การเกิดประจำเดือน (Menstruation) นั้นเริ่มต้นจากสมองส่วนไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) หลั่งฮอร์โมนโกนาโดโทรปิน รีลีสซิง (Gonadotropin releasing hormone, GnRH) ไปยังต่อมใต้สมองส่วนหน้า ซึ่งฮอร์โมนนี้จะควบคุมให้ต่อมใต้สมองส่วนหน้าหลั่งฮอร์โมนฟอลลิเคิลสติมิวเลติง (Follicle stimulating hormone, FSH) และฮอร์โมนลูทิไนซิง (Lutinizing hormone; LH) ออกมา โดย FSH และ LH จะไปกระตุ้นให้ฟอลลิเคิล (Follicle) หรือถุงไข่ที่มีอยู่จำนวนมากให้เจริญเติบโต แต่จะมีเพียงฟอลลิเคิลเดียวที่เจริญเติบโตมากกว่าฟอลลิเคิลอื่น ๆ ซึ่งภายในฟอลลิเคิลนี้จะประกอบไปด้วยไข่จำนวน 1 ใบ
ฟอลลิเคิลจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ยับยั้งการกระตุ้นฟอลลิเคิลอื่นของ FSH หลังจากนั้นฟอลลิเคิลที่เจริญเติบโตมากกว่าฟอลลิเคิลอื่น ๆ จะแตกออกและปล่อยไข่เข้าสู่ท่อนำไข่ เรียกว่า การตกไข่ (Ovulation) ส่วนชิ้นฟอลลิเคิลที่แตกออกแล้วจะกลายเป็นเนื้อเยื่อสีเหลือง เรียกว่า คอร์ปัส ลูเทียม (Corpus luteum) ซึ่งเป็นส่วนที่จะสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และเอสโตรเจน (Estrogen) ต่อไป
ฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนและเอสโตรเจนที่สร้างขึ้นโดยคอร์ปัส ลูเทียม จะทำให้ผนังมดลูกหนาขึ้น เนื่องจากต้องมีการสะสมอาหารต่าง ๆ ไว้สำหรับให้ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วหรือตัวอ่อน (Embryo) ได้ฝังตัว แต่หากไข่ที่ตกไม่ได้รับการผสมกับเชื้ออสุจิ เยื่อบุผนังมดลูกจะเกิดการหลุดลอกออกมาพร้อมกับไข่ เรียกว่า ประจำเดือน หรือ Menstruation
เลือดประจำเดือนแตกต่างจากเลือดปกติ เนื่องมาจากองค์ประกอบและสมบัติทางกายภาพ กล่าวคือ เลือดประจำเดือนเป็นเลือดที่มีสารคัดหลั่งจากช่องคลอด, เนื้อเยื่อที่ตายแล้วจากผนังมดลูก, เม็ดเลือดแดง และมิวซิน (Mucin) ซึ่งเป็นสารคัดหลั่งชนิดหนึ่งปะปนอยู่ด้วย โดยองค์ประกอบของสิ่งที่ปนอยู่ในเลือดประจำเดือนจะปรับเปลี่ยนไปตามระยะต่าง ๆ ของการเป็นประจำเดือน ส่วนปริมาณของประจำเดือนจะมีความแตกต่างกันในผู้หญิงแต่ละคน ขึ้นอยู่กับอายุ นอกจากนี้ความหนาของผนังมดลูกยังส่งผลต่อสีของประจำเดือนอีกด้วย ดังนั้น เราควรสังเกตประจำเดือนอยู่เสมอ เนื่องจากประจำเดือนสามารถบอกเกี่ยวกับสุขภาพได้
สิ่งที่ควรสังเกตเกี่ยวกับประจำเดือน คือ
1. ปริมาณเลือด โดยปกติแล้วเลือดที่ออกมาจะมีปริมาณไม่มาก แต่ถ้าท่านใดมีปริมาณเลือดออกมามากกว่าปกติ (มีการเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 2 ชั่วโมง) ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
2. ลักษณะของเลือด หากเลือดที่ออกมามีลักษณะเป็นก้อนเลือด ลิ่มเลือดสีแดงสด แดงเข้ม แดงคล้ำ อาจเกิดจากความผิดปกติเช่นกัน ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
3. ความสม่ำเสมอของรอบเดือน ประจำเดือนควรมาเป็นประจำสม่ำเสมอ และควรต้องมาทุก ๆ 21-35 วัน ไม่ควรมาเร็วกว่า 21 วันและช้ากว่า 35 วัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลาย ๆ คนคงรู้แล้วว่า เลือดประจำเดือนนั้นไม่ใช่เลือดเสีย แต่เกิดมาจากการสลายตัวของผนังมดลูกที่ไม่ได้รับการฝังตัวจากตัวอ่อน รวมถึงผนังหลอดเลือดและเลือดที่มาเลี้ยงมดลูกด้วย ซึ่งมีความแตกต่างจากเลือดทั่ว ๆ ไป อันเนื่องมาจากองค์ประกอบและคุณสมบัติทางกายภาพของประจำเดือน
บทความที่เกี่ยวข้อง