www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

เจอกันเพราะผูกพันกัน
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2011-03-22 10:12:40

เจอกันเพราะผูกพันกัน

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

แล้วก็เรื่องกฎแห่งกรรมข้อหนึ่งที่เราก็ต้องพิจารณาว่า

ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "กัมมะพันธุ" พันธุ หมายความว่า เพื่อนพ้อง พี่น้อง เรามีกรรมหรือการกระทำที่ทำให้จิตวิญญาณของเราผูกพันกัน

กัมมะพันธุ ก็หมายถึง เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม ในกรณีนี้มองจากแง่มุมของความผูกพัน เกี่ยวข้องกันระหว่างจิตวิญญาณแต่ละดวง

ดวงจิตวิญญาณของเรา ของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนๆ มวลมนุษย์ ตลอดจนสัตว์ต่างๆ ทุกชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้ เราอาจเคยเกิดมาเป็นมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เปรต ยักษ์ เทพ เทวดา ต่างๆ ทุกภพทุกชาติที่เราเกิด เราอาจจะเคยพบเจอกันมา ใช้ชีวิตร่วมกันมา เกี่ยวข้องกันในฐานะต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิเดียวกันหรือไม่ เช่น เกิดร่วมชาติศาสนาเดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน เกิดตระกูลเดียวกัน หรืออาจจะเกิดมาต่างภพ ต่างภูมิกัน แต่ได้มาอยู่ร่วมกัน เช่น คนกับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สัตว์ที่เราเห็นกันด้วยตาทั้งหมดนี้ ตั้งแต่ มด ยุง กบ เขียด แมว สุนัข วัว ควาย มนุษย์ อย่างน้อยชาติหนึ่งเคยเป็นพ่อแม่ พี่น้องกัน ในวัฏสงสารที่ยืดยาวตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เคยรักกัน เกลียดกันมาอย่างนี้จนทุกวันนี้และต่อไปอีกหลายภพหลายชาติ ตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน

ดังนั้น การที่เราได้พบเจอกับบุคคลต่างๆ นับแต่เราเกิดมาจนถึงทุกวันนี้ บางครั้งแม้เป็นการพบกันครั้งแรก ยังไม่เคยพูดจากัน เราก็เกิดความสนิทสนม เหมือนรู้จักกันมานานก็มี หรือตรงกันข้าม กับคนบางคน พบกันครั้งแรกยังไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจมาก่อน ก็กลับมีความรู้สึกไม่ถูกชะตาก็มี

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าได้เคยใช้ชีวิตมีกรรมผูกพันกันมาแต่ชาติก่อนๆ

ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า มนุษย์และสัตว์ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ไม่เคยเป็นญาติพี่น้องกันหายาก มนุษย์และสัตว์ที่เราพบเห็นในปัจจุบันทุกวันนี้ เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาแต่ชาติก่อนๆ ปัจจุบันก็เหมือนกับอยู่ในครอบครัวใหญ่ก็เป็น ๖๖ ล้านคน เรามองเห็นเป็นครอบครัวใหญ่ ๖๖ ล้านคน เป็นญาติพี่น้องกันตั้งแต่ชาติก่อนๆ และปัจจุบัน และอนาคต เมื่อเราเชื่อว่าวัฏสงสารมีจริง

ถ้าเราเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ จิตวิญญาณคนไทย ๖๖ ล้านดวงนี้ เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน

ถ้าเราเชื่อข้อนี้แล้ว เราก็ต้องคิดใหม่ว่า ต้องรู้จักให้อภัย เมื่อเราต้องการความสุข เราระลึกถึงอดีต เราเคยมีโกรธ น้อยใจ เสียใจ โกรธ อาฆาต พยาบาท กับใครบ้างไหม ถ้ามีก็ต้องรู้จักให้อภัย เป็นอภัยทาน การให้ การเสียสละ ให้อภัย

อภัยทาน ถ้าเราไม่ขี้เหนียว ถ้าเราใจกว้าง ถ้าเราเป็นผู้ยินดีในอภัยทานแล้วใจเราก็เบา คือสบายใจ เหมือนอดีตไม่มี คือสบายใจ ไม่มีอาฆาตพยาบาทกับใคร คือสบายใจ

ที่มา http://www.dhammajak.net/