www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

แผ่เมตตา พรหมวิหาร 4 - สุขเพื่อผู้อื่น บุญกุศลและสติปัญญาต่อตัวเอง
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-04-03 12:57:30

 

 


แผ่เมตตา- ได้บุญได้กุศล โดยไม่ต้องเสียเงิน

        การแผ่เมตตาพรหมวิหาร 4 หนึ่งในหลักธรรมนำใจใกล้ตัว ที่ช่วยให้ดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐ เพื่อประโยชน์และความสุขต่อผู้อื่น โดยที่ตัวเราก็จะได้บุญกุศล และสติปัญญาเป็นการตอบแทน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุติทา อุเบกขา

         ในวันหนึ่ง เราสามารถแผ่เมตตาได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่จำเป็นว่าหลังสวดมนต์เท่านั้น เรียกว่า เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้บุญแบบไม่เสียเงิน และช่วยให้ทำให้ใจเป็นกุศลได้ แม้ต้องอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์รุนแรง หรือคนรอบข้างที่ทำให้ขุ่นใจ  
 

แผ่เมตตาแบบมีสติปัญญากำกับ

       ควรแผ่เมตตาแบบมีสติ ปัญญากำกับ มิฉะนั้นจะพลิกผันกลายเป็นราคะไปได้ ดังเช่น พระหลายรูปที่ขาดสติกำกับความเมตตา จนต้องลาสิกขาเพื่อแต่งงานดำเนินชีวิตแบบฆราวาส

      ดังคำกล่าวของพระสารีบุตรทีว่า “ข้าศึกใกล้ของ เมตตา คือ ราคะ”

 
 

ลำดับการแผ่เมตตา

บุคคลที่ควรแผ่เมตตาให้เป็นอันดับแรก 

 บุคคลที่ควรแผ่เมตตาให้ก่อนคือ ตนเอง เพื่อจะได้ถือตนเป็นพยานว่า เรารักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นสัตว์อื่นก็ฉันนั้น

ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า 
 

 “มองดูไปทั่วทิศแล้ว พิจารณาไม่เห็นใครอื่นอันจะเป็นที่รักยิ่งไปกว่าตน  คนอื่น สัตว์อื่นก็ย่อมรักตนเองมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น”
 

       เมื่อทำตนให้เป็นพยานดังนี้แล้ว การที่จะแผ่เมตตาไปยังผู้อื่นก็จะสะดวกขึ้นมาก


หลังจาก
แผ่เมตตาให้แก่ตนแล้ว ก็พึงลำดับการแผ่เมตตาไปยังบุคคลต่อไปนี้ 

        1. บุคคลอันเป็นที่รัก  2. บุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง  3. บุคคลที่ไม่รัก ไม่ชัง  4. บุคคลที่เป็นศัตรูกัน 

 


ความหมายของพรหมวิหาร
4

 พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ ได้แก่
 

 1) เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข

ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ เป็นต้น

 

 2) กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

        - ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และความตาย สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์

       - ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์


 3) มุทิตา
 ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี

        คำว่า “ดี” ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น

       ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน  หากหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตาจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง


 4) อุเบกขา
 การรู้จักวางเฉย

        หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม

        คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

 


พรหมวิหาร 4 เกื้อกูลทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น

           จะเห็นได้ว่า 3 ข้อแรก คือ เมตตา กรุณา มุทิตา เป็นการสร้าง"เหตุ"อันเป็นกุศล

            ส่วนข้อที่ 4 อุเบกขา เป็นการปล่อยวางใน"ผล"
           
เป็นการเข้าใจและวางใจไว้ตามความเป็นจริงของเหตุปัจจัยที่ส่งให้เกิดผล


เหตุที่ปล่อยวางใน “ผล” เพราะ

....ผลเกิดจากเหตุ ไม่ได้เกิดจากเรา....
....จึงปล่อยให้เหตุเขาทำหน้าที่ของเขาไป....
....เราได้สร้างเหตุอันเป็นกุศลอย่างดีที่สุดแล้ว ก็หมดเรื่องของเรา....
....ถึงเราอยากจะให้ผลเป็นอย่างไร ผลเขาก็ไม่ได้สนใจเชื่อฟังเราอยู่แล้ว....
....เราได้สร้างเหตุที่เป็นกุศลแล้ว ใจเราก็เป็นกุศลเรียบร้อยแล้ว....
....ใจเราก็ไม่ถูกกระแสของความดีใจ-เสียใจครอบงำได้....
....มันก็มีแต่ความ"พอ"อยู่ในหัวใจของเราเท่านั้นเอง....
 
