www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

ความสุขในการทำงาน
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-05-13 10:03:22


เวลาทำงาน สิ่งสำคัญที่จะส่งผลต่อความสุข รวมทั้งความสำเร็จ คือแรงจูงใจ พระพุทธศาสนามองว่า แรงจูงใจที่สำคัญคือ “ฉันทะ” แปลง่าย ๆ ว่าความชอบหรือความรักในงาน ฉันทะทำให้อยากทำ ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า “ตัณหา” ที่แปลว่าความอยากได้

หลายคนทำงานไม่ได้เพราะอยากทำ แต่เพราะอยากได้ เช่นอยากได้เงินเดือน อยากได้ความสำเร็จ อยากได้การยอมรับ ก็เลยต้องทำงาน เพราะงานเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้ได้ทั้งเงิน ทั้งความสำเร็จ และการยอมรับ ชื่อเสียงเกียรติยศ อันนี้คือ “ตัณหา”

ความอยากอีกแบบคืออยากทำ อยากทำเพราะรักในงานนั้น อันนี้เป็นแรงจูงใจที่สำคัญ เพราะว่าถ้าเรามีความอยากแบบนี้ เราจะทำงานอย่างมีความสุข

ที่รักงานนั้นก็เพราะว่าเห็นคุณค่าของงาน เช่นเห็นว่างานนี้มีประโยชน์ งานนี้เปิดโอกาสให้ฉันได้ใช้ศักยภาพให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นโอกาสใช้ความคิดสติปัญญาสร้างสรรค์ ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ หรือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ฝึกฝนพัฒนาตน เป็นโอกาสได้ช่วยเหลือประเทศชาติ ช่วยเหลือส่วนรวม ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถ้าเห็นว่างานมีคุณค่า ฉันทะในงานก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย และทำให้เกิดความสุขเวลาทำงาน แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำงาน

มีเรื่องเล่าที่ช่วยให้เห็นชัดขึ้น คือ มีคนสามคนก่ออิฐอยู่ใกล้ๆ กัน คนแรกทำได้สักพักก็หยุด ไปสูบบุหรี่ ฆ่าเวลา จากนั้นค่อยทำงานต่อ อีกคนดูขยันกว่า แต่ทำงานไปก็ดูเวลาไป รอเวลาเลิกงาน ส่วนคนที่สามนั้นทำงานอย่างกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง เมื่อถามคนแรกว่ากำลังทำอะไร คนแรกตอบว่ากำลังก่ออิฐ คนที่สองตอบว่าผมกำลังก่อกำแพง ส่วนคนที่สามตอบมาว่า ผมกำลังสร้างวัดครับ

จากเรื่องที่เล่า เราคงนึกออกว่าในสามคนนี้ ใครที่ทำงานอย่างมีความสุข นั่นคือคนที่สาม เขามีความสุขที่สุด ทั้งๆ ที่เหนื่อยกว่า นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่างานที่เขาทำนั้นมีความหมาย คือเป็นการสร้างบุญกุศล ช่วยสืบต่อพระพุทธศาสนา เขาจึงทำงานอย่างกระตือรือร้นและมีความสุข คนที่สามทำงานอย่างมีฉันทะ เนื่องจากเห็นคุณค่าของงาน ส่วนคนแรกกับคนที่สองทำงานเพราะอยากได้ค่าจ้าง รอเงินเดือน ดังนั้นคนแรกจึงทำงานแบบขอไปที เช่นเดียวกันคนที่สอง

เรื่องเล่านี้สะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างฉันทะกับตัณหา ฉันทะทำให้ขยันขันแข็ง และที่มีฉันทะได้ก็เพราะเห็นคุณค่าของงาน ซึ่งต้องอาศัยวิสัยทัศน์ ดังนั้นหากจะมีฉันทะในงานใดก็ตามคุณต้องเห็นคุณค่าของงานนั้นก่อน ซึ่งรวมถึงมองไกลด้วย ถ้ามองแบบนี้แม้คุณทำงานอะไร ไม่ว่าจะเป็น ภารโรง คนสวน พยาบาล คุณก็จะมีความสุข เพราะเห็นว่างานที่คุณทำมีส่วนช่วยสร้างอนาคตของชาติ(ในกรณีที่ทำงานในโรงเรียน) หรือช่วยให้คนอยู่ดีมีสุขปลอดพ้นจากความเจ็บความป่วย(ในกรณีที่ทำงานในโรงพยาบาล) ถึงแม้จะเป็นคนสวน เป็นยามเฝ้าหน้าโรงเรียน คุณจะทำงานอย่างมีความสุขได้

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo