ภาษาจีน ม. ปลาย ประโยคความรวมในภาษาจีน
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 68.3K views



ประโยคความรวมในภาษาจีน

复句

 

            เรื่องราวและเนื้อหาของประโยค  โดยเฉพาะหลักการเรื่องประโยคความรวมและประโยคความซ้อนนับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว   และเท่าที่สังเกตนักเรียนส่วนมากจะมีปัญหากับบทเรียนบทนี้มาก  แต่ความจริงแล้วผมอยากจะเปรียบเทียบกับอาการกลัวและพยายามหลีกเลี่ยงบทเรียนบทนี้ว่าอาการ “กระต่ายตื่นตูม” และ “ตีตนไปก่อนไข้” เสียมากกว่า   เพราะว่าความจริงแล้วบทนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย   สิ่งที่นักเรียนกลัวไม่ใช่หลักการและไวยากรณ์ของรูปประโยคเลย   หากแต่นักเรียนตื่นตูมกับคำว่า  ความซ้อน  ความรวม   อนุประโยค  คำบุพบท และ ตื่นตูมเป็นสองเท่า เมื่อหนังสือบางเล่มหยิบยกศัพท์วิชาการที่ตัวนักเรียนเองไม่คุ้นเคยมาทับถมความรู้สึกของนักเรียนอีก เช่นคำว่า  ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค)    ประโยคความรวม  (อเนกรรถประโยค)   ประโยคความซ้อน (ประโยค)   ประโยคหลัก มุขยประโยค)      ประโยคย่อย (อนุ-ประโยค)  ฯลฯ

 

            นี่ยังไม่นับชื่อของอนุประโยคอีกสามชนิดซึ่งล้วนแต่เป็นศัพท์วิชาการที่นักเรียนไม่คุ้ยเคย  และบางคนเรียกศัพท์เหล่านี้ว่าศัพท์สูง   สูงเสียจนเอื้อมไม่ถึง  และสุดท้ายหาทางออกโดยการอ้างว่ารับไม่ได้  จากนั้นก็หันหลังให้กับบทเรียนบทนี้ไปตลอดกาล   ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายครับ  เพราะความจริงแล้วบทนี้หากเราตัดเอานามเฉพาะที่ฟังดูเลิศหรูอลังการเหล่านั้นออก   แล้วอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ  สบายๆ  บทนี้ก็ไม่ได้ยากไปกว่าบทอื่นเลย   และเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์ต่อการตรวจคำตอบข้อสอบอย่างยิ่ง  เพราะหากเรารู้ว่ารูปประโยคไหนต้องตามด้วยประโยคย่อยใด  เราก็จะเห็นคำตอบที่ถูกต้องอยู่ลางๆ แล้ว  อย่างน้อย ๆ เราจะสามารถเดาคำตอบได้ถูกถึง 80%   ยกตัวอย่างเช่นข้อนี้

 

            (ข้อสอบเดือนกันยายน ปี2545)

            13.不但文化高的读者喜爱这件作品,________文化较低的读者也十分喜爱它们。

 

            1.而已                       2. 而且

            3.反而                       4. 況且

            เฉลย   ข้อนี้คนออกข้อสอบจงใจออกข้อสอบให้ยาว  เพื่อว่านักเรียนที่ยังมองไม่ออกว่าเขากำลังวัดความ

            รู้เรื่องรูปประโยคจะทำโจทย์โดยการแปลทีละคำ  ซึ่งก็ต้องเสียเวลาอย่างมาก  แต่สำหรับนักเรียนที่แม่นรูปประโยคก็จะมองเห็นรูปประโยคที่ถูกใบ้ไว้ในโจทย์ทันที  นั้นคือ

          

不但 ......  ,而且 ... 也 ...... 。 ไม่เพียงแต่....    แถม...ก็......

             

            เมื่อเป็นเช่นนี้  คำตอบของข้อนี้ก็ชัดเจนขึ้นมาทันที  นั่นคือ ข้อ 2    ส่วนเนื้อหาของโจทย์พูดถึงอะไรกันแน่  ก็ค่อยตรวจคำตอบอีกครั้งหนึ่ง   หรือนักเรียนคนใดที่อ่านไม่ออกจริงๆก็ไม่เป็นไร  อย่างน้อยๆเราก็พอจะเดาคำตอบของโจทย์ข้อนี้ได้แล้ว  และเป็นการเดาที่มีหลักการและเหตุผลเสียด้วย   จริงไหมครับ?