 

อานิสงส์ที่ได้  - ความสุขต่อผู้อื่น บุญกุศลและสติปัญญาต่อตนเอง  


พรหมวิหาร4 จึงเป็นธรรมที่เกื้อกูลกระจายออกทั่วไปหมดเพื่อประโยชน์และความสุขต่อผู้อื่น โดยที่เราก็จะได้บุญกุศลและสติปัญญาเป็นการตอบแทน

ยิ่งถ้าเราบำเพ็ญพรหมวิหาร4 กับตัวเราเอง กล่าวคือ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง (ของเหตุและผล) ใจก็จะเบาสบายผ่องใส ก็ยิ่งได้อานิสงค์มากขึ้นไปอีก



กุศลหลายระดับตามกำลังปัญญา
 

         แม้จะเป็นกุศลจิตเมตตาเพียงเล็กน้อย  ก็ให้ผลให้อานิสงค์มากมายอย่างอัศจรรย์ทีเดียว  ยิ่งหากเป็นกุศลจิตที่เป็นเมตตาที่อบรมบ่อยๆ อย่างมีสติปัญญากำกับ จนตั้งมั่นอย่างมากถึงระดับอัปนาสมาธิ(ณาณ) จะมีกำลังจนสามารถแผ่ไปได้กับสัตว์ทุกหมู่เหล่า เพราะมีกำลังมาก   

           ซึ่งอานิสงส์ นอกจากความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐแล้ว ยังมีอานิสงส์ความสุขแก่ผู้ปฏิบัติด้านอื่น ๆ มากมาย ดังนี้

 

-- สุขัง สุปฏิ นอนหลับเป็นสุข เหมือนนอนหลับในสมาบัติ

-- ตื่นขึ้นมีความสุข ไม่มีความขุ่นมัวในใจ

-- นอนฝัน ก็ฝันเป็นมงคล

-- เป็นที่รักของมนุษย์ เทวดา พรหม และภูติผีทั้งหลาย

-- เทวดา พรหม จะรักษาให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง

-- จะไม่มีอันตรายจากเพลิง สรรพาวุธ และยาพิษ

-- จิตจะตั้งมั่นในอารมณ์สมาธิเป็นปกติ สมาธิที่ได้ไว้แล้วจะไม่เสื่อม มีแต่จะเจริญยิ่งขึ้น

-- มีดวงหน้าผุดผ่องเป็นปกติ

-- เมื่อจะตาย จะมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์

-- ถ้ามิได้บรรลุมรรคผลในชาตินี้ ผลแห่งการเจริญพรหมวิหาร 4 นี้ จะส่งผลให้ไปเกิดในพรหมโลก

-- มีอารมณ์แจ่มใส จิตใจปลอดโปร่ง ทรงสมาบัติ วิปัสสนา และทรงศีลบริสุทธิ์

-- ที่สำคัญผู้ที่สามารถปฎิบัติตามคุณธรรม 4 ประการนี้ได้ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีศีลย่อมบริสุทธิ์ ย่อมมีฌานสมาบัติเพราะอาศัยใจเยือกเย็น ปัญญาก็เกิด
 

          ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ สมองปลอดโปร่ง หน้าตาผิวพรรณผ่องใสแบบไม่ต้องทานกลูต้าไธโอน อย่าลืมยึดหลักแผ่เมตตาพรหมวิหาร 4 กันนะคะ รับรองเลยว่าเพื่อนๆจะต้องมีชีวิตที่สดชื่น แจ่มใส และมีความสุขอย่างแน่นอน  
 

 


แผ่เมตตาตนเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ             ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข

อะหัง นิททุกโข โหมิ         ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์

อะหัง อะเวโร โหมิ            ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร

อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ     ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง

สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ      ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ
                                    รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด


แผ่เมตตาพรหมวิหาร 4

บทเมตตา

สัพเพ สัตตา                   สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ                 จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ         จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ                  จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ    จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
 

บทกรุณา

สัพเพ สัตตา                      สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ       จงพ้นจากทุกข์เถิด
 

บทมุทิตา

สัพเพ สัตตา                       สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
 

บทอุเบกขา

สัพเพ สัตตา                       สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา                         เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา                     เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ                           เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ                          เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา               เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ             กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา       ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ      จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
 

 ..................................................................

 

เนื้อหา เรียบเรียงจาก : 

http://www.tlcthai.com/horo/horo-spell/7340.html
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/11/Y11332963/Y11332963.html 

Facebook ธรรมญาณเดิมแดนนิพพาน

http://larndham.org/index.php?/topic/19057-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-4/page__st__6

https://www.pakping.com/category/pray/

http://www.phrasamran.com/index.php?name=page&id=32

https://www.pakping.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-4-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%88/

http://www.dhammathai.org/webboard/dbview.php?No=1234
 

ภาพประกอบ : 
http://board.palungjit.org/f14/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-4-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD-54292.html 

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/11/Y11332963/Y11332963.html
http://horoscope.sanook.com/archive/reading/magic/page/4/
https://www.youtube.com/watch?v=Kjl2FkA2YuE 
http://www.muangthai.com/thaidata/52970/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%88-%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87.html