐานแล้วจะถามว่า ฉันเกิดมาทำไม อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ พอมันเปลี่ยนคำถามอย่างนี้ปุ๊บ จะยังกอบโกยหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่ไหม ไม่แล้ว มันเปลี่ยนคำถามในชีวิตแล้ว เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประเทศที่มีความสุขมวลรวมประชาชาติ แทนประเทศที่มีความทุกข์มวลรวมประชาชาตินะ ต้องเปลี่ยนคำถามของประเทศใหม่ คำถามของตัวเราก็ต้องเปลี่ยนใหม่ ทุกวันนี้สังคมไทยถูกพาให้ตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรถึงจะรวย เราต้องเปลี่ยนใหม่ว่า ทำอย่างไรเราถึงจะมีความสุข
ในหลวงพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2517 พระองค์ท่านเปลี่ยนคำพูดไหม ไม่เปลี่ยน ชัดเจนว่าประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้อยู่แบบพอเพียง ท่านไม่เคยโลเลเลยนะ นโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินของพระองค์ท่านไม่เคยโลเล เพราะฉะนั้นถ้าคำถามในชีวิตของเรามันไม่ชัด คน ที่ไม่ชัดเจนในตัวเองคนหนึ่ง เดินไปคบเพื่อน ทำให้เพื่อนที่ชัดเจนอยู่แล้วพลอยไม่ชัดเจนไปอีกคนหนึ่ง เพื่อนคนนั้นเดินกลับเข้าไปบ้าน ทำให้ภรรยาเป๋ไปอีกคนหนึ่ง ภรรยามีลูก สอนลูก ลูกเลยเป๋ไปอีกคนหนึ่ง เดินกลับเข้ามาในออฟฟิศ ถ้าเขาเป็นซีอีโอ พนักงานในเครือเป๋ไปทั้งหมด ขึ้นไปบริหารประเทศทั้งประเทศ ลงห้วยลงเหวกันพอดี เพราะฉะนั้นความไม่รู้จักธรรมะของคนๆ หนึ่ง ทำให้ประเทศทั้งประเทศ ทุกข์ไหม ทุกข์ แต่ทำยังไงเมื่อทุกข์กระทบแล้ว ธรรมจึงกระเทือน ก็มีวิธี พระพุทธเจ้าแสดงธรรมทุกครั้ง แสดงเหตุ แสดงผล แล้วก็แสดงวิธีที่จะดับเหตุดับผลของมัน การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าจะวางอยู่บนหลักพื้นฐานว่านี่คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร จะเป็นอย่างไรต่อไป และจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ภาษาพระก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ภาษาฝรั่งก็คือ What Why How และ How to นี่ มันชัดเจนอย่างนี้ ถ้าเราเข้าใจเรื่องของอริยสัจ 4 นะ คนๆ หนึ่งที่เข้าใจอริยสัจ 4 ขึ้นไปบริหารประเทศ ประเทศทั้งประเทศจะได้รับการบริหายภายใต้กระบวนการที่จะนำไปสู่การดับทุกข์ ของพ่อแม่พี่น้องในประเทศ แต่ถ้าคนที่เป็นผู้บริหารไม่เข้าใจเรื่องอริยสัจ 4 พอขึ้นไปบริหารประเทศ จะนำเข้าไปสู่กระบวนการสร้างทุกข์ให้กับคนทั้งประเทศ
