www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

พระพุทธศาสนาสอนให้ยอมรับความจริง โดย พระพรหมคุณาภรณ์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2016-03-18 14:30:00

 

 

คติธรรมแห่งชีวิต (47)
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)


        คนโดยมากเบื้องแรกที่สุดพอสัมผัสกับความรู้ความเข้าใจนี้ก็จะมีความตกใจและหวาดกลัวก่อน เพราะไม่เคยคิดไม่เคยพิจารณา


        แต่ถ้าเมื่อไร เขาทำใจให้คุ้นกับความจริงนี้คือมองด้วยรู้เท่าทัน เห็นเป็นของธรรมดา จิตใจเขาจะเริ่มมีความเป็นธรรมดากับความจริงนั้นขึ้น แล้วจะรับหน้าเผชิญกับสภาพความเปลี่ยน แปลงนั้นได้อย่างดีขึ้น หรือแม้แต่คิด แม้แต่นึกถึง ก็จะมีจิตใจ ที่สบายใจได้ เพราะสิ่งนี้เป็นความจริง เป็นความสว่างที่มองเห็นด้วยปัญญา เมื่อปัญญาเห็นสว่างขึ้นจิตใจก็โปร่งโล่งแจ่มใส



         พระพุทธศาสนานั้น ท่านสอนให้เผชิญหน้ากับความจริง ให้ยอมรับความจริง
         ในที่สุดแล้วคนเราต้องอยู่กับความจริง หนีความจริงไม่พ้น



         ถ้าเราทำจิตใจของเราให้อยู่กับความจริงได้ตลอดเวลาแล้ว ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นก็จะไม่กระทบกระเทือนจิตใจของเรา แต่ถ้าเราไม่ยอมรับมัน ความจริงก็ต้องเกิดอยู่ดี และเพราะเราไม่ยอมรับมัน มันก็เลยกระทบกระเทือนตัวเรามาก ความทุกข์เกิดขึ้นมามาก


         เรียกว่าเป็นความทุกข์สองชั้น คือ ทุกข์เพราะความดับ ที่ต้องเจอะต้องเจอเป็นความจริงตามธรรมดาเมื่อถึงเวลานั้นแล้วยังทุกข์ด้วยหวาดผวาไหวหวั่นตลอดเวลา ก่อนที่ความจริงนั้นจะมาถึงอีกด้วย



          เพราะฉะนั้น ทางพระท่านจึงชี้นำให้รู้เข้าใจความจริง เมื่อรู้เข้าใจความจริงแล้ว ในที่สุดความรู้ความจริงนั้นแหละจะทำให้เรามีจิตใจที่สบาย มีจิตใจที่เบิกบานผ่องใส แม้กระทั่งตลอดเวลาเลยทีเดียว เพราะความจริงก็คือสัจจะ ท่านบอกว่าในที่สุดแล้ว ไม่มีรสอะไรเลิศกว่ารสสัจจะ ดังบาลีว่า

          สจฺจ หเว สาธุตร รสาน สัจจะแล
          เลิศรสกว่าประดารส หรือว่า ความจริงนี้แหละ เป็นรสเลิศกว่ารสทั้งหลาย


          ขอเปรียบเทียบเหมือนอย่างน้ำที่มีรสต่าง ๆ น้ำหวาน น้ำเปรี้ยว น้ำรสต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดรสดีที่สุดคือ รสอะไร คือรสน้ำบริสุทธิ์ รสน้ำที่จืดสนิทไป ๆ มา ๆ ไม่ว่ารสอะไร ก็สู้รสน้ำบริสุทธิ์ที่จืดสนิทนี้ไม่ได้

           บางครั้งเราอาจจะต้องการรสหวาน บางครั้ง ก็ต้องการรสเปรี้ยว บางครั้งก็ต้องการรสเปรี้ยวปนหวาน บางทีก็อยากได้รสเค็มบ้าง ต้องการไปต่างๆ นานา แต่ในที่สุดแล้วรสที่ดีที่สุดก็คือ รสที่จืดสนิทของน้ำที่บริสุทธิ์นั่นเอง

            อันนี้ก็เหมือนกัน ชีวิตของเราที่มีการตกแต่งไปอย่างนั้นอย่างนี้ มีการจัดสรรปรุงแต่งอะไรต่าง ๆ ก็เพื่อให้ความเป็นอยู่ของเรามีรสชาติ แล้วเราก็เพลิดเพลินไปกับการจัดสรรปรุงแต่งเหล่านี้และมีความสุขสบายไปในระดับหนึ่ง แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อไรเราเข้าถึงความจริง ความจริงนั้นแหละจะเป็นรสที่เลิศที่สุด

            เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงความจริงแล้วจะมีจิตใจที่เบิกบานสดใสด้วย ความสุขที่บริสุทธิ์ เหมือนอย่างน้ำที่มีรสจืดสนิทอย่างนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องการในที่สุดอย่างแน่นอน

           ไม่ว่าเราจะต้องการโน่นต้องการนี่ ต้องการสิ่งปรุงแต่งรสอะไรต่าง ๆ มากมายอย่างไร แต่ในที่สุดเราก็หนีไม่พ้นจากความต้องการรู้รสของความจริง ถ้าเรารีบรู้รสของความจริง ทำใจให้คุ้นกับรสของความจริงได้แต่ต้นแล้ว เราจะมีความสุขได้ตลอดเวลา จิตใจจะเบิกบาน แม้จะมีรสที่ปรุงแต่งเป็นรสแปลกต่างๆ หวาน เปรี้ยว มัน เค็ม เข้ามา ก็กลายเป็นเครื่องเสริมรสไป

           คนที่สามารถรับสัมผัสรสความบริสุทธิ์ของสัจจะ คือความจริงนี้ได้ จะทำให้จิตใจมีความสุขได้ตลอดเวลา ส่วนคนที่มัวแต่วิ่งแล่นไปหารสปรุงแต่งแสวงรสเปรี้ยวหวานมันเค็มดังที่กล่าวนั้น จะไม่รู้จักรสพื้นฐานที่แท้จริง แล้วก็จะต้องมีวันหนึ่งที่เขาจะประสบกับปัญหา คือ

          การที่ว่าในเวลาที่พบกับรสแท้จริง อันบริสุทธิ์ ที่ควรจะเป็นรสที่ดีที่สุด แต่เขากลับไม่สามารถลิ้มรส นั้นได้เพราะจิตใจไม่ได้ตั้งไว้ มัวแต่กังวลหวั่นใจสลดหดหู่ หรือไม่ก็ตื่นตระหนกจนกระทั่งไม่สามารถเข้าถึงรสนั้นได้

           เพราะฉะนั้น ในทางพระพุทธศาสนานี้ท่านจึงให้ตั้งเป็นแก่นสารแห่งชีวิตไว้ คือ

           การรู้เท่าทันความจริง ให้เข้าถึงรสแห่งสัจจะที่เป็นรสเลิศกว่ารสทั้งหลายทั้งปวง เสร็จแล้วไม่ว่าจะมีรสอะไรที่แปลกออกไป มันก็จะเป็นส่วนเสริมให้ชีวิตนี้มีความหมายเพิ่มขึ้นไปตามที่ยังประสงค์ในฐานะที่ยังเป็นปุถุชน เราจะต้องการ รสนี้รสนั้น ท่านก็ไม่ว่าอะไร แต่ขอให้รู้จักรสของความจริงนี้ ไว้ด้วยเป็นประการหนึ่ง

 

 


ทีมา : ข่าวสดออนไลน์