 

            ที่สำคัญ  วิธีทำโจทย์โดยการตรวจคำเชื่อมของรูปประโยคหน้าและหลังนั้นใช้ได้เสมอกับโจทย์ประเภทถามความรู้เกี่ยวกับประโยคความรวม   ยกตัวอย่างอีกข้อหนึ่ง

 

            (ข้อสอบ เดือนตุลาคม ปี2547)

            47.    1.又使我发现了很多新鲜事

                        2.其中最难忘的经历就是坐长途汽车

                        3.它们都给我留下了很深的印象 

                        4.在中国旅行既给我很多美丽的回忆

                       

                        1.4  1  3  2                            2.4  3  2  1

                        3.2  1  4  3                            4.2  3  4  1

 

             เฉลย   ข้อนี้คนออกข้อสอบจงใจแบ่งตัวเลือกออกเป็น 2 กลุ่ม  คือ กลุ่มที่ขึ้นต้นด้วยเลข 2 (ตัวเลือกที่3 และ 4)  กับกลุ่มที่ขึ้นต้นด้วยเลข 4 (ตัวเลือกที่1 และ 2)   ให้สังเกต ประโยคที่ 2 ในโจทย์  其中最难忘的经历就是坐长途汽车;คำว่า其中 แปลว่า  หนึ่งในนั้น...  ซึ่งปกติแล้ว คำนี้ต้องใช้ในประโยคหลังของประโยคความรวม  เช่น  ทุกคนวนเป็นคนจีน  หนึ่งในนั้นเป็นชาวแต้จิ๋ว   นั่นหมายความว่า  รูปประโยคที่ควรจะเป็นคือ

 

                             ล้วนแต่......       และหนึ่งในนั้น......

                             ...都......  ,其中......

 

            หมายความว่า  3 ต้องตามด้วย 2  ; ประการต่อมา   เราจะพบโครงสร้าง  既......,又...... (ไม่เพียงแต่......   แถมยัง...... ) ในประโยคที่ 4  และตามด้วย 1   เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็สรุปได้ว่า   4  1  และ  3  2   ซึ่งตัวเลือกมีแค่ข้อเดียวที่ตรงตามข้อสังเกตนี้  คือ  ข้อ 1  นั่นเอง   ตอบ  ข้อ1  ( 4 1 3 2 )

 

            เมื่อเราได้คำตอบของข้อนี้แล้ว  ผมอยากจะย้อนถามนักเรียนว่า   โจทย์ข้อนี้เนื้อหาพูดถึงอะไร?  ... นักเรียนหลายคนถึงกับต้องอุทานด้วยความประหลาดใจว่า “นั่นนะซิ   เรายังไม่รู้เลยว่าข้อนี้กล่าวถึงอะไร   แต่เราได้คำตอบที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว”  นี่แหละผมถึงบอกว่าข้อสอบข้อนี้เขาไม่ได้วัดความรู้เรื่องคำศัพท์และการแปล  แต่เขากำลังวัดความเข้าใจเกี่ยวกับไวยากรณ์ของรูปประโยคต่างหาก   คนที่ทำโจทย์ข้อนี้ได้มีสองประเภทครับ  คือ  1.คนที่อ่านคำศัพท์และแปลได้ทั้งหมด (นั่นหมายความว่าต้องเสียเวลาแปลพอสมควร)  2.คนที่เข้าใจรูปประโยคทั้งสองแบบที่ซ่อนไว้ในโจทย์    คนประเภทหลังคือคนที่ทำโจทย์ข้อนี้ได้ถูกต้องและรวดเร็ว (ไม่เสียเวลาแปล) แต่แน่นอน  ผมไม่ได้สนับสนุนให้นักเรียนทำข้อสอบโดยการเอาแต่ตรวจไวยากรณ์เพียงอย่างเดียว  เพราะคนที่ได้เปรียบที่สุดในการทำข้อสอบคือ  นักเรียนที่เก่งทั้งไวยากรณ์และการแปลคำศัพท์ต่างหาก       คนที่เก่งเพียงไวยากรณ์หรือการแปลอย่างใดอย่างหนึ่งย่อมมีจุดอ่อน

 

            แนะนำเคล็ดลับการทำข้อสอบมาพอสมควรแล้ว   นักเรียนคงจะเกิดความมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้ว  และเลิกกลัวบทเรียนเรื่องประโยคความรวม เสียที   เพื่อประสิทธิภาพในการเรียนบทนี้  ผมจะอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ  และสั้นๆ  เหมือนอาหารที่อร่อยพอดีคำ 

