ในหลวงกับการศึกษาของไทย
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 31.5K views



ชนชาติไทยเป็นชาติที่มีพระมหากษัตริย์ปกครองมายาวนานและต่อเนื่อง แม้จะมีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์บ้างก็ไม่เคยว่างกษัตริย์  และทุกพระองค์ก็ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อบ้านเมืองและประชาชนต่างๆ กันไป  ตามความจำเป็นหรือเหมาะสมกับยุคสมัยนั้นๆ  ไพร่บ้านพลเมืองเองก็มีความจงรักภักดีและเทิดทูนพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด  และเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ  เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙  แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์จะครบ ๖๐ ปี  ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙  อันจะนับได้ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกด้วย  เมื่อเทียบกับบรรดากษัตริย์ที่ทรงเป็นประมุขในปัจจุบัน  สถานีวิทยุ อสมท. จึงจะขออัญเชิญพระราชกรณียกิจนานัปการอันกอปรด้วยพระปรีชาสามารถและพระเมตตาที่ได้ทรงปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย ตลอดจนความจงรักภักดีที่ทวยราษฎรมีต่อพระองค์มาเผยแพร่เพื่อเฉลิมพระเกียรติตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลอง  ดังต่อไปนี้


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการศึกษาของไทย

การให้การศึกษา ให้ความรอบรู้แก่ประชาราษฎร   นับเป็นพระราชภารกิจหนึ่งที่พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญสืบทอดตลอดมา และแม้ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นรัชกาลที่ ๙  แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์  จะได้มีรัฐบาลเข้ามาดูแลจัดการในเรื่องการศึกษาของชาติแล้วก็ตาม  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงนิ่งเฉยต่อปัญหาที่ทรงพบระหว่างเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารในข้อที่ว่ายังมีราษฎรได้รับบริการทางการศึกษาไม่เพียงพออยู่  นอกเหนือไปจากความขาดแคลนและขัดสนในด้านอื่น ๆ เช่นการสาธารณสุข  ปัญหาที่ดินทำกิน ขาดน้ำจะบริโภคอุปโภคและทำการเกษตร ขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ เป็นต้น  นี่เองเราจึงพบว่าในบรรดาพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อการพัฒนามากหลายนั้น  ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก  เพราะถ้าประชาชนมีความรู้ ก็จะสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน   ดังพระบรมราโชวาทที่ได้พระราชทานไว้ในหลายโอกาส และหลายสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่จะได้อัญเชิญมาบางส่วนดังนี้

“ยังมีราษฎรอีกเป็นส่วนใหญ่ที่ขัดสนและพึ่งตนเองไม่ได้… ความขัดสนของราษฎรดังกล่าว เกิดเพราะเขาไม่สามารถใช้กำลังความคิด  กำลังแรง  ตลอดจนทุนรอนของเขาให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรได้   ราษฎรของเราต้องการความช่วยเหลือ  คือความช่วยเหลือที่จะทำให้เขาสามารถพึ่งตนเองได้  ยกฐานะขึ้นด้วยตนเองได้”

พระราชทานแก่นิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่เข้ารับพระราชทานปริญญา เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคมพ.ศ. ๒๕๑๐ 

ในวันที่   ๑๒  ของเดือนธันวาคม ปีเดียวกันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นักศึกษาของวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตรในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ถึงความสำคัญของการศึกษาอีก  ดังความตอนหนึ่งว่า “งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ  เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น  ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ตามข้อเท็จจริงที่ทราบกันดีแล้ว  ระยะนี้บ้านเมืองของเรามีพลเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทั้งมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้นด้วยว่าพลเมืองของเราบางส่วนเสื่อมทรามลงไปในความประพฤติและจิตใจ  ซึ่งเป็นอาการที่น่าวิตก  ถ้าหากยังคงเป็นอยู่ต่อไปเราอาจจะเอาตัวไม่รอด  ปรากฏการณ์เช่นนี้ นอกจากเหตุอื่นแล้วต้องมีเหตุมาจากการจัดการศึกษาด้วยอย่างแน่นอน….. เราต้องจัดงานด้านการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น….”    

