ตู้พระธรรมส่วนมากมักตกแต่งตามส่วนต่าง ๆ ของตู้ด้วยลวดลายไทย เป็นลายรดน้ำบนพื้นรักดำที่ทำเป็นลายกำมะลอ ลายจำหลักประดับกระจก และลายประดับมุกก็มีบ้างแต่เพียงส่วนน้อย สำหรับลายที่ใช้ตกแต่งในแต่ละส่วนของตู้ช่างก็จะเลือกใช้ลายตามประเภทหรือหน้าที่อันเป็นลักษณะเฉพาะของศิลปะลายไทย เช่น ลายหน้ากระดาน จะใช้ตกแต่งเฉพาะขอบบนและขอบล่างของตู้ ส่วนลายเชิงใช้เฉพาะเสาขอบตู้ตอนบนและตอนล่าง
ด้านหน้าและด้านข้างของตู้
ด้านหน้าซึ่งทำเป็นบานประตู ๒ บาน และด้านข้างทั้งซ้ายและขวาเป็นส่วนที่ตกแต่งลวดลายลักษณะเดียวกัน เช่น มีลายกระหนกเปลวเครือเถา ลายกระหนกใบเทศ ลายก้านขด ลายเหล่านี้ช่างมักตกแต่งให้มีนกคาบ นาคคาบ หรือออกเถาแบบต่าง ๆ เคล้าภาพสัตว์มีนก กระรอก ลิง เป็นอาทิ บางตู้ก็มีภาพประกอบทั้งภาพเล่าเรื่องและภาพลอยตัว เช่น ภาพพุทธประวัติ วรรณกรรมชาดก รามเกียรติ์ เทพทวารบาล และสัตว์หิมพานต์
ขอบตู้ด้านบนและด้านล่าง
จะใช้ลายหน้ากระดาน เช่น ลายประจำยามลูกฟัก ลายประจำยามลูกฟักก้ามปู ลายดอกซีก ดอกซ้อน ลายหมอนทอง ลายเกลียวใบเทศ ลายสังวาลเพชรพวง
เสาขอบตู้ทั้ง ๔ เสา
ระหว่างช่วงกลางเสานิยมเขียนลายก้านต่อดอก ลายรักร้อย ซึ่งมีทั้งลายรักร้อยหน้าสิงห์ ลายรักร้อยบัวร้อยและลายรักร้อยใบเทศ ส่วนตอนบนและตอนล่างของเสาขอบตู้มักเป็นลายกรวยเชิงและมีบางตู้ที่ช่วงกึ่งกลางเสาตกแต่งด้วยลายประจำยามรัดอก
เชิงตู้
ตู้พระธรรมที่มีเชิงตู้ส่วนมากจะทำเป็นรูปปากสิงห์หรือหูช้างซึ่งนิยมทำด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ กัน เช่น ลายรดน้ำประดับกระจกและจำหลักฉลุโปร่ง สำหรับลวดลายที่ใช้มีลายก้านขด ลายดอกพุดตานลายกระหนกเปลวเครือเถา นกคาบ นาคคาบ ออกเถาเทพนม ช่อเปลวหางโต
เสาขาตู้
โดยเฉพาะตู้ขาหมูนิยมตกแต่งด้วยลายกรวยเชิง ลายกาบพรหม-สิงห์ ลายครุฑจับนาค และที่เขียนเป็นภาพยักษ์แบก ลิงแบก และท้าวเวสสุวัณยืนถือตระบองก็มี ส่วนตู้เท้าสิงห์นั้นนอกจากจะจำหลักขาตู้เป็นรูปเท้าสิงห์ซึ่งมีเล็บสิงห์เรียวแหลมแล้วยังนิยมทำเท้าสิงห์นั้นเหยียบอยู่บนลูกแก้วด้วยและบางตู้ยังตกแต่งเพิ่มเติมด้วยลายต่าง ๆ เช่น ลายก้านขด และที่เขียนเป็นภาพนารายณ์ทรงครุฑยุดนาคก็มี
สำหรับตู้ฐานสิงห์นั้นส่วนใหญ่จะทำเป็นฐานจำหลักประดับกระจกส่วนที่เป็นลายหน้ากระดานมักทำเป็นลายประจำยามลูกฟักก้ามปูเรียงลำดับชั้นฐานด้วยลายบัวหลังสิงห์ ปากสิงห์ และเท้าสิงห์ ลายทั้งหมดประดับด้วยกระจกสีแดง สีเหลือง สีเขียว สีขาว และสีน้ำเงิน โดยส่วนใดที่ไม่ประดับกระจกสีก็จะลงรักปิดทองทึบ องค์ประกอบของลายจำหลักประดับกระจกแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันชาญฉลาดของช่างไทยโบราณที่ตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของตู้ ให้มีความผสมผสานกันระหว่างกระจกสีและลายทองซึ่งดูกลมกลืนงดงามได้สัดส่วนอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ขาตู้อีกประเภทหนึ่งคือ ตู้เท้าคู้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่นิยมตกแต่งลวดลายมักลงรักทึบเพียงอย่างเดียว