 

            ประโยคความรวม หมายถึง  ประโยคที่มีจุดประสงค์ในการสื่อความหมาย 2 ประเด็นขึ้นไป  ซึ่งเกี่ยวข้องกันโดยอาศัยคำเชื่อม  เช่น  

                        เพราะผมไม่สบาย  ดังนั้นจึงไม่ไปทำงาน

                        ไม่ว่า ฝนจะตกหรือฟ้าจะร้อง   ผมก็ไม่กลัว

 

ประโยคความรวมแบ่งเป็น 2 ประเภท  คือ 

 

            1. ประโยคความรวมที่ประโยคหน้าและหลังน้ำหนักเท่าเทียมกัน  

            2. ประโยคความรวมที่ประโยคหน้าและหลังไม่เท่าเทียมกัน (แบ่งเป็นประโยคหลัก และ ประโยครอง)

 

****************************

 

1. ประโยคความรวมที่ประโยคหน้าและหลังน้ำหนักเท่าเทียมกัน  

  1.1  ประโยคหน้าและหลังกล่าวถึงความซ้ำซ้อน  เช่น   รูปประโยคดังต่อไปนี้

            ......,也......    /  ......,又......   

这里环境很好 ,交通很方便。

(ต. 這裏環境很好,交通也很方便。)

Zhè lǐ huán jìng hěn hǎo ,jiāo tōng yě hěn fāng biàn。

ที่แห่งนี้สิ่งแวดล้อมดีมาก  การคมนาคม ก็ สะดวก

 

这个商店很大 ,很齐全。

(ต. 這個商店很大 ,又很齊全。)

Zhè gè shāng diàn hěn dà ,yòu hěn qí quán 。

ร้านค้าแห่งนี้ใหญ่มาก   และ(สินค้า)ครบถ้วนมาก ๆ

 

            又......,又......  /  一面......,一面......

这孩子样子可爱 ,学习好。

(ต. 這孩子樣子 又 可愛,學習 又 好。)

Zhè hái zi yàng zi yòu kě ài ,xué xí yòu hǎo。

เด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก   เรียนเก่ง

 

一面 叫车 ,一面检查行李。

(ต. 他 一面 叫車,一面 檢查行李。)

Tā yī miàn jiào chē ,yī miàn jiǎn chá  xíng lǐ。

เขาเรียกรถไปพลาง  ตรวจสัมภาระไปพลาง  (ทำสองอย่างพร้อมกัน)

 

             既......,又......

         夏天的西瓜很大 ,很甜。

         Xià tiān de xī guā jì hěn dà ,yòu hěn tián。

         แตงโมในฤดูร้อน ทั้ลูกใหญ่  แถมยังหวานอีกต่างหาก

 

             不是……,而是……

不是警察,而是保安人员。

Nǎ bú shì jǐng chá,ér shì bǎo ān rén yuán。

นั่นไม่ใช่ตำรวจ   แต่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างหาก

 

  1.2   ประโยคหน้าและหลังเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน   เช่น รูปประโยคดังต่อไปนี้

             ......,就......

我做好菜 ,马上来叫你。

(ต. 我做好菜 ,就馬上來叫你。)

Wǒ zuò hǎo cài ,jiù mǎ shàng lái jiào nǐ。

พอผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว  ก็จะมาเรียกคุณทันที

 

     .... 后,才......

我们吃好饭 到那边去。

(ต. 我們吃好飯 後 ,才到那邊去。)

Wǒ men chī hǎo fàn  hòu ,cái dào nǎ biān qù。

หลังจากที่พวกเราทานข้าวเสร็จ  เรา ถึงจะ ไปทางโน้น

 

      先......,然后......

我们歇一会儿 ,然后再去找酒店。

(ต. 我們先歇一會兒 ,然後再去找酒店。)

Wǒ men xiān xiē  yī huì ér ,rán hòu zài qù zhǎo jiǔ diàn 。

เราพักสักครู่ก่อน  จากนั้ค่อยไปหาโรงแรม

*酒店/饭店ในภาษาพูดมักเอามาใช้แทนคำว่า旅店/宾馆 ซึ่งแปลว่า โรงแรม ได้

 

      一......就......

知道是假的。

Wǒ yī kàn  jiù  zhī dào shì jiǎ  de。  

ผมมองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นของปลอม

 

      ......,于是......