พระบรมราโชวาทอันแสดงถึงพระราชปณิธานที่จะพัฒนาพลเมืองให้มีคุณภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการให้การศึกษานี้  นับเป็นแนวทางปฏิบัติทั้งในการให้การศึกษาและทำงานอย่างครบถ้วน  ก่อให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษา ทั้งในระบบโรงเรียนและการศึกษานอกโรงเรียน


พระมหากรุณาธิคุณต่อการศึกษาในระบบโรงเรียน

- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนจิตรลดาขึ้นสำหรับพระราชโอรสและพระราชธิดา รวมถึงบุตรข้าราชบริพารในพระราชวัง  ทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนทั่วไปได้เข้าร่วมเรียนด้วย  ถือเป็นโรงเรียนตัวอย่างในการทดลองการเรียนการสอน  โดยได้ทรงเอาพระทัยใส่ติดตามผลการเรียนการสอนด้วยพระองค์เอง

- ได้พระราชทานพระราชดำริให้ตั้งโรงเรียนขึ้นในพื้นที่ห่างไกลการคมนาคมตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้เด็ก   และเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้มีโอกาสเล่าเรียนเท่าเทียมกับเยาวชนในท้องถิ่นอื่น โดยมีแม่ทัพภาคเป็นแกนนำในการก่อสร้างในพื้นที่ทหาร  ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อวัสดุก่อสร้างและพระราชทานชื่อโรงเรียนว่า “ร่มเกล้า” โดยแห่งแรกสร้างที่บ้านหนองแคนอ. นาแก จังหวัดนครพนม เมื่อปี ๒๕๑๕ หลังจากนั้นได้ขยายไปอีกหลายจังหวัด  นอกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสร้างโรงเรียนกับกองกำกับการตำรวจตระเวณชายแดนเขต ๕  ค่ายดารารัศมีที่ได้ริเริ่มจัดตั้งเพื่อสอนหนังสือให้แก่ชาวเขาและประชาชนไว้ก่อนหน้านั้นอีกด้วย  โรงเรียนที่ตำรวจตระเวณชายแดนดำเนินการนี้จะมีชื่อแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มาของเงินก่อสร้างและความช่วยเหลือ จึงมีทั้งโรงเรียน ตชด.บำรุง,  โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์,  โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์,  โรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์,  โรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, โรงเรียนมิตรมวลชน,  โรงเรียนจุฬา-ธรรมศาสตร์ ,โรงเรียนทหารม้าอนุสรณ์เป็นต้น     
- ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้จัดตั้งและทำนุบำรุงโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาขึ้นอีกหลายโรงเรียนตามวัตถุประสงค์ต่างๆกัน  เช่น โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ สำหรับเด็กและเยาวชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย และเป็นกำพร้า กับโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนสำหรับเด็กที่ขาดแคลนเด็กที่การเรียนอ่อนไม่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาอื่น เป็นต้น                    

- ทรงรับโรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ อันหมายถึงทรงให้การช่วยเหลืออุปถัมภ์     พระราชทานพระราชทรัพย์  ทรงให้คำแนะนำ  และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ครูและนักเรียนอีกหลายโรงเรียนได้แก่  โรงเรียนราชวินิต   โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยเป็นต้น

- การพระราชทานความช่วยเหลือในทางการศึกษาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้แก่ชาวไทยนั้นมิได้มีความจำกัดอยู่ที่การศึกษาขั้นพื้นฐานคือประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเท่านั้น หากแต่ทรงมีพระปรีชาญาณที่กว้างไกลสุดประมาณ  ทรงตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องนำพาพลเมืองให้ก้าวทันวิทยาการสมัยใหม่  โดยจะต้องส่งคนไปศึกษาและดูงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว  เพื่อจะได้นำความรู้มาเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาวิทยาการต่างๆ ในประเทศ ให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมชาติอื่น  จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อตั้งกองทุนการศึกษาขึ้นหลายทุน  อาทิ ทุนอานันทมหิดล  ทุนส่งเสริมบัณฑิต   และ  ทุนเล่าเรียนหลวง  เป็นต้น  โดยแต่ละทุนนั้นก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป

- ทรงสนับสนุนการจัดทำตำราด้วยการก่อตั้งโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑  โดยมีพระราชประสงค์ที่จะให้เยาวชนมีสารานุกรมฯใช้เป็นตำราประกอบการเรียน  และบุคคลอื่นๆ ทุกวัยก็สามารถอ่านรู้เรื่องและเข้าใจได้ด้วยตัวเอง  นี่จะเป็นการช่วยเสริมให้เยาวชนไทยมีพื้นฐานเกี่ยวกับวิทยาการสาขาต่างๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์อันเป็นฐานแห่งความก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทุกคน


พระมหากรุณาธิคุณต่อการศึกษานอกระบบโรงเรียน

ความหมายที่สำคัญของการศึกษาคือกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาวิชาการและประสบการณ์แก่ผู้เรียนให้มีความรู้ ความคิด สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข  และแก้ปัญหาได้  และการศึกษามิได้เกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียน หากแต่ขยายวงกว้างออกไปสู่การจัดโครงการต่างๆ ด้วยวิธีการและจุดประสงค์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชีวิต  การศึกษาเช่นนี้เป็นของแท้ที่เกิดจากความเมตตาและห่วงใยของครูผู้มุ่งช่วยเหลือศิษย์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาหาวิธีถ่ายทอด สรรพวิทยาการที่ครอบคลุมหลายสาขาผ่านโครงการตามพระราชประสงค์ที่ได้ทรงศึกษาข้อมูลทุกด้านไว้แล้วอย่างรอบคอบ ด้วยการทรงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และสาธิตให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในปัญหา และวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องอันจะทำให้ทุกคนสามารถพึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน ดังจะได้อัญเชิญบางโครงการมาให้เห็นได้ชัดเจนดังนี้

โครงการปลูกป่า  ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความชุ่มชื้น  และความสมดุลของธรรมชาติ  การปล่อยให้ป่าไม้ถูกทำลายจะยังความเสียหายมหาศาลในภายหลัง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า  ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หาพันธุ์ไม้ยืนต้นทั้งจากในและนอกประเทศมาทดลองปลูก เพื่อหาพันธุ์ที่เหมาะสมไปปลูกทดแทนป่าที่ถูกทำลาย และเพื่อปรับปรุงแหล่งต้นน้ำ  พระราชกรณียกิจและการดำเนินกิจกรรมตามพระราชประสงค์นี้ได้ก่อให้เกิดโครงการที่มีลักษณะการดำเนินงานโดยตรง และโครงการที่มีกิจกรรมต่อเนื่องอีกหลายโครงการ  เช่น โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการ ทำลายป่าไม้ของชาวเขาและส่งเสริมการปลูกป่าทดแทน    ปลูกพืชอื่นแทนการปลูกฝิ่น    ฝึกอบรมชาวเขาให้เข้าใจหลักวิชาการเกษตรในที่สูง ส่งเสริมด้านการศึกษา อนามัย และการวางแผนครอบครัวแก่ชาวเขา ทั้งดำเนินการวิจัยทดลองพันธุ์พืชและสัตว์  รวมถึงศึกษาด้านการขนส่งและการตลาดด้วย    อีกโครงการหนึ่งได้แก่โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา “สวนสองแสน”  คำว่า “สวนสองแสน” นี้สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อที่ดินด้วยเงินสองแสนบาท  สวนสองแสนนี้มีธรรมชาติที่งดงาม อากาศเย็นสบาย  แต่สภาพดินเลวจนปลูกพืชไม่ได้ผล  จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นักวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทดลองปลูกพืชผลไม้เมืองหนาวเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒  ทั้งยังให้นักวิชาการศึกษาหาข้อมูลในการปลูกพืชเมืองหนาวเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรไทยในอนาคต  ปรากฏว่าประสบความสำเร็จด้วยดี  เช่นนี้จึงจะเห็นได้ว่าโครงการปลูกป่าและโครงการต่อเนื่องนี้เป็น   การสอนให้ประชาชนเรียนรู้การอนุรักษ์ป่าไม้ด้วยการเลิกทำลายป่าและปลูกป่าทดแทนด้วยวิธีปฏิบัติจริง 