มันน่าเสียดายที่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แต่ปรัชญาในการบริหารประเทศนี้ไปหยิบยกจากที่อื่นมาตลอด นั่นคือหยิบยกมาจาก กูรู (Guru) ถ้ามันรู้มากๆ แล้วเป็น กูรู้ บางทีฝรั่งเขาก็โง่ เพราะคำว่ากูรูเนี่ย อินเดียเขาออกเสียงว่า คุรุ กุรุ เวลาเขียนด้วยภาษาอังกฤษ หรือ Romanize มันจะเป็นตัว G ตัว U ตัว R ตัว U คุรุ ฝรั่งเขาออกเสียง คุรุ ไม่ได้ ก็ออกเสียงว่า กูรู เพราะอะไร เพราะบางทีฝรั่งก็โง่ เราต้องยอมรับ ต้องพูดไปตามความจริง ฝรั่งโง่ อย่าไปบอกว่าฝรั่งฉลาด เดี๋ยวฝรั่งหลงตัวเอง จะแก้ทุกข์ ต้องรู้จักทุกข์ให้ชัดๆ คนไทยเนี่ยถูกหลอกให้เชื่อ ผู้รู้มาก แต่เราหลงลืมธรรมะ ซึ่งเป็นปรัชญาในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองไป ในหลวงของเราไม่เขวเลยนะ ทศพิธราชธรรม ตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้เรื่องนี้เรื่องเดียวบริหารราชการแผ่นดินได้ทั้งหมด มีอยู่วันหนึ่งฝรั่งเขาโยนคำว่า Good Governance คือธรรมาภิบาล คนไทยแตกตื่น บอกว่า โอ้โห ต้องทำตามนี้เป๊ะเลย ในหลวงเปลี่ยนไหม ไม่เปลี่ยน ดร.สุเมธ บอกว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีธรรมาภิบาลมันจะอยู่มาได้อย่างไร อยุธยารุ่งเรืองเป็นมหาอาณาจักร เขาเพิ่งค้นพบอเมริกาเอง เพราะฉะนั้นอเมริกานี่อายุสั้น น่าจะ 200 กว่าปี แต่มีข้อเสียของสังคมไทยก็คือว่า
เราเห่อกันไปเรียนเมืองนอก เมื่อเห่อกันไปเรียนเมืองนอกเราก็ไปสมาทานความคิดของตะวันตก ทั้งๆ ที่คนชั้นนำของตะวันตกเวลานี้ สมาทานความคิดตะวันออก มีแต่คนเป็นลูกศิษย์ของดาไล ลามะ นะ แต่คนไทยเมืองไทยเรานี่อยากไปลูกศิษย์ของ Guru ทั้งหลาย แล้ว Guru ทั้งหลายเขาเป็นลูกศิษย์ใคร เขาเป็นลูกศิษย์ดาไล ลามะ เนี่ย เรานะเป็นใกล้เกลือแต่กินด่างอยากจะดับทุกข์ แต่พอไม่รู้วิธีดับทุกข์ กลายเป็นสร้างทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านพูดไว้ชัดว่า อยากแสวงหาความสุข แต่ถ้าแสวงหาไม่ถูก บนเส้นทางของการแสวงสุขนั้นกลายเป็นการเอาความทุกข์มาใส่ตัว เนี่ยคือ ทุกข์ของคนๆ หนึ่งกลายเป็นทุกข์ของประเทศชาติบ้านเมืองได้
ดังนั้นถ้าทุกข์กระทบทำยังไงธรรมจะกระเทือน ก็ต้องมีวิธีวิเคราะห์ทุกข์ วิธีวิเคราะห์ทุกข์ก็ต้องถามว่า ทุกข์ทั้งมวลบรรดามีในชีวิตของเราเริ่มต้นจากไหน บางคนก็บอกว่าที่ใจ ใจนั้นถูกต้อง แต่ว่ากิเลสตัวไหน ตอบว่าที่ใจเนี่ยกำปั้นทุบดิน มันถูกอยู่แล้วล่ะ แต่ต้องวิเคราะห์ลงไปอีก เพราะใจมันมี 4 ห้อง กิเลสตัวไหนที่มันควบคุมทั้ง 4 ห้อง โลภะ โทสะ โมหะ อีกห้องหนึ่งทำอะไร เช่าไว้เป็นวอร์รูม