当时妈妈不在家,于是我没有进去。

(ต.  當時媽媽不在家 ,於是我沒有進去。)

Dāng shí mā mā bù zài jiā,yú shì wǒ méi yǒu jìn qù。

จังหวะนั้นคุณแม่ไม่อยู่บ้าน  ผมก็เลยไม่ได้เข้าไป  

 

1.3  ประโยคความรวมที่ประโยคหน้าและหลังแสดงทางเลือกที่ต่างกัน  เช่น

           或者……,或者…… /  要不……,要不…… (ไม่ก็...หรือไม่ก็...)

         或者我出钱,或者你出钱。

         (ต.  或者我出錢 ,或者你出錢。)   

         Huò zhě wǒ chū qián,huò zhě nǐ chū qián。

         ไม่ผมเป็นคนจ่าย  หรือไม่ก็นายเป็นคนจ่าย

         *แปลได้ว่า หากผมไม่เป็นคนจ่าย นายก็เป็นคนจ่าย

 

         要不你就来,要不你就回家,别拖拖拉拉的。

         Yào bù nǐ jiù lái,yào bù nǐ jiù huí jiā,bié tuō tuō lā lā de。

         ไม่คุณก็มา  ไม่คุณก็กลับบ้าน  อย่าโอ้เอ้

         *แปลได้ว่า ถ้าคุณไม่มา คุณก็กลับบ้าน อย่าโอ้เอ้

 

         ​  是……还是…… (เป็น...หรือจะเป็น...กันแน่?)

你究竟来看朋友,还是来谈生意?

(ต.  你究竟是來看朋友,還是來談生意?)

Nǐ jiù jìng shì lái kàn péng yǒu,hái shì lái tán shēng yì?

คุณมาเยี่ยมเพื่อน หรือคุยธุรกิจกันแน?

 

         ​  不是……,就是…… (ไม่ใช่...ก็ต้องเป็น...)

         新政府不是搞宣传,就是搞慈善,没完没了。

         (ต. 新政府不是搞宣傳 ,就是搞慈善,沒完沒了。)

         Xīn zhèng fǔ bú shì gǎo xuān chuán,jiù shì gǎo cí shàn ,méi wán méi le。

         รัฐบาลชุดใหม่ไม่ทำประชาสัมพันธ์ ก็ทำงานกุศล ไม่รู้จักจบสิ้นเสียที   

         (* ผู้พูดรู้สึกเบื่อหน่ายกับทางเลือกที่มีอยู่เพียงสองอย่างของรัฐบาล)

 

           与其……,不如…… (หากต้อง...  สู้...ยังดีเสียกว่า)

         与其说闲话,不如复习功课。

(ต.  與其說閑話,不如復習功課。)

Yǔ qí shuō xián huà ,bù rú fù xí gōng kè。

หากต้องมาคุยนินทาไร้สาระ  สู้ทบทวนการบ้านยังดีกว่า

(* ใช้เมื่อไม่พอใจทางเลือกแรก  แต่พอใจทางเลือกที่สองมากกว่า)

 

           宁可……,也不 / 决不……。(ยอม...เสียยังดีว่า  ไม่ยอม...เด็ดขาด)

         宁可再等三年,也不接受你的条件。

(ต.  寧可再等三年,也不 接受你的條件。)

Nìngkě zài děng sān nián,yě bù jiē shòu nǐ de tiáo jiàn。

ยอมรออีกสามปีดีกว่า  ก็ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณอยู่ดี

*แปลได้ว่า ยอมรออีกสามปี ดีกว่ารับข้อเสนอของคุณ

 

宁可亏本,决不卖假货。

(ต.  寧可虧本,決不 賣假貨。)

Níng kě kuī běn,jué bù  mài jiǎ huò。

ยอมขาดทุนยังดีกว่า  ไม่ยอมขายของปลอมเด็ดขาด

*แปลได้ว่า ยอมขาดทุน แต่ไม่ยอมขายของปลอมเด็ดขาด

 

1.4  ประโยคที่มีการเพิ่ม / ลดระดับน้ำหนัก

 

           不但……,而且……。 (ไม่เพียงแต่......แถมยัง.......)

         妈妈不但爱吃水果,而且还喜欢用水果做菜。

         (ต. 媽媽不但愛吃水果,而且還喜歡用水果做菜。)

         mā mā bú dàn ài chī shuǐ guǒ,ér qiě huán xǐ huān yòng shuǐ guǒ zuò cài。

         คุณแม่ไม่เพียงแต่ชอบทานผลไม้   แถมยังชอบใช้ผลไม้ทำกับข้าวอีกด้วย

 

           不但不……,反而 /  连……。(ไม่เพียงแต่......แถมยัง /  แม้แต่......)