ตามที่ได้กล่าวในเบื้องต้นแล้วว่า ช่างนิยมตกแต่งตู้พระธรรมด้วยลายกระหนกซึ่งส่วนมากทำเป็นเถากระหนกโดยเริ่มต้นโคนเถาจากขอบล่างของตู้และพุ่งยอดเถาขึ้นสู่ขอบบนเปรียบเสมือนพันธุ์ไม้เลื้อย ถ้าลักษณะไม้มียอดอ่อนสะบัดพลิ้วแบบเปลวเพลิงต้องลมจะเรียกว่า ลายกระหนกเปลวเครือเถา ถ้าลวดลายนั้นมีลักษณะเหมือนทรงของใบฝ้ายเทศเรียกว่า ลายกระหนกใบเทศ หรือถ้าเหมือนรวงข้าวเรียกว่า ลายกระหนกรวงข้าว หากในระหว่างเถากระนกเขียนภาพสัตว์จำพวกลิง กระรอก และนก ที่เกาะหรือไต่ตามกิ่งก้านของลายกระหนกซึ่งสะท้อนภาพความเป็นไปตามธรรมชาติ ของไม้เถาไม้เลื้อยเรียกตามศัพท์ช่างว่า ลายกระหนกเครือเถาเคล้าภาพสัตว์
นอกจากนี้ยังมีภาพเคล้ากระหนกที่แสดงถึงความรู้ความสามารถของช่างไทยในการสร้างสรรค์สิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติอีกหลายลักษณะ โดยภาพเหล่านั้นช่างจะเขียนคละไปกับลวดลายถ้าเป็นภาพสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จะแสดงด้วยตัวภาพหรือรูปร่าง แต่หากเป็นภาพคนจะประกอบด้วยเครื่องแต่งกายและกิริยาท่าทางอันเป็นแบบฉบับหรือเป็นไปตามจารีตประเพณีซึ่งเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปเพราะเป็นเหมือนกิริยาท่าทางในการแสดงบทบาทและอารมณ์ของตัวละครในนาฏศิลป์ไทยที่เป็นแบบฉบับอิริยาบถดังกล่าวใช้แทนอาการเคลื่อนไหวที่ให้ความรู้สึกบ่งบอกอารมณ์ ประกอบกับองค์ประกอบอื่น ๆ ซึ่งช่างสามารถเขียนให้เห็นสภาพป่าเขา บ้านเมือง พระราชวัง ชนชั้นสูง กษัตริย์ เทวดา ชนชั้นสามัญ ภิกษุ ลิง ยักษ์ สัตว์ป่า สัตว์หิมพานต์ ทำให้ผู้ดูสามารถเข้าใจได้ทันทีว่า เป็นภาพอะไร ถ้าเป็นภาพเล่าเรื่องก็จะรู้ว่า เรื่องอะไร อยู่ในตอนใดของเรื่อง ภาพเคล้ากระหนกที่มักปรากฏอยู่ตามตู้พระธรรม ได้แก่ ภาพต่าง ๆ ดังนี้
๑. ภาพบุคคลเต็มเนื้อที่
นิยมเขียนเป็นภาพเทพารักษ์ เทพทวารบาล หรือเซี่ยวกาง ยืนบนแท่นหรือนาคบัลลังก์โดยมีลายช่อกระหนกหรือช่อดอกไม้เป็นพื้นหลัง
๒. ภาพจับ
เป็นภาพบุคคลในเรื่องรามเกียรติ์ในอิริยาบถต่าง ๆ กันด้วยท่าโลมและท่าต่อสู้โดยจับกันเป็นคู่และจับเป็นหมู่ ๓ ตน ๔ ตน หรือมากกว่านั้นก็มี เช่น ภาพพระรามกำลังรบกับทศกัณฐ์ หนุมานรบกับยักษ์หลายตนและหนุมานโลมนางสุวรรณมัจฉา
ภาพเคล้ากระหนกที่เป็นภาพเล่าเรื่องที่ตู้พระธรรมช่างมักเขียนเรื่องเหมือนกับเรื่องที่ใช้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังตามโบสถ์วิหารทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นภาพพุทธประวัติ ทศชาติ วรรณกรรมชาดก และรามเกียรติ์ การเขียนภาพเล่าเรื่องบนตู้พระธรรมมีทั้งแบบตัดทอนมาเขียนเรื่องเดียวทั้งตู้และแบบเขียนหลายเรื่องรวมอยู่ในตู้เดียวซึ่งตำแหน่งของภาพแยกสัดส่วนกันชัดเจนสามารถเข้าใจภาพได้ถูกต้อง
ภาพในท้องเรื่องที่นำมาเขียนประดับตู้มักจะเลือกตอนที่สำคัญหรือตอนที่เห็นซ้ำ ๆ กันในภาพจิตรกรรมซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปไม่จำกัดว่าจะต้องใช้ทุกตอนแล้วผูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างมีกฎเกณฑ์ในการแสดงออกของตัวภาพที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ภาพพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นประธานของเรื่อง ช่างจะสร้างให้เป็นภาพที่ผสมผสานกันระหว่างลักษณะสมจริงกับพุทธลักษณะอันเป็นอุดมคติที่ระบุไว้ในคัมภีร์พุทธลักษณะกับเน้นให้เห็นพุทธบารมีโดยช่างจะสร้างภาพให้มีกรอบประภามณฑล