โครงการพัฒนาที่ดิน  ปี ๒๕๐๗ เป็นปีที่เริ่มโครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ (สืบเนื่องมาจากราษฎรขาดที่ดินทำกิน และสภาพดินเพาะปลูกไม่ได้ผล)  อันเป็นโครงการที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ   นับตั้งแต่วิจัยค้นคว้าหาข้อมูลจากการทดลองปลูกพืช พัฒนาแหล่งน้ำ สร้างสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ แล้วให้เกษตกรจำนวนหนึ่งทดลองเข้าทำการเพาะปลูก  จากนั้นขยายที่ดินให้ราษฎรที่ต้องการช่วยตัวเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเข้าทำกินโดยจัดสรรที่ดินให้เพียงพอตามแผนผังและกฏเกณฑ์ที่วางไว้ แล้วจัดตั้งหมู่บ้าน ตั้งสหกรณ์การเกษตรขึ้นเพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพของตน  โดยสหกรณ์จะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นส่วนรวมเพื่อรักษาไม่ให้ที่ดินที่ได้เข้าทำกินแล้วหลุดมือไปได้  เกษตรกรผู้เป็นสมาชิกจะได้รับสิทธิทำกินในที่ดินที่ได้รับจัดสรรตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน   มีการพัฒนาหมู่บ้านด้วยการสร้างถนน สร้างสิ่งสาธารณูปโภค พัฒนาการปลูกพืช ปลูกหญ้า การบำรุงดิน   การเลี้ยงโคพันธุ์ การใช้ปุ๋ยคอกและทำปุ๋ยหมักใช้แทนปุ๋ยเคมี  พร้อมทั้งฝึกสอนวิชาชีพที่คนในครอบครัวจะได้ทำในยามว่างด้วย 

ผลของโครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์นี้ นอกจากจะทำให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินแล้ว พวกเขายังได้เรียนรู้วิธีการเพิ่มผลผลิต ได้เห็นวิธีการแก้ปัญหาการทำการเกษตรด้วยหลักวิชาที่ถูกต้อง  มีความสามารถที่จะประกอบอาชีพอย่างได้ผลด้วยตนเองสืบต่อไป  จึงนับได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ทรงวางรากฐานการจัดการศึกษานอกโรงเรียนด้านการเกษตรแบบครบวงจรให้แก่ระบบการศึกษาของไทย

ที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่างอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับโครงการตามพระราชประสงค์  โครงการตามพระราชดำริอีกนับพันโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพากเพียรค้นคว้าทดลองแล้วจึงพระราชทานเพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย    


