"ถ้าเรารู้จักทำใจให้เฉย เราจะไม่เหนื่อยอกเหนื่อยใจ"
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2014-07-03 10:47:35
ถ้าเรารู้จักทำใจให้เฉย เราจะไม่เหนื่อยอกเหนื่อยใจกัน ที่เหนื่อยกันก็เพราะไม่ทำใจให้เฉย ชอบไปวุ่นกับเหตุการณ์ต่างๆ ก็เลยเหนื่อย แต่ถ้าทำใจให้เฉย เหมือนดูละคร ก็จะไม่เหนื่อย ถ้าดูละครแต่ไม่ทำใจให้เฉยก็เหนื่อยได้เหมือนกัน ปัญหาของพวกเราอยู่ที่ใจไม่นิ่งกัน ใจอ่อนไหวไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ใจไปสัมผัสรับรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกาย ใจไม่นิ่งเพราะไม่มีกำลังทำให้ใจนิ่ง เหมือนม้าไม่มีบังเหียน เราจึงต้องสร้างกำลังใจกัน คุณธรรมที่ทำให้ใจมีกำลังก็คืออินทรีย์ ๕ ถ้าได้รับการพัฒนาก็จะเป็นพละ ๕ พวกเรามีอินทรีย์ ๕ ที่มีกำลังพอสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ไม่มีกำลังที่จะหยุดจิต ไม่ให้ว้าวุ่นขุ่นมัวไปกับเหตุการณ์ต่างๆ เราจึงต้องพัฒนาอินทรีย์ ๕ ให้เป็นพละ ๕ ต้องพัฒนาศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ให้มีพลังไว้ควบคุมใจให้สักแต่ว่ารู้ ไม่ให้ไปมีอารมณ์กับเหตุการณ์ต่างๆ ให้ปล่อยวาง รู้แล้วก็ปล่อยวาง ไม่ไปจุ้นจ้านกับเขา เขาจะดีจะชั่วจะสุขจะทุกข์ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องของเราก็คือให้สักแต่ว่ารู้เท่านั้น ถ้ามีพละ ๕ ก็จะทำใจได้ พละ ๕ ที่สำคัญก็คือ สติ สมาธิ ปัญญา ที่มีศรัทธาและวิริยะเป็นผู้สนับสนุนให้เจริญเติบโตขึ้นมา
ในเบื้องต้นต้องมีศรัทธา ความเชื่อในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ว่าเป็นผู้ที่ได้พิสูจน์แล้วว่า พละ ๕ นี้เป็นเครื่องมือที่จะเสริมสร้างกำลังให้แก่ใจ ให้ใจสามารถรับรู้กับเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ถ้ามีศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ก็จะมีวิริยะความอุตสาหะพากเพียร ที่จะศึกษาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ว่าท่านสอนให้ปฏิบัติอย่างไร เพื่อทำให้ใจมีพลังที่จะรับกับเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่หวั่นไหว ไม่ทุกข์ทรมานใจ เราจึงศึกษาด้วยการเข้าหาผู้รู้ หาครูบาอาจารย์ ศึกษาจากหนังสือธรรมะที่คัดมาจากพระไตรปิฎก จากหนังสือของครูบาอาจารย์ ของพระสุปฏิปันโน ที่ได้ปฏิบัติผ่านมาแล้ว ผู้รู้วิธีพัฒนาอินทรีย์ทั้ง ๕ ให้เป็นพละ ๕ ขึ้นมา พอได้ศึกษาแล้วก็จะรู้ว่าต้องพัฒนาสติสมาธิและปัญญา
สติเป็นปัจจัยหลักของการปฏิบัติ ต้องเจริญสติก่อน สติเป็นเหมือนเชือก ที่จะผูกใจดึงใจเอาไว้ ให้อยู่นิ่ง ไม่ให้ไปเพ่นพ่านตามที่ต่างๆ ใจเป็นเหมือนลิง ถ้าไม่มีเชือกผูกคอไว้แล้วโยงไว้กับเสา ลิงจะไม่อยู่เฉยๆ จะต้องไปเพ่นพ่านทั่วไปหมด เวลาจะจับลิงเข้ากรง ก็จะไม่สามารถจับได้ แต่ถ้าเราผูกมันไว้กับเสา พอถึงเวลาจับเข้ากรง ก็จะลากมันเข้าไปในกรงได้อย่างง่ายดาย นี่คือสติ ที่เป็นเหมือนเชือกที่จะดึงจิต ไม่ให้ไปเพ่นพ่านตามที่ต่างๆ เวลาจะจับจิตเข้ากรงเข้าสมาธิ ให้จิตรวมลงเป็นหนึ่ง เป็นเอกัคตารมณ์ ถ้ามีเชือกคือสติดึงจิตเข้าไปในกรง ก็จะไม่ยากเย็น ถ้าไม่มีเชือกก็จะไม่มีทางที่จะจับจิตเข้ากรงได้ เหมือนใช้มือเปล่าจับลิง ลิงมันเร็วกว่าเราหลายร้อยเท่า จิตมันเร็วกว่าเราหลายร้อยเท่า มีสติเท่านั้นที่จะปราบมันได้ ถ้าอยากจะมีสมาธิมีปัญญาก็ต้องมีสติก่อน การเจริญสติจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการเจริญสมาธิปัญญา และวิมุตติการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
กัณฑ์ที่ ๔๑๔ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ (จุลธรรมนำใจ เล่มที่ ๒๒)
"ทำใจให้เฉย"
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต