สมองส่วนความจำของคนเรานั้นสามารถพัฒนาได้ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยสูงอายุเลยทีเดียว ซึ่งวิธีพัฒนาสมองส่วนความจำสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ลงในสมุดบันทึกเป็นประจำทุกวัน วิธีนี้นอกจากจะช่วยฝึกทักษะเรื่องของภาษาในการเขียน และการลำดับเรื่องราวอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว ยังช่วยฝึกให้ลูกรู้จักการรวบรวมความคิดและฝึกการจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเจอในแต่ละวันที่ผ่านมาได้ด้วย
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจัดเตรียมปฏิทินที่มีช่องว่างของวันที่แต่ละวันไว้ให้ลูกได้ฝึกเขียนแผนการที่จะทำลงในปฎิทิน เพื่อเป็นการฝึกการช่วยจำของลูกด้วย เช่น ในคืนวันศุกร์ลูกจะเขียนแผนการที่จะต้องทำในวันเสาร์ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ลูกก็จะต้องนึกทบทวนถึงกิจกรรมที่เขาต้องทำ เป็นต้นว่าตอนเช้าต้องไปตลาดกับคุณแม่ หลังรับประทานอาหารเช้าต้องทำการบ้านที่เหลืออยู่ให้เสร็จ ตอนบ่ายช่วยคุณพ่อล้างรถ ตอนเย็นพาสุนัขไปเดินเล่น นอกจากวิธีนี้จะช่วยจัดระบบความคิดและความจำให้ลูกแล้ว ยังช่วยสร้างวินัยในการดำเนินชีวิตให้กับลูกได้เป็นอย่างดี
คุณพ่อคุณแม่ควรหากิจกรรมเกมที่ช่วยฝึกความจำให้แก่ลูก เช่น เกมครอสเวิร์ด เกมปริศนาอักษรไขว้ เกมหาคำศัพท์ เกมบิงโก เกมต่อจิ๊กซอว์ เกมเหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำของสมองเป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยให้มีสมาธิ และฝึกความอดทนในการที่จะต้องพยายามแก้ปัญหาให้สำเร็จ เพราะการที่เด็กได้ฟังเพลง ร้องเพลง และเล่นเครื่องดนตรี เด็ก ๆ จะต้องใช้ความจำในเรื่องของการจดจำทำนอง เนื้อร้องและจังหวะของแต่ละบทเพลง นอกจากนี้การเล่นเครื่องดนตรี เด็ก ๆ ต้องฝึกอ่านโน้ตดนตรี ซึ่งเป็นการฝึกในเรื่องของความจำโดยตรงอีกด้วย
ดนตรีเป็นสื่อที่นอกจากจะช่วยคลายเครียด พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการให้แก่เด็กแล้ว ยังช่วยเพิ่มทักษะในด้านความจำของเด็กที่ได้ผลดีเป็นอย่างมากอีกด้วย
การฝึกสมาธิเป็นวิธีการที่ดีมากอย่างหนึ่งในการช่วยเพิ่มพลังความจำอย่างได้ผล การทำสมาธิสำหรับเด็กเล็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องให้เขาฝึกจิตให้สงบด้วยการนั่งสมาธิเอามือประสานกันวางไว้ที่ตักแล้วท่อง ยุบหนอ พองหนอ เพราะบางครั้งวิธีนี้อาจใช้ไม่ได้สำหรับเด็กบางคนเนื่องจากเขาอาจรู้สึกอึดอัด แต่การทำสมาธิสำหรับเด็กง่าย ๆ คือหมายถึงการที่เขาได้พักสงบกับตนเอง เช่น การที่เด็กได้นอนหนุนตักคุณพ่อคุณแม่ใต้ต้นไม้อย่างเงียบสงบในเวลาประมาณ15นาที ก็เป็นการฝึกสมาธิได้แล้ว การฝึกสมาธิจะช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยเตรียมให้สมองได้เปิดรับการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ และจดจำบทเรียนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้ทานอาหารที่มีคุณค่า และช่วยเพิ่มความจำ เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งมีวิตามินบีสอง กรดโฟลิค ที่ช่วยป้องกันสมองเสื่อม นอกจากนี้ควรให้ลูกทานเนื้อสัตว์ อาหารทะเล เพราะมีธาตุเหล็กที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้ายในเรื่องของความจำได้
เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของความจำของเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะขณะที่เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายไม่ว่าจะเดิน กระโดด วิ่ง จะส่งผลในการกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ทำให้สมองพร้อมที่จะเปิดรับต่อการจดจำในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้กิจกรรมการออกกำลังตามจังหวะเพลง เช่น แอโรบิคแด๊นซ์ ยังช่วยพัฒนาความจำของเด็กผ่านในการจดจำท่าเต้น ทำนอง และจังหวะของเพลงด้วย
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกนอนอย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง และไม่ควรให้ลูกนอนเกินวันละ 9 ชั่วโมง เพราะการนอนมากทำให้ความตื่นตัวน้อยลง และทำให้ลูกเกิดความซึมเซา ซึ่งมีผลทำให้ประสิทธิภาพของความจำลดน้อยลง นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรให้ลูกนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน เพราะจะทำให้เด็กขาดสมาธิซึ่งทำให้ความสามารถในการจดจำลดน้อยถอยลงไปด้วยเช่นกัน