www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

รักผู้อื่น
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2014-09-29 11:46:06


ความถูกต้องของการมีธรรมะมีศาสนาคือหมดความเห็นแก่ตัวและรักผู้อื่น


พวกนักแย้งหรือนักเมาปรัชญา Logic อะไร มันก็จะถามขึ้นว่า อย่างไรเรียกว่าความถูกต้อง ? จะไม่ยอมรับความถูกต้องกันง่าย ๆ เราก็จะบอกว่า ความถูกต้องในที่นี้ของธรรมะของศาสนานี้ คือมันพิสูจน์ความมีประโยชน์เห็นได้ชัด ไม่ต้องคำนวณไม่ต้องคำนึง คือมันทำลายความเห็นแก่ตัว ความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวน่ะออกไปได้ นั่นแหละคือความถูกต้องของการปฏิบัติ 

ความเห็นแก่ตัวทำให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง นี้ก็พอจะมองเห็นได้ จะไม่ต้องอธิบายก็ได้ ความเห็นแก่ตัวทำให้โลภ เมื่อไม่ได้อย่างมันเห็นแก่ตัวมันก็โกรธ แล้วมันก็หลงในความเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ความเห็นแก่ตัวทำให้โลภ ทำให้โกรธ ทำให้หลง พอหมดความเห็นแก่ตัวมันก็ไม่มีความเป็นอย่างนี้ มันพิสูจน์ความมีประโยชน์คือว่า มันรู้จัก “รักผู้อื่น”

ขอได้โปรดจำคำสามพยางค์นี้ไว้ด้วย ว่า “รักผู้อื่น”, สามพยางค์เท่านั้น; นั่นแหละคือบทพิสูจน์ของความถูกต้องของความมีศาสนา หรือมีธรรมะ. ถ้ายังไม่มีธรรมะไม่มีศาสนาตัวจริง จะไม่มีความรักผู้อื่น อาตมายืนยันว่า กี่สิบคนกี่ร้อยคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ไปค้นห้าไอ้ความรักผู้อื่นในใจของตนดู ว่ามีอยู่ที่ไหนบ้าง 

รักผู้อื่นนี้ ไม่ใช่รักลูก รักเมีย รักผัว รักเพื่อนกินเหล้า รักเพื่อนเล่นกอล์ฟ รักเพื่อนคอรัปชั่นนั้น อย่างนั้นไม่ใช่ “ผู้อื่น” ไอ้คนเหล่านั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา ส่วนหนึ่งของตัวเรา เพื่อจะหาประโยชน์ร่วมกัน ยังไม่ใช่ผู้อื่น ฉะนั้นรักผู้อื่นนั้นไม่ใช่รักบุตร ภรรยา สามี เพื่อนกินเหล้า เพื่อนเล่นหัว เพื่อนอะไรก็ตามเถอะ มันไม่ใช่ผู้อื่น มันต้องเป็นผู้อื่นโดยแท้จริง 

อย่างบทสวดที่ว่า “สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น” คือชีวิตทั้งหลายอื่นน่ะเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นน่ะ นั่นแหละคือความหมายของคำว่ารักผู้อื่น มันก็เลยรักหมดไม่ยกเว้นใคร แล้วยังจะแถมลงไปถึงสัตว์เดรัจฉานด้วย เพราะว่าสัตว์เดรัจฉานก็มีชีวิต มันก็มีการเกิดแก่เจ็บตายด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็พลอยรักลงไปถึงสัตว์เดรัจฉาน นี่เรียกว่ารักผู้อื่น เมื่อใดมีความรักผู้อื่น นั้นแหละคือสิ่งพิสูจน์ที่ชัดเจนไม่มีทางผิดได้ ว่าได้มีธรรมะตัวแท้ ศาสนาตัวแท้ อยู่ในจิตใจของบุคคลนั้นแล้ว

พุทธทาสภิกขุ