不但不道歉,反而还指责他人。

(ต. 他不但不道歉,反而還指責他人。)

Tā bú dàn bù dào qiàn ,fǎn érhái zhǐ zé  tā rén。

เขาไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับผิด  กลับยังจะต่อว่าคนอื่นอีกต่างหาก

 

姐姐不但记不得朋友,亲弟弟都记不得了。

(ต.  姐姐不但記不得朋友,連親弟弟都記不得了。)

Jiě jiě bú dàn jì bù de péng yǒu,lián qīn dì dì dōu jì bù de le。

พี่สาวไม่เพียงแต่จำเพื่อนไม่ได้  แม้แต่น้องชายตัวเองก็จำไม่ได้ซะแล้ว

 

           不仅……,还 / 连……。(ไม่ใช่แค่......  ยัง / แม้แต่......)

不仅不道歉,而且想指责他人。                                                  

(ต. 他不僅不道歉,而且還想指責他人。)

Tā bù jǐn bù dào qiàn,ér qiě hái xiǎng zhǐ zé tā rén。      

เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมรับผิด   แถมยังคิดจะประณามผู้อื่น

 

姐姐不仅记不得朋友,亲弟弟都记不得了。

(ต.  姐姐不僅記不得朋友,連親弟弟都記不得了。)

Jiě jiě bù jǐn jì bù de péng yǒu,lián qīn dì dì dōu jì bù de le。

พี่สาวไม่ใช่แค่จำเพื่อนไม่ได้  แม้แต่น้องชายตัวเองก็จำไม่ได้ซะแล้ว

 

           除了……,还……。(นอกจาก......  ยัง......)

除了不道歉,而且想指责他人。

(ต.  他除了不道歉,而且還想指責他人。)

Tā chú le bù dào qiàn,ér qiě hái xiǎng zhǐ zé tā rén。

เขานอกจากจะไม่ยอมรับผิดแล้ว  ยังคิดจะประณามผู้อื่น

 

           ……,甚至……。  (......  ถึงขนาด......)

他吃了自己的午饭,甚至吃了朋友的午饭。

(ต.  他吃了自己的午飯,甚至吃了朋友的午飯。)

Tā chī le zì jǐ de wǔ fàn,shèn zhì chī le péng yǒu de wǔ fàn。

เขากินอาหารกลางวันของตน   และถึงขนาดกินอาหารกลางวันของเพื่อนด้วย

 

有的人为了财富不顾亲友,有时甚至出卖亲兄弟。

(ต.  有的人為了財富不顧親友,有時甚至出賣親兄弟。)

Yǒu de rén wéi le cái fù bù gù qīn yǒu,yǒu shí shèn zhì chū mài qīn xiōng dì。

คนบางคนเพื่อความร่ำรวยแล้วไม่สนใจญาติมิตร  บางทีถึงขนาดขาย (หักหลัง) พี่น้องแท้ๆ

 

           连…都…,何况……。  (แม้แต่...ก็ยัง...     แล้วนับประสาอะไรกับ......)

两三个大人拉不动,何况一个小孩子?

(ต.  連兩三個大人都拉不動,何況一個小孩子?)

Lián liǎng sān gè dà rén dōu lā bù dòng,hé kuàng yī gè xiǎo hái zi?

แม้แต่ผู้ใหญ่สองสามคน ยังดึงไม่ขยับเลยแลวนับประสาอะไรกับเด็กแค่คนเดียว?

 

2. ประโยคความรวมที่มีประโยคหน้าและหลังน้ำหนัก่างกัน (ความสัมพันธ์แบบประโยคหลักและประโยครอง)

2.1  ประโยคเหตุและประโยคผล

           因为……,所以……。(เนื่องจาก......เพราะฉะนั้น......)

因为我们没有买票,所以不能入场。

(ต.  因為我們沒有買票,所以不能入場。)

Yīn wéi wǒ men méi yǒu mǎi piào,suǒ yǐ bù néng rù cháng。

เนื่องจากพวกเราไม่ได้ซื้อตั๋ว  ฉะนั้จึงเข้าไปในงานไม่ได้

 

           由于……,因此……。(เหตุเพราะ......ด้วยเหตุนี้จึง......)