รอบพระวรกายหรือรอบพระเศียร หรือมีรัศมีรูปเปลวเหนือพระเศียร ส่วนตัวภาพอื่น ๆ ช่างจะทำให้มีรูปร่างลักษณะอย่างอุดมคติกึ่งสมจริงโดยที่ไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกของตัวภาพทางใบหน้า แต่สื่อความหมายแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ด้วยกิริยาท่าทาง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ก. ภาพพุทธประวัติ ปางมหาภิเนษกรมณ์
ช่างจะเขียนเป็นภาพพระราชฐานชั้นใน มีพระนางพิมพาบรรทมอยู่กับพระราหุลบนบรรจถรณ์และสาวสรรกำนัลในนอนอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ ตามพื้นพระราชฐาน ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะกำลังก้าวพระบาทออกไปทางพระทวารที่หน้าพระราชฐานมีภาพนายฉันนะยืนอยู่กับม้ากัณฐกะ เมื่อเห็นภาพนี้ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงลาพระนางพิมพากับพระราหุลแล้วกำลังเสด็จออกจากห้องบรรทมไปทรงม้ากัณฐกะซึ่งนายฉันนะเตรียมไว้รอรับเสด็จ บางทีช่างก็เขียนเป็นภาพตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่บนหลังม้ากัณฐกะมีนายฉันนะเกาะหางม้าตามเสด็จและมีเทวดาแห่ห้อมโดยเสด็จด้วย บางภาพเบื้องหน้าม้ามีพระยามารซึ่งเขียนเป็นรูปยักษ์ยืนขวางทางห้ามการเสด็จหรือบางภาพก็เขียนตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะประทับนั่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแสดงอิริยาบถในท่าตัดพระเกศามีนายฉันนะกับม้ากัณฐกะนอนฟุบอยู่ด้านข้างภาพพุทธประวัติปางนี้ บางตู้อาจเขียนตลอดทุกตอนบางตู้ก็เขียนเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งเท่านั้น
ข. ทศชาติ
เป็นคัมภีร์ชาดกว่าด้วยเรื่องอดีตชาติของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ รวม ๑๐ ชาติ โดยมีทั้งแบบที่เขียนทั้ง ๑๐ ชาติในตู้เดียว แบบที่คัดเลือกมาบางชาติและแบบที่เขียนเพียงชาติเดียวทั้งตู้ แต่ละเรื่องมักมีหลายตอนที่นำมาเขียนเป็นภาพโดยอาจเขียนภาพต่อเนื่องกันไปตามความยาวของเนื้อเรื่อง แต่หากไม่ต้องการให้เปลืองเนื้อที่มากนักก็จะตัดเรื่องยกมาเขียนภาพเป็นตอนสั้น ๆ ดังตัวอย่างชาดกแต่ละเรื่อง ดังนี้
ค. ภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์
นิยมจับเรื่องตอนยกทัพ เขียนเป็นภาพกองทัพฝ่ายเมืองหรือฝ่ายยักษ์มีทศกัณฐ์หรือยักษ์กษัตริย์ทรงราชรถเทียมราชสีห์ ๑ - ๒ ตัว แวดล้อมด้วยหมู่พลยักษ์มีท่าทางเหี้ยมหาญทะยานศึกเขม้นหมายเข่นฆ่าศัตรู อีกฝ่ายหนึ่งหันหน้าเข้าหากันเป็นกองทัพฝ่ายพลับพลาหรือฝ่ายพระราม มีพระรามทรงราชรถเทียมม้า ๑ - ๒ ตัว พระลักษมณ์ประทับอยู่หน้าราชรถ ซึ่งแวดล้อมด้วยขุนกระบี่และหมู่พลลิงในท่าทางเขม้นหมายประหารศัตรูเช่นเดียวกันและช่างมักเขียนภาพแสดงความซุกซนของลิงแฝงไว้ด้วย ในกลุ่มภาพเล่าเรื่องช่างเขียนมักสอดแทรกภาพกากหรือภาพแสดงให้เห็นความเป็นอยู่อย่างธรรมดาสามัญของคน ภาพสัตว์ทั่ว ๆ ไป และสัตว์หิมพานต์ เช่น ภาพคนขณะทำงานกำลังเล่นหัวหยอกล้อเกี้ยวพาราสีกัน ภาพคนและสัตว์ส่วนปลีกย่อยเหล่านี้ เป็นการแสดงออกอย่างอิสระของช่างซึ่งมักจะเขียนภาพด้วยอารมณ์สนุกเปิดเผยเป็นไปตามสภาพแท้จริง