www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




ธรรมะ > บทความธรรมะ

ทุกข์เพราะเหงาและว้าเหว่ (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-10-16 15:36:05

ทุกข์เพราะเหงาและว้าเหว่
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ดิฉันเคยอยู่อุบลมีเพื่อนฝูงมาก เราไปวัดด้วยกัน ที่อุบลมีวัดให้เราไปหลายแห่ง เราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชา ขณะนี้เราย้ายมาอยู่โคราช ที่นี่เป็นบ้านเกิดของดิฉัน แต่ที่นี่ไม่มีวัดให้ไป ไม่มีเพื่อน สามีก็ไปทำงานต่างจังหวัด ลูกก็ไปเรียนหนังสือ ดิฉันเหงา ว้าเหว่ สับสนมาก คิดไม่ตก ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ ดิฉันอยากซื้อรถเบนซ์สัก 1 คัน เพื่อจะขับไปวัด หรือไม่ก็คิดอยากย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะที่นั่นดิฉันจะมีเพื่อน

ท่านอาจารย์สอนดังนี้

อาจารย์อ่านจดหมายของคุณโยมก็พอเข้าใจปัญหาแล้ว อาจารย์เห็นว่าคุณโยมควรเอาหลักธรรมะของพระพุทธเจ้ามาปรับปรุงชีวิตของตัวเอง ความจริงปัญหาสิ่งแวดล้อมของคุณโยมในปัจจุบันก็ไม่รุนแรง เป็นปัญหาธรรมดาที่เพื่อนร่วมโลกก็มีประสบการณ์อยู่ เมื่อเราระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าว่า “ปัญหาเกิดที่ไหน ก็อย่าหนี อย่าถอย ให้สู้ที่นั่น แก้ปัญหาที่นั่นก่อน โดยเอาหลักธรรมะมาต่อสู้ แก้ไขคลี่คลายปัญหา”

การย้ายบ้านหรือการซื้อรถเบนซ์ไปที่วัด อาจารย์ก็ไม่ปฏิเสธ แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเลือกทางนั้น สิ่งแวดล้อมปัจจุบันนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เราทุกข์ก็จริงอยู่ แต่ก็อย่ารีบร้อนแก้ไขปัจจัยภายนอก หมายถึงการย้ายบ้านหรือการซื้อรถ อันนั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาตรงจุด ถ้าเราเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเดี๋ยวนี้ ปัญหาส่วนน้อยก็หมดไป แต่ปัญหามากๆ อาจจะตามมาอีก ปกติก็เป็นอย่างนั้น

อาจารย์แนะนำให้อยู่ที่โคราชที่อยู่ปัจจุบันนี้ไว้ก่อน ทุกข์ที่เกิดขึ้นก็มีเหตุปัจจัย คือทุกข์เพราะไม่มีเพื่อน ไม่มีวัดจะไป อันนี้เป็นปัจจัย เหตุก็อยู่ที่ใจเรา ใจเราไม่มีกำลัง ใจร้อน อันนี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความดับทุกข์ก็มีอยู่ วิธีดับทุกข์ก็มีอยู่ เราต้องค่อยๆ ศึกษา เอาอริยสัจ 4เป็นที่พึ่งของเรา น้อมมาดูใจ ใจก็เป็นทุกข์ เหตุที่เกิดทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ความดับทุกข์ก็อยู่ที่ใจนะ ไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยภายนอก ไม่ได้อยู่ที่เพื่อน ไม่ได้อยู่ที่วัด ไม่ได้อยู่ที่บ้านใหม่ ไม่ได้อยู่ที่รถเบนซ์

ถ้าเราพิจารณาตามหลักทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทั้งหมดก็อยู่ที่ใจ การที่เราเหงา ไม่มีเพื่อน เป็นปัจจัยทำให้เราทุกข์ การย้ายบ้าน การซื้อรถเป็นการเปลี่ยนปัจจัย ไม่ใช่การแก้ตรงจุด พระพุทธองค์เน้นให้แก้เหตุแล้วทุกข์ก็ดับได้ ฉะนั้นให้ตั้งสติพิจารณาอริยสัจ 4

อาจารย์รับรองและเชื่อมั่นว่า แม้ภายในสิ่งแวดล้อมทุกอย่างในปัจจุบันเดี๋ยวนี้ ถ้าจิตเราน้อมเข้าสู่ธรรมะ ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างก็หมดไปได้ เราก็จะหาความสุขและความสงบได้ เราต้องเชื่อมั่น ต้องใช้ปัญญาพิจารณา ภาวนาเปลี่ยนจิตใจของเรา พัฒนาทำใจของเราให้ดีขึ้น อันนี้จึงจะเป็นการแก้ปัญหาตรงจุด

