ตามรอย "พระไพรีพินาศ" พุทธานุภาพหนุนนำ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-08-18 00:20:54
http://board.palungjit.org/f179/
พระไพรีพินาศ เป็นพระพุทธรูปศิลาปิดทอง ศิลปะศรีวิชัย ปางประทานพร (คล้ายปางมารวิชัย เพียงแต่หงายพระหัตถ์ขวา ประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มเก๋งด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ประธานของวัดบวรนิเวศวิหาร
http://board.palungjit.org/f179/
ภาพนี้คือ องค์พระเจดีย์กะไหล่ทององค์ประธานของวัดบวรฯ ซึ่งมีเจดีย์รายอยู่โดยรอบ และมีพระไพรีพินาศเจดีย์เป็นพระเจดีย์รายอยู่ด้านทิศตะวันออก
มูลเหตุแห่งชื่อ "พระไพรีพินาศ"
ในหนังสือ ศิลปกรรมวัดบวรนิเวศวิหาร ประวัติการสร้างไม่ปรากฏแน่ชัด ทราบแต่เพียงว่ามีผู้นำมาทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ตั้งแต่ครั้งทรงผนวชและประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์ทรงเชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีอานุภาพกำจัดภัย ให้ผู้ที่คิดร้ายพ่ายแพ้พระบารมี
ดังได้กล่าวถึงเจดีย์ที่สร้างเก๋งประดิษฐานพระไพรีพินาศไว้ตอนหนึ่งว่า
“...พระเจดีย์ไพรีพินาศเป็นพระเจดีย์ศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นบรรจุพระพุทธวจนะ ประดิษฐานอยู่ในคูหาภายในเจดีย์ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ ระหว่างการซ่อมแซมพระเจดีย์ได้พบกระดาษขาว มีตราแดง ๒ ดวง มีอักษรเขียนว่า
พระสถูปเจดีย์ศิลาบัลลังก์องค์นี้จงมีนามพระไพรีพินาศเจดีย์เทอญ
อีกหน้าหนึ่งเขียนไว้ว่า
เพราะตั้งแต่ได้ทำมาคนไพรีก็วุ่นวายยับเยินไปโดยลำดับ…”
มูลเหตุแห่งการถวายพระนาม "พระไพรีพินาศ”
ก็เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า ทรงได้พระพุทธรูปองค์นี้มาในระยะเวลาติดต่อกับที่ผู้ที่จ้องทำลายพระองค์ คือกรมหลวงรักษ์รณเรศ หรือหม่อมไกรสร มีเหตุอันที่ทำให้ต้องแพ้ภัยตัวเอง
กรมหลวงรักษ์รณเรศ หรือหม่อมไกรสรหมายมั่นจะขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยเหตุนี้ จึงมีความคิดกำจัดผู้ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญด้วยวิธีการกลั่นแกล้งต่างๆ นานา
ซึ่งการกระทำของหม่อมไกรสรที่มีต่อพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ นั้น มีอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ แต่พระองค์ก็หาได้ตอบโต้ไม่ กลับทรงวางพระองค์อยู่ในอุเบกขาธรรมเสมอมา
จนกระทั่ง มีผู้นำพระพุทธรูปมาถวาย พระองค์ได้นำพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานไว้ในที่อันควร และทรงกระทำการสักการบูชาอยู่เสมอ ภายหลังจากนั้นไม่นาน หม่อมไกรสรก็มีอันต้องประสบเหตุเภทภัย เนื่องจากกระทำผิดกฎมณเฑียรบาลอย่างร้ายแรง จนถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์
พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงเห็นว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ตั้งแต่พระองค์ทรงได้พระพุทธรูปองค์นี้มา ไพรีหรือศัตรูก็พินาศย่อยยับลงไปตามลำดับ จึงทรงถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธไพรีพินาศ”
(ภาพ : รัชกาลที่ 4 ขณะดำรงพระอิสรยยศเป็น เจ้าฟ้ามกุฏฯ และทรงผนวช)
(http://board.palungjit.org/f179/)
ภายหลังเมื่อพระองค์ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ได้ทรงประกอบพระราชพิธี “ผ่องพ้นไพรี” อันเป็นพระราชพิธีที่แสดงถึงพระบารมีและบุญญาธิการของพระองค์ที่สามารถผ่านพ้นการจ้องทำลายของเหล่าศัตรูมาด้วยดี โดยมิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใด แต่เหล่าศัตรูกลับต้องพ่ายแพ้ภัยของตนเองไปในที่สุด
พุทธลักษณะ
พระไพรีพินาศเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งแบบวัชราสน์ (ขัดสมาธิเพชร) บนปัทมาสน์อันประกอบด้วยกลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงายมีเกสรบัวประดับ ทรงแสดงวรมุทรา (ปางประทานพร) โดยหงายพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางหงายเหนือพระชานุด้านขวา
(http://board.palungjit.org/f179/)
องค์พระพุทธรูปมีพระอังสากว้าง บั้นพระองค์เรียวเล็ก ครองอุตราสงค์เรียบไม่มีริ้ว ห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวาโดยมีสังฆาฏิสั้นพาดบนพระอังสาซ้าย และมีขอบพระอุตราสงค์พาดผ่านพระกรซ้าย
(http://board.palungjit.org/f179/)
พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระนลาฏค่อนข้างกว้าง พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์อมยิ้ม พระกรรณยาวจรดพระอังสา ขมวดพระเกศาเป็นก้นหอย มีเกตุมาลาขนาดใหญ่ประดับด้วยเส้นพระเกศา มีรูปเปลวไฟอยู่เบื้องบน กับทั้งมีประภามณฑลอยู่เบื้องหลัง
อาจกล่าวได้ว่าพระไพรีพินาศมีรูปแบบทางศิลปกรรมคล้ายกับพระพุทธรูปในศิลปะชวา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียแบบปาละอีกต่อหนึ่ง ลักษณะทางประติมานวิทยาคือการแสดงวรมุทราหรือประทานพรนั้น คงมีความหมายถึงพระธยานิพุทธเจ้าประจำทิศใต้ ตามคติความเชื่อในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ที่มีชื่อว่า รัตนสัมภวะ
พระมงคลสำหรับนักสะสม
ด้วยพุทธานุภาพนี้เอง รูปจำลองของพระไพรีพินาศซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นวัตถุมงคล จึงเป็นที่นิยมชมชอบของนักสะสมพระเครื่องและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
เนื่องจากเชื่อว่ามีพุทธคุณในทางปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากศัตรูผู้ที่คิดร้าย เฉกเช่นเดียวกับพระไพรีพินาศองค์ที่นำมาเป็นต้นแบบ
เชื่อกันว่า การบูชาพระไพรีพินาศจะต้องอธิษฐาน ขอให้ศัตรูเลิกคิดร้ายและห้ามแช่งคิดร้ายต่อศัตรู แต่ให้อภัยต่อกัน ไม่ว่าจะโดนกระทำอะไรห้ามโต้ตอบเป็นอันขาด
พุทธคุณจะช่วยให้ศัตรูกลับใจมาเป็นมิตร แต่หากไม่เลิกคิดร้ายกับเรา ศัตรูก็จะมีอันแพ้ภัยตัวเอง
http://thaprajan.blogspot.com/2012/05/blog-post.html
คำบูชาพระไพรีพินาศ
(เจ้าพระคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงนิพนธ์คำบูชานี้)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ สุจิรัง ปะรินิพพุโต
คุเณหิ ธะระมาโนทานิ ปาระมีหิ จะ ทิสสะติ
ยาวะชีวัง อะหัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คะโต
ปูเชมิ ระตะนัตตะยัง ธัมมัง จะรามิ โสตถินา ฯ
คำแปล
(พระมหานายก (ฉลอง ชลิตกิจโจ) แปลความหมายเป็นภาษาไทย)
สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงเสด็จดับขันธปรินิพพานมาช้านานแล้ว
แต่ก็ยังทรงปรากฏดำรงอยู่ในบัดนี้
โดยพระคุณและพระบารมีทั้งหลาย ข้าพพุทธเจ้า ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
บูชาอยู่ซึ่งพระรัตนตรัย ขอประพฤติธรรม โดยสวัสดี เทอญ ฯ
******************************
อ้างอิงเนื้อหา และภาพประกอบจาก
- ตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร
- พระเกียรติประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของ ณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม
และ ขจร สุขพานิช มหามกุฏราชวิทยาลัย 2492
- thaprajan.blogspot.com/2012/05/blog-post.html
-http://www.rungnapa-astro.com/rose-doc/pireepinat.htm
- http://board.palungjit.org/f179/%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-530267.html?langid=34
-ttps://www.facebook.com/SomdetPhrayanasamvara/photos/a.619571148067452.1073741828.619562701401630/1030918533599376/?type=1