กิเลส 3 ตัว มันเช่าไว้อีกห้องหนึ่ง หัวใจ เอาไว้เป็นวอร์รูมโลภะ โทสะ โมหะ 3 ตัวนี้ พระพุทธเจ้าตั้งชื่อว่า อกุศลมูล อกุศลมูล แปลว่า รากเหง้าของความชั่ว เพราะฉะนั้นถ้าจะถามหารากเหง้าของความทุกข์ ไม่ต้องหาไกลนะ เอา 3ตัวนี้ ระดับหัวหน้าพรรคเลย โลภ ปัจจุบันนี้ก็คือทุนนิยม โกรธคืออำนาจนิยม ท่านทั้งหลายนึกหน้าออกนะ อำนาจนิยม เที่ยวจัดระเบียบโลกอยู่เรื่อยเลยนะ หลง คืออะไร หลงก็คือ แนวทางการพัฒนาที่ผิดพลาดทั่วทั้งโลก เอาวัตถุนิยมเป็นตัวตั้ง วัตถุนิยมนี้ก็คือ คิดว่าความมั่งคั่ง พรั่งพร้อมทางวัตถุทั้งปวง คือเป้าหมายของการมีชีวิตที่ดี แต่เอาเข้าจริง มีวัตถุพร้อมทุกอย่างแล้วนะ มีทุกอย่างเลย ไม่อยากจะยกตัวอย่างเงิน แต่ยกตัวอย่างอย่างอื่นมันก็ไม่ชัด มีเงินมากที่สุดอย่างบิล เกตส์ มีเงินระดับล้านล้านดอลลาร์ อย่างนี้ วันดีคืนดีแกก็กินยาพาราเซตามอลเหมือนกันนะ ทำไมมีเงินขนาดนั้นยังปวดหัวอยู่ น่าคิดไหม เห็นไหม นี่หลง คือปรัชญาในการดำเนินชีวิตของคนทั้งโลกมันผิดไป
ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงบรรดามีมันเกิดขึ้นเพราะ โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นรากฐานของความชั่วในชีวิตคน และสาม การที่เราดับทุกข์ไม่ได้ ก็เพราะว่าเราเข้าหาพระพุทธศาสนาในเหลี่ยมมุมที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเราจะเริ่มดับทุกข์ เริ่มที่ไหน เราจะเริ่มที่ไหน เมื่อกี้นี้เป็นบทนำ ทีนี้จะเริ่มเข้าสู่ภาคปฏิบัติ เราจะทำอย่างไร เราต้องไปเรียนกิเลสให้ชัด ถ้าเราเรียนกิเลสไม่ชัด เราก็ไม่รู้ว่าเรากำลังรบกับใคร ใช่ไหม เรากำลังรบกับใคร คุณสนธินี่เป็นคนที่แม่นประเด็นมาก เป็นคนที่แม่นประเด็น พอ กกต. 3 คน ถูกสั่งพิพากษาว่ามีความผิด คุณสนธิไม่ได้แสดงอาการดีใจเลย เพราะอะไร คุณสนธิบอกว่า รากแก้วของปัญหายังอยู่ อาตมาชอบคนที่จับประเด็นแม่นอย่างนี้ ถ้าเราจับประเด็นแม่น เอามาใช้ในการดับทุกข์ได้ไหม ได้ ถ้าจับประเด็นไม่แม่น คุณก็เขวเองล่ะ ไปหาพระอาจารย์ ฝึกปฏิบัติกันไป ฝึกปฏิบัติกันมา ก็เหมือนที่เป็นข่าว แม่ชีที่เป็นครูสอนวิปัสสนากรรมฐาน ใช่ไหม สุดท้ายก็พากันแปลงร่างไปนอนด้วยกันที่สมุทรปราการ นี่ขนาดสอนกรรมฐานนะ ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าสอนยังไง เพราะจับประเด็นไม่ชัด ถ้าสอนกรรมฐานประเด็นมันต้องชัด ว่านำไปสู่การดับทุกข์ อันนั้นไม่ใช่แค่ไม่ดับทุกข์นะ ไปสร้างทุกข์ใหม่ขึ้นมาเลยนะ กลายเป็นตัวสร้างทุกข์เลย แล้วอาตมานี่ไม่รู้เรื่องกับเขาด้วยเลยนะ ก็ต้องไปออกทีวีแก้ต่างให้อีก เพราะเราจับประเด็นไม่ชัด
