ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ม.ต้น ตอนที่ 1
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ม.ต้น ตอนที่ 2
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ม.ต้น ตอนที่ 3
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ม.ต้น ตอนที่ 4 (จบ)
|
 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ประวัติความเป็นมา
ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู นับว่าเป็นศาสนาที่เก่าแก่ ไม่อาจนับจำนวน ปีที่ที่แน่นอนได้ เพียงแต่ประมาณเวลาได้เท่านั้น นักการศาสนา นักปรัชญา นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี ได้แบ่งยุคของลัทธิ ศาสนานี้ออกเป็นหลายแบบแตกต่างกัน เช่น พระเทพวิสุทธิเมธี (พุทธทาสภิกขุ) แบ่งตามแนวประวัติศาสตรเป็น 7 ยุค คือ ยุคก่อนอารยัน ยุคอารยันเข้าอินเดีย ยุคฤคเวท ยุเวทต่าง ๆ ยุคพราหมณะ ยุอุปนิษัท และยุคพุทธกาล
สรุปประวัติของศาสนาพราหมณ์ จะแบ่งวิวัฒนาการออกเป็น 2 ช่วง คือ
1. สมัยพระเวท เป็นสมัยที่มีความเชื่อในเรื่องเทพเจ้ามากมายหลายพระองค์ (ซึ่งย้ายมาประเทศไทยเกือบทุกพระองค์) แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ เทพบนพื้นโลก เทพบนอากาศ และเทพบนสวรรค์ ซึ่งมีเทพเจ้าที่มีความสำคัญ และถูกยกให้ยิ่งใหญ่ กว่าเทพเจ้าองค์อื่น ๆ คือ พระอินทร์ พระวรุณ และพระพฤหัสบดี ฯลฯ
2. สมัยพราหมณ์ ความเชื่อของมนุษย์ในสมัยนี้ ก้าวไกลออกไปถึงการหาเทพ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างโลก (เนรมิต) และสร้างสรรพสิ่ง (ลิขิต) เทพเจ้าอง๕ืใหม่นี้ เรียกว่า "พระพรหม" โดยพระองค์ เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่ง ก็เกิดจาก พระองค์ เมื่อตายแล้ว ก็ต้องกลับคืนสู่พระพรหม นอกจากนี้ ยังมีเทพเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่ อีก 2 องค์ คือ พระวิษณุ (พระนารายณ์) และ พระศิวะ (พระอิศวร) เทพเจ้าทั้ง 2 องค์ นี้ ได้รับการนับถือเทียบเท่ากับพระพรหม ทำให้เรียกเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ว่า "ตรีมูรติ" ซึ่งแปลว่า "รูปสาม" ดังกล่วแล้ว คือ
- พระพรหม เทพผู้สร้าง
- พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพผู้รักษา
- พระศิวะหรือพระอิศวร เทพผู้ทำลาย
จากความเชื่อเรื่องตรีมูรติ ทำให้เกิดความเชื่อในเรื่องของการเกิดยุค ซึ่งเรียกว่า "กัลป์" ซึ่งเป็นช่วงเวลาตั้งแต่พระพรหมสร้างโลก พระนารายณ์รักษาโลก ให้พ้นอำนาจของคนชั่ว จนกระทั่ง พระศิวะต้องทำหน้าที่มาล้างและทำลายโลก ดังนั้น 1 กัลป์ จึงมีช่วงเวลาตั้งแต่โลกถูกสร้างขึ้นมา จนถึงโลกถูกทำลายไป แบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ
กฤตยุค หมายถึง ยุคที่มนุษย์มีความดีอย่างเต็มเปี่ยม ไตรดายุค หมายถึง ยุคที่ความชั่วเริ่มเข้ามาในสังคม ประมาณ 1 ใน 4 แต่ความดียังมากกว่า ทวาปรยุค หมายถึง ยุคที่มีความชั่วเข้ามาในสังคมครึ่งหนึ่ง มีความดี และความชั่วเท่าเทียมกัน กลียุค หมายถึง ยุคที่มีความชั่วเข้ามา 3 ส่วน ความดีเหลืออยู่ เพียงส่วนเดียว ทำให้สังคมมีความชั่วมากกว่าความดี สังคมวุ่นวาย
การแบ่งวรรณะของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
วรรณะทั้ง 4 ระบบวรรณะเกิดจากพวก อริยะ หรือ อารยัน ซึ่งเข้ามารุกรานชนพื้นเมืองในอินเดียครั้งทำสงครามกับเจ้าของถิ่นเดิมซึ่ง เรียกว่าพวก มิลักขะ (หรือ ทัสสยุ หรือทราวิฑ) จนได้รับชัยชนะ
พวกมิลักขะต้องถอยร่นลงไปทางใต้ เหล่าอริยะจึงใช้ศาสนาพราหมณ์เป็นเครื่องมือในการแบ่งวรรณะ โดยถือว่าวรรณทั้ง 4 เกิดมาจากอวัยวะของพระพรหมที่ต่างกัน และพระพรหมได้กำหนดหน้าที่ให้วรรณะทั้ง 4 ต่าง ๆ กันไว้เรียบร้อยแล้ว วรรณะใหญ่ ๆ ในศาสนาพราหมณ์มีอยู่ 4 วรรณะ ดังนี้ 1. วรรณะพราหมณ์ เกิดจากโอษฐ์ของพระพรหม มีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะคือสีขาวซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์มีหน้าที่ กล่าวมนต์ ให้คำปรึกษากับพระเจ้าแผ่นดิน ตลอดจนสอนมนต์ให้แก่คนทั่วไป ส่วนพวกที่เป็นนักบวชก็ทำหน้าที่สอนไตรเภทและประกอบพิธีทางศาสนา 2. วรรณะกษัตริย์ เกิดจากพระอุระของพระพรหม และถือว่าสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ สีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะคือสีแดงซึ่งหมายถึงนักรบ ทำหน้าที่รบเพื่อป้องกันหรือขยายอาณาจักร รวมทั้งเป็นนักปกครอง เป็นพระเจ้าแผ่นดินหรือคณะผู