由于当时没有商量好,因此今天的工作很不顺利。

(ต.  由於當時沒有商量好,因此今天的工作很不順利。)

Yóu yú dāng shí méi yǒu shāng liàng hǎo,yīn cǐ jīn tiān de gōng zuò hěn bù shùn lì。

เหตุเพราะขณะนั้นไม่ได้ตกลงกันให้เรียบร้อย  ด้วยเหตุนี้การทำงานของวันนี้จึงไม่ราบรื่น

 

           之所以……,是因为……。 (เหตุที่ว่า......ก็เพราะ......นั่นเอง)

之所以这次失败了,是因为没做好准备工作。

(ต.  之所以這次失敗了,是因為沒做好准備工作。)

Zhī suǒ yǐ zhè cì shī bài le,shì yīn wéi méi zuò hǎo zhǔn bèi gōng zuò。

เหตุที่ครั้งนี้พ่ายแพ้  ก็เพราะว่การทำงานไม่มีความพร้อมเพรียงกัน

 

  既然……,就 / 那么……。 (ในเมื่อ......  ก็ / ถ้าอย่างนั้น......)

既然大家都到了,那么出发吧!

(ต.  既然大家都到了,那麽出發吧!)

Jì rán dà jiā dōu dào le,nǎ mo chū fā ba!

ในเมื่ทุกคนมากันหมดแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็ ออกเดินทางกันเลย

 

2.2   ประโยคแสดงเงื่อนไข

           只有……,才能……。(มีเพียง...... ถึงจะสามารถ......)

只有坚决的意志,才能克服困难。

(ต.  只有堅決的意志,才能克服困難。)

Zhī yǒu jiān jué de yì zhì,cái néng kè fú  kùn nán 。

มีเพียงจิตใจที่มุ่งมั่น  ถึงจะสามารถสยบอุปสรรคลงได้

 

           只要……,就……。(ขอเพียง...... ก็จะ......)

只要你能满足我的要求,我帮你跑一趟。

(ต.  只要你能滿足我的要求,我就幫你跑一趟。)

Zhī yào nǐ néng mǎn zú wǒ de yào qiú,wǒ jiù bāng nǐ pǎo yī tàng 。

ขอเพียงคุณสามารถสนองความต้องการของผม  ผมก็จะช่วยวิ่งเต้นให้คุณ  

 

           无论……也 / 都……。(ไม่ว่า...... ก็ / ล้วนแต่......)

无论你是不是好人,我不信你。

(ต.  無論你是不是好人,我都不信你。)

Wú lùn nǐ shì bú shì hǎo rén,wǒ dōu bù xìn nǐ。

ไม่ว่คุณจะเป็นคนดีหรือไม่ดี   ผมก็ไม่เชื่อคุณอยู่ดี 

 

2.3   ประโยคสมมติ

           如果 / 要是……就……。หากว่า...... ก็......

如果你答应我,我跟你走。

(ต.  如果你答應我,我就跟你走。)

Rú guǒ nǐ dá yìng wǒ,wǒ jiù gēn nǐ zǒu。

หาก คุณรับปากผม  ผม ก็จะ ไปกับคุณ

 

           假如……,那么……。  (สมมติว่า...... ถ้าอย่างนั้นแล้ว......)

假如他真的不来了,那么我们怎么办?

 (ต.  假如他真的不来了,那麽我們怎麽辦?)

Jiǎ rú tā zhēn de bù lái le,nǎ mo wǒ men zěn mo bàn?

หากว่า เขาไม่มาจริงๆ  ถ้าอย่างนั้นแล้ว เราจะทำอย่างไรดี

 

2.4   ประโยคหักมุม

           (其实)……,只是 / 不过……。(ความจริงแล้ว......เพียงแต่ว่า......)

其实我不想这么选择,只是 这次我必须这么选择。

(ต.  其實 我不想這麽選擇,只是 這次我必須這麽選擇。)

Qí shí wǒ bù xiǎng zhè mo xuǎn zé ,zhī shì zhè cì wǒ bì xū zhè mo xuǎn zé。

ความจริงแล้ผมไม่อยากเลือกแบบนี้  เพียงแต่ว่ครั้งนี้ผมจำเป็นต้องเลือกแบบนี้

 

           虽然……但是……。(ถึงแม้ว่า...... แต่ว่า......)

虽然 我并不欣赏他,但是我不得不跟他合作。

(ต.  雖然 我并不欣賞他,但是我不得不跟他合作。)

Suī rán wǒ bìng bù xīn shǎng  tā,dàn shì wǒ bù de bù gēn tā hé zuò。

แม้ว่ผมไม่ชื่นชมในตัวเขาเลย   แต่ผมไม่อาจไม่ให้ความร่วมมือกับเขา

 

 

  ……却……。  (......  กลับจะ......)