ถ้าจะดับทุกข์ต้องจับประเด็นชัดๆ ว่า เอาล่ะ ตัวที่มันก่อให้เกิดทุกข์มี 3 นะ โลภ โกรธ หลง โลภคือความอยาก โกรธก็คือความคับแค้น
ความอาฆาต พยาบาท จองเวรจองกรรม ไม่ปล่อยไม่วาง หลงก็คือความโง่นั่นเอง เราต้องจับประเด็น 3 ตัวนี้ เอาให้อยู่หมัด แล้วรู้นะว่า 3 ตัวนี้ เป็นตัวทุกข์ ถ้า 3 ตัวนี้เกิดขึ้นในชีวิต ยังจะเอาไว้ไหม ถ้ามันเป็นตัวทุกข์ ต้องขับออกนะ ต้องขับออก ถ้ามันไม่ออกก็ต้องผ่าตัดมัน ต้องผ่าตัดความทุกข์ ผ่าตัดความโลภ ผ่าตัดความโกรธ ผ่าตัดความหลงในหลวงนี่ผ่าตัดความโลภ พระองค์ท่านทำยังไง พระองค์ท่านไม่เคยใช้ชีวิตด้วยการวิ่งตามความโลภ แต่ใช้ชีวิตามเหตุผล พระองค์ท่านทำอะไรนี่ใช้เหตุผลตลอด ไม่เอาความโลภมาเป็นตัวนำในการใช้ชีวิต ในการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างล่าสุดช่างเสื้อส่วนพระองค์ก็มาแถลง ใช่ไหม หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์เขาก็ลงบทสัมภาษณ์ช่างตัดเสื้อในหลวง เสื้อตัวที่ใส่มารักษาอาการพระประชวรที่โรงพยาบาลศิริราช น่ะ เขาบอกว่าตัวนี้ตัดมาแล้ว 6 ปี สูทที่ทรงยาวนานที่สุด 12 ปี ดูสิ นี่คือพระองค์ท่านนะ ข้าราชบริพารท่านหนึ่งบอกว่า ในหลวงใช้รองเท้า คือ ฉลองพระบาทนี่ 60 ปี ยี่ห้อเดียว ไม่เคยเปลี่ยน ยี่ห้อเดียวนะ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ เล่าว่า ในหลวงทรงทำเรื่องของเบิกดินสอ ปีละ 12 แท่ง เห็นไหม แล้วเรานี่ใช้กันยังไง ปีละ 12 แท่ง แท่งละเดือนน่ะ ใช้จนกุดกันไปเลย นี่คือพระองค์ท่านนะ ไม่มีเลยที่จะใช้ชีวิตตามความโลภ สระที่วังสวนอัมพร รัฐบาลสร้างถวายอย่างดีเลยนะ หรูหรา พระองค์ท่านบอกว่าถึงมีไว้ก็ไม่ได้ใช้ มกุฎราชกุมารญี่ปุ่น ส่งปลานิลมาให้ เอาปลานิลไปเพาะในสระหลวงเลย นั่นน่ะสระหรูๆ ของพระองค์ท่าน ไม่ว่าย ให้ปลามันว่าย แล้วพอปลาว่ายแตกลูกแตกหลาน พระองค์ท่านเสวยไหม ไม่..
เอาขึ้นโต๊ะกี่ครั้งๆ พระองค์ท่านก็เอาขยับไปห่างๆ แล้วไม่ว่าด้วยนะ ไม่ตำหนิแม่ครัว วันหนึ่งก็มีคนใจกล้ากราบบังคมทูลฯ ถามว่าทำไมไม่โปรดเสวยปลานิล พระองค์ท่านก็บอกว่า รักมันเหมือนลูก เพราะว่าเลี้ยงมันมา เพราะฉะนั้นไม่เสวย แต่แตกลูกแตกหลานไปแล้วทำยังไง
เอาพันธุ์ปลานิลนั้นกระจายแจกผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไทย ทุกวันนี้มีราษฎรของพระองค์เลี้ยงปลานิลอยู่ทั่วทุกจังหวัดใช่ไหม
คตินี้สะท้อนว่า กินคนเดียว อิ่มคนเดียว แต่ถ้าแบ่งให้คนอื่นกิน อิ่มกันทั้งประเทศ