อดีตที่ล่วงไปแล้วไม่ต้องคำนึงถึง อนาคตที่ยังไม่มาก็ไม่ต้องห่วง พยายามปล่อยวางอดีต อนาคต เอาปัจจุบันเป็นสำคัญ ทำปัจจุบันให้ดี พยายามทำปัจจุบันเดี๋ยวนี้ให้ดี อดีต อนาคต ปล่อยวาง คิดอดีต คิดอนาคตเท่าไรก็แก้ปัญหาไม่ได้ คิดเท่าไรก็ไม่ช่วยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งคิดยิ่งทำให้ปัญหามากขึ้น เพราะฉะนั้น จึงพยายามคิดน้อยๆ อย่าคิดอดีต อนาคต พยายามตัดอดีต อนาคต ออกจากจิตใจ

สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ตั้งใจทำให้ดี ทำความรู้สึกตัวในอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน ทำอยู่กับบ้าน ทำคนเดียวนี่แหละ การไม่มีเพื่อนเป็นโอกาสที่เราจะได้ตั้งใจปฏิบัติกับตัวเอง อยู่ที่บ้านก็ปฏิบัติได้เหมือนกับไปปฏิบัติที่วัดนะ ไม่ต้องไปวัดก็ได้ การอยู่บ้านคนเดียวเราก็จะมีโอกาสปฏิบัติ ภาวนา ดูจิต ดูใจของเราได้เต็มที่

ต่อไปนี้เป็นข้อวัตรที่อาจารย์มอบให้โยมสำหรับปฏิบัติที่บ้านนะ

ข้อวัตรสำหรับคุณโยมเพื่อปฏิบัติที่บ้าน

(1) ให้สวดมนต์ทำวัตร วันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง

เช้า

- ก่อนทำอาหาร ก่อนดูแลลูก ให้ทำวัตรเช้า ครึ่งชั่วโมง
- ทำวัตรเสร็จแล้ว เดินจงกรม ครึ่งชั่วโมง
- นั่งสมาธิ ครึ่งชั่วโมง
- เมื่อเคยชินแล้วก็ขยายเวลาไปตามสะดวก

บ่ายโมง

- ทำอีกครั้งหนึ่ง

ก่อนนอน

- ทำอีกครั้งหนึ่ง ทำวันละ 3 เวลา

(2) พยายามฟังเทปเทศนาของหลวงพ่อชาฯ สัก 1 ม้วน ทุกวันๆ ละ 1 ครั้ง
อาจจะใช้เวลาก่อนไปรับลูกก็ได้ เทปฟังม้วนเดียว (ที่ชอบ) ซ้ำๆ ก็ได้
ไม่ต้องเปลี่ยนมาก แต่ให้ฟังทุกวันเป็นกิจวัตร

(3) ให้อ่านหนังสือธรรมะ อาจารย์ส่ง “พลิกนิดเดียว” มาให้ พร้อมทั้งขีดเส้นใต้มาให้ด้วย อ่านซ้ำๆ ๆ ๆ ทุกวันๆ นะ อ่านออกเสียงดังๆ ก็ได้ เขียนด้วยก็ได้ เขียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น อาจจะเปลี่ยนอารมณ์ได้ เป็นไปได้มาก แล้วคุณโยมจะมีความสุขใจมากก็ได้ ที่นี่ คนเดียวนี่แหละนะ

พยายามระวังความรู้สึกนึกคิด
เพ่งพิจารณาว่าความรู้สึก ความนึกคิดของเราไม่แน่นอน
อย่าเชื่อความคิด อย่าเชื่อความรู้สึก
มองเห็นความรู้สึกเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เป็นเรื่องที่เราปรุงเอง คิดเอง ไม่มีอะไรหรอก

เมื่อเราเห็นความรู้สึกนึกคิดเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
จิตเป็นศีล เป็นสมาธิ เกิดมีเมตตาจิตแล้ว
อยู่คนเดียวก็เกิดปีติ เกิดสุขได้
พระท่านปฏิบัติอยู่ในป่าองค์เดียว
เมื่อจิตมีเมตตาแล้ว ก็มีความสุขตลอด
เมื่อใจเรามีเมตตา เราก็ไม่เหงา
ไม่เรียกร้องความสนใจ ความรัก จากผู้อื่น
เพราะใจเรามีเมตตาแล้ว ใจเราหนักแน่นแล้ว ใจเรามีกำลังแล้ว

คุณโยมเป็นคนที่โชคดีมากที่มีโอกาสได้อยู่คนเดียว ได้ปฏิบัติ
โยมคนอื่นที่มาหาอาจารย์หลายคนมีปัญหาปฏิบัติไม่ได้
เพราะไม่มีโอกาสอยู่คนเดียว
เจริญพร ขอให้คุณโยมสบายๆ นะ

..............................................................

คัดลอกบางตอนมาจาก ::
หนังสือพลิกนิดเดียว ตอนพระอาจารย์ตอบจดหมายโยม
http://www.dhammajak.net/book/gavesako02/
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=555