พระร้อยรัดดวงใจไทยทั้งผอง

แม้กาลเวลาจะผ่านมาสองปีเศษ  แต่ภาพของนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวลที่ได้มีโอกาสตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทัศนศึกษาและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จากสถานที่จริง ก็ยังคงประทับตา  ประทับใจแก่ผู้ที่พบเห็นภาพนั้น  แต่ผู้ที่ประทับใจที่สุดน่าจะได้แก่ตัวของนักเรียนผู้มีโอกาสตามเสด็จฯเอง น.ส. ทิพยวรรณ ศุภกิจถาวร    นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๕ โรงเรียนวังไกลกังวล ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชนไว้ว่า “ มีโอกาสได้ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งสามครั้ง ความรู้สึกทั้งสามครั้งไม่ต่างกันเลย ยังคงตื่นเต้น  และรู้สึกตื้นตันทุกครั้ง  ตนไม่เคยนึกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ที่อยู่สูงสุด  จะทรงมาเป็นครูและรับสั่งสอนตนอย่างใกล้ชิด เป็นความประทับใจอย่างที่สุดของชีวิต  “ส้ม” มีโอกาสได้ตามเสด็จฯ ไปที่เขาเต่า ไปที่โครงการฝนหลวง และไปที่ปราณบุรี พระองค์ทรงเป็นครูที่รับสั่งสอนหลายอย่าง ในครั้งแรกที่มีโอกาสได้ตามเสด็จฯ พระองค์ท่านรับสั่งสอนเรื่องดิน ทรงใช้ศัพท์ง่ายๆ ทรงสอนพวกเราอย่างไม่ถือพระองค์เลย  นักเรียนที่ตามเสด็จฯ ก็ก้มหน้าก้มตาจดในสิ่งที่พระองค์รับสั่งสอนกันยกใหญ่ สักพักในหลวงทรงถามว่า ที่จดกันน่ะเข้าใจหรือเปล่า แล้วก็ทรงยิ้ม  พระองค์ทรงรับสั่งสอนอยู่นานหลายชั่วโมงโดยที่พระองค์ไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยเลย  น.ส.ทิพยวรรณบอกด้วยว่าการได้ตามเสด็จฯ  ทำให้ตนได้เห็นการทำงานที่ทรงเหน็ดเหนื่อยของพระองค์ ไม่ว่าจะดึกดื่น ค่ำคืน หรือพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่ถ้างานของพระองค์ท่านทรงทำอยู่ ยังไม่เสร็จ  พระองค์ท่านจะทรงทำให้เสร็จในที่สุด  พระองค์ท่านทรงไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง    ตรงนี้ตนได้นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ที่สำคัญการที่ได้มาเรียนที่โรงเรียนวังไกลกังวล ซึ่งเป็นโรงเรียนของพระองค์ท่าน  ตนจึงตั้งใจไว้แล้วว่าจะตั้งใจ เรียน และจะเป็นคนดีให้สมกับที่พระองค์พระราชทานโอกาสให้พวกเรามีโรงเรียนเรียน”         


เรียบเรียงจาก  -  หนังสือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช  กับการศึกษาของไทย  ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ  สำนักนายกรัฐมนตรี
                   -  มติชน  ๕  ธันวาคม  ๒๕๔๖


พระบรมราโชวาท

“…ความรู้นั้นสำคัญยิ่งใหญ่ เพราะเป็นปัจจัยให้เกิดความฉลาดสามารถ และความเจริญก้าวหน้า  มนุษย์จึงใฝ่ศึกษากันอย่างไม่รู้จบสิ้น แต่เมื่อพิเคราะห์ดูแล้ว  การเรียนความรู้แม้มากมายเพียงใด  บางทีก็ไม่ช่วยให้ฉลาดหรือเจริญได้เท่าไรนัก  ถ้าหากเรียนไม่ถูกถ้วน  ไม่รู้จริงแท้  การศึกษาหาความรู้จึงสำคัญตรงที่ว่า ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด “ความฉลาดรู้” คือรู้แล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษ เป็นโทษ  การศึกษาเพื่อความฉลาดรู้ มีข้อปฏิบัติที่น่าจะยึดเป็นหลักอย่างน้อยสองประการ  ประการแรกเมื่อจะศึกษาสิ่งใดเรื่องใดให้รู้จริง  ควรจะได้ศึกษาให้ตลอดครบถ้วน ทุกแง่ทุกมุม  ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะแต่เพียงบางแง่บางมุม อีกประการหนึ่งซึ่งจะต้องปฏิบัติประกอบพร้อมกันไปด้วยเสมอ  คือต้องพิจารณาศึกษาเรื่องนั้น ๆ ด้วยความคิดจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นปรกติ  และเที่ยงตรง  เป็นกลาง  ไม่ยอมให้รู้เห็นและเข้าใจตามอำนาจ   ความเหนี่ยวนำของอคติ  ไม่ว่าจะเป็นอคติฝ่ายชอบหรือฝ่ายชัง  มิฉะนั้นความรู้ที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นความรู้แท้  หากแต่เป็นความรู้ที่ถูกอำพรางไว้  หรือที่คลาดเคลื่อนวิปริตไปต่างๆ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์จริงๆ โดยปราศจากโทษไม่ได้…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๔



ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท เรื่อง  “ในหลวงของเรา” ผลิตโดย งานบริการการผลิต  ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ  ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