大家都排斥这孩子,我父亲没有那样做。

(ต.  大家都排斥 這孩子,我父親卻沒有那樣做。)

Dà jiā dōu pái chì zhè hái zi,wǒ fù qīn què méi yǒu nǎ yàng zuò。

ทุกคนล้วนมีท่าทีกีดกันเด็กคนนี้   แต่พ่อของผมกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น

 

2.5   ประโยคหักมุมแบบมีจุดประสงค์เพื่อการต่อรอง

           尽管……,也……。(ต่อให้......  ก็......อยู่ดี)

尽管你是世界上最后一个人,我不会求你的!

(ต.  盡管你是世界上最後一個人,我也不會求你的! )

Jìn guǎn nǐ shì shì jiè shàng zuì hòu yī gè rén,wǒ yě bù huì qiú nǐ de!

ต่อให้คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้   ผมก็จะไม่ขอร้องคุณอยู่ดี

 

* 尽管 สามารถแทนด้วยคำเหล่านี้   即使 ; 固然 ; 就算 ; 就是 ; 哪怕

 

即使 你是世界上最后一个人,我 不会求你的!

就算 你是世界上最后一个人,我 不会求你的!

哪怕 你是世界上最后一个人,我 不会求你的!

 

ข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคความรวม

1. หากในประโยคมีประธานตัวเดียวกัน   สามารถละประธานไว้ในฐานที่เข้าใจ  เช่น

他们主张独立,主张自由,主张和平。

(ต.  他們 主張獨立,主張自由,主張和平。)

Tā men zhǔ zhāng dú lì ,zhǔ zhāng zì yóu,zhǔ zhāng hé píng。

พวกเขานำเสนอเอกราช  นำเสนออิสรภาพ  นำเสนอสันติภาพ

(ประโยคนี้ละประธานของประโยคหลัง)

 

如果看到 朋友 遇难,总是拔刀相助。

(ต.  如果看到朋友遇難,他總是拔刀相助。)

Rú guǒ kàn dào péng yǒu  yù nàn ,tā zǒng shì bá dāo xiāng zhù 。

หาก เพื่อนพ้อง ประสบเหตุภัย   เขามักจะเข้าช่วยเหลืออยู่เสมอ 

(ประโยคนี้ละประธานของประโยคหน้า)

 

2.  หากเป็นประโยคที่ประโยคหน้าและหลังมีประธานตัวเดียวกัน   คำสันธานของประโยคหน้าจะวางอยู่หลังประธาน   แต่หากเป็นประโยคที่ประโยคหน้าและหลังมีประธานคนละตัวกัน  คำสันธานของประโยคหน้าจะวางอยู่หน้าประธาน  เช่น

 

不但是班长,还当过学生会会长。(不但วางไว้หลังประธาน)

(ต.  她不但是班長,還當過學生會會長。)

Tā bú dàn shì bān zhǎng,huán dāng guò xué shēng huì huì zhǎng 。

หล่อนไม่เพียงแต่เป็นหัวหน้าชั้น ยังเคยดำรงตำแหน่งประธานสมาคมนักศึกษาอีกด้วย

 

不但她是班长,她姐姐也是班长。(不但วางไว้หน้าประธาน)

(ต.  不但她是班長,她姐姐也是班長。)

Bú dàn tā shì bān zhǎng,tā jiě jiě yě shì bān zhǎng。

ไม่เพียงแต่หล่อนเป็นหัวหน้าชั้น  พี่สาวของหล่อนก็เป็นหัวหน้าชั้นเช่นกัน

 

即使 考不上,也不会感到失望。(即使วางไว้หลังประธาน)

Tā  jí shǐ  kǎo bù shàng,yě bù huì gǎn dào shī wàng。

ต่อให้เขาสอบไม่ติด ก็จะไม่รู้สึกผิดหวัง

 

即使 他考不上,我 也 不会感到失望。(即使วางไว้หน้าประธาน)

Jí shǐ  tā kǎo bù shàng,wǒ  yě  bù huì gǎn dào shī wàng。

ต่อให้เขาสอบไม่ติด   ผมก็จะไม่รู้สึกผิดหวัง

 

3. คำสันธานของประโยคหลังมักจะวางอยู่หน้าประธาน  เช่น

不但品尝过川菜,而且 我品尝过粤菜。

(ต.  不但品嘗過川菜,而且 我品嘗過粵菜。)

