www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

ลอยกระทง
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2014-11-07 09:22:19

 

ลอยกระทง

เพียงแต่จะลอยกระทงธรรมดาๆนี่ไม่ได้เสียแล้ว มันต้องลอยอะไรออกไปให้ดีกว่านั้น ดูให้ดีก็จะพบว่ามันต้องลอยความทุกข์ออกไปเสียจากจิตใจ ความทุกข์นี้มาจากความดีก็ได้ มาจากความชั่วก็ได้ เพราะว่าถ้ายึดมั่นแล้วนั่นย่อมเป็นทุกข์เสมอกัน 

ดังนั้น ถ้าอย่างไรก็ควรจะลอยไอ้ความยึดมั่นถือมันนั่นแหล่ะออกไปเสีย อย่างนี้เรียกว่าลอยอุปาทานออกไปเสีย ลอยอุปาทานก็ คือ ลอยตัวกู ลอยของกู นั่นเองออกไปเสีย ยึดถือสิ่งใดไว้โดยความเป็นของกูก็ไปลอยทะเลเสีย นี่จึงจะเรียกว่าเป็นการลอยกระทงชนิดที่ลึกซึ้ง ที่มีประโยชน์ลึกซึ้ง เพราะถ้าลอยออกไปได้จริงๆ แล้ว จะทำให้บรรลุถึงนิพพาน 

ลอยกระทงเขียวๆแดงๆ อย่างนี้ อย่างมากก็จะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าลอยกระทงตัวกู ของกู ออกไปเสียได้ ก็จะได้ไปนิพพาน 

เมื่อหย่อนกระทงลงไปในน้ำก็อธิษฐานจิตว่าเอาบาปของกูไปด้วย นี่เรียกว่าลอยบาปไปเสีย มันจะได้หมดบาป แต่ว่าต้องทำด้วยจิตใจจริง ๆ คือมีสติสัมปชัญญะทำ และก็มีหิริโอตัปปะ รู้สึกละอายบาป กลัวบาป ทั้งที่ทำมาแล้ว และยังจะทำต่อไปข้างหน้า อธิษฐานจิตที่จะไม่กระทำอีก จึงมีหิริและโอตัปปะให้ยิ่งขึ้นไป อธิษฐานใจดังนี้แล้วก็หย่อนกระทงลอยลงไปในน้ำ อย่างนี้ก็จะต้องเรียกว่าลอยบาปแน่นอน ให้มันหมดบาป 

ทีนี้บางคนไม่มีบาปจะลอย ก็เพราะจนบาป ไม่รวยบาป แต่มันก็ยังมีบุญ มันรวยบุญ ก็ลองเอาบุญนี้ใส่กระทงลอยไปเสียบ้าง ว่าอย่ามาปรุงแต่งให้เวียนว่ายตายเกิดในนรก สวรรค์ พรหมโลกอะไรให้มันมากนักเลย นี่มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติเหล่านี้ มันเบื่อเต็มที่แล้ว ก็อยากจะลอยบุญ ก็เอาบุญใส่กระทงลอยไปเสีย

ทีนี้คนที่บุญก็ไม่มีจะลอย มันก็ยังเหลือแต่ตัวกู ตัวกูที่มันยังเป็นกลางๆ ที่จะไปทำบุญทำบาป มันเป็นตัวกูที่แบกไว้ หนักมานมนานแล้ว ก็จะเอาใส่กระทงลอยไปเสียบ้าง และเมื่อได้หย่อนกระทงลงไปในน้ำนั้น ก็ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะลอยตัวกู ลอยของกู อาจจะมีมานะว่า เรานี่แหล่ะเป็นตัวสำคัญ ถ้ายังมีตัวเราอยู่เพียงใด มันก็ยังหาบาป หาบุญได้อยู่เรื่อยๆไป จะต้องลอยไอ้เจ้าตัวการ หรือต้นเหตุนั้นเสีย เรียกว่าตัวกู จะเรียกว่าอหังการก็ได้ จะเรียกว่าอัตตาก็ได้ เรียกอะไรก็ได้ ก็ไม่พ้นไปจากความหมายของคำว่าตัวกู 

ตัวกูนี้มันมีไว้สำหรับยกหูชูหาง ผู้หญิงก็ทำเป็น ผู้ชายก็ทำเป็น เรื่องการยกหูชูหาง ชาวบ้านก็ทำเป็น พระเณรก็ทำเป็น ก็เห็นๆกันอยู่ทุกวัน นี้เรียกว่ามันมีตัวกูสำหรับจะยกหูชูหาง เมื่อลองได้ยกหูชูหางแล้ว มันก็จะต้องเป็นบุญ หรือเป็นบาป อย่างใดอย่างหนึ่งโดยแน่นอน ไม่เป็นบุญ ก็เป็นบาป ไม่เป็นบาป ก็เป็นบุญ 

ทีนี้ดูต่อไปว่ามันจะได้อะไรบ้างเมื่อลอยไอ้ตัวกู ของกูนี่ไปเสียแล้ว มันจะได้อะไรบ้าง ที่เห็นๆกันอยู่ง่ายก็คือว่า มันจะพ้นไปเสียจากการเกิด เมื่อไม่มีการเกิด ก็ไม่มีความแก่ ความตาย ความทุกข์ทั้งหลายแต่ประการใด 

ฉะนั้นจึงต้องระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เป็นอย่างดี นี่แหละเราจะต้องเอาความสะเพร่า ความประมาทใส่กระทงลอยไปเสีย ให้เป็นผู้ที่มีความไม่ประมาท มีสติสัมปชัญญะอยู่เป็นประจำ เมื่อมีอะไรมากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันก็ไม่เผลอ ไม่มีอวิชชาเข้ามาปรุงแต่ง แต่มีปัญญา มีวิชชาเกิดขึ้นแทน ก็เลยทำอะไรไปในทางที่ไม่เกิดตัวกู ของกู ไม่ต้องยกหูชูหาง ไม่ต้องทำอะไรที่น่าเกลียดน่าชังอย่างนั้น อย่างนี้แหละเรียกว่าลอยการเกิดแห่งตัวกู ของกูออกไปเสียได้ ทำให้ไม่มีตัวกู ของกูเกิดมาเป็นทุกข์อีก ทำอย่างนี้เรียกว่าทำให้เป็นนิพพาน 

พุทธทาสภิกขุ