Bú dàn pǐn cháng guò chuān cài ,ér qiě  wǒ pǐn cháng guò yuè cài 。

ไม่เพียงแต่เคยลิ้มลองอาหารเสฉวน  แถมผมยังเคยลิ้มลองอาหารกวางตุ้ง

 

这不是我开的玩笑,而是他搞的恶作剧。

(ต.  這不是我開的玩笑,而是他搞的惡作劇。)

Zhè bú shì wǒ kāi de wán xiào,ér shì tā gǎo de è zuò jù 。

นี่ไม่ใช่การล้อเล่นของผม   แต่เป็การเล่นพิเรนทร์ของเขาต่างหาก

 

แต่คำสันธานบางคำจะวางไว้หลังประธาน เช่น 也、又、总是 เป็นต้น

 

4. ความแตกต่างระหว่างคำว่า  ต่อให้... (即使 ; 尽管 ; 就算)   กับคำว่า  ไม่ว่า... (无论 ; 不论 ; 不管)

              บ่อยครั้งที่นักเรียนนักศึกษาพบปัญหาสำคัญในการตัดสินใจเลือกคำตอบระหว่างคำว่า ต่อให้... กับคำว่า ไม่ว่า...  เพราะทั้งสองแบบ มีรูปประโยคหลังที่คล้ายกัน  เช่น 

* ต่อให้ คุณไม่เคยเรียนวิทยาศาสตร์ ก็อ่านรู้เรื่องอยู่ดี 

* ไม่ว่า คุณเคยเรียนวิทยาศาสตร์หรือไม่ ก็อ่านรู้เรื่องอยู่ดี   

 

              จำไว้เสมอว่า  ถ้าเป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ต่อให้... ”  ภาคแสดงที่ตามหลังมาจะมีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น   ส่วนประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไม่ว่า... ” ภาคแสดงที่ตามหลังมาจะมีทางเลือกสองทางเลือกขึ้นไป  ข้อสังเกตคือ ต้องปรากฏคำเหล่านี้ เช่น    ...หรือ...    ...อะไร   ....เท่าใด  ...แค่ไหน   เช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้

 

         尽管你不愿意卖给我,我也要买下来。

(ต.  盡管你不願意賣給我,我也要買下來。)

Jìn guǎn nǐ bù yuàn yì mài gěi wǒ,wǒ yě yào mǎi xià lái。

         ต่อให้คุณ ไม่ยอมขาย ให้ผม  ผมก็จะซื้อให้ได้

           

         无论你愿不愿意卖给我,我也要买下来。

         (ต.  無論你願不願意賣給我,我也要買下來。)

Wú lùn nǐ yuàn bù yuàn yì mài gěi wǒ,wǒ yě yào mǎi xià lái。

          ไม่ว่าคุณ ยอมขาย หรือ ไม่ยอมขาย  ผมก็จะซื้อให้ได้

           

         无论你买的价格是多少 ,我也要买下来。

         (ต.  無論你買的价格是多少,我也要買下來。)

Wú lùn nǐ mǎi de jià gé  shì duō shǎo ,wǒ yě yào mǎi xià lái。

         ไม่ว่าคุณจะ ขายราคาเท่าไร  ผมก็จะซื้อให้ได้

 

5.  โครงสร้าง  一边 X ,一边 Y มีความหมายคล้ายกับโครงสร้าง  X 着 Y  แต่ข้อควรระวังคือ โครงสร้าง X 着Y   ไม่สามารถสลับตำแหน่งกริยา X着 Y ได้     เช่น

 

         一边走,一边唱歌 เดินไปร้องเพลงไป = 走唱歌 ร้องเพลงขณะที่เดินอยู่

 

         吃饭,看书 ทานข้าวไปอ่านหนังสือไป  = 吃饭看书  อ่านหนังสือขณะทานข้าวอยู่  

(* 着  ต้องวางหลังกริยาเท่านั้น  เช่น  吃饭 à  吃饭)

     

         一边,一边 唱歌    สามารถสลับตำแหน่งเป็น  一边唱歌  ,一边

         吃饭,边看书  สามารถสลับตำแหน่งเป็น  边看书 ,边吃饭

 

         着唱歌     ไม่ สามารถสลับตำแหน่งเป็น 唱歌着

         看书    ไม่ สามารถสลับตำแหน่งเป็น  看着书吃饭

 

 

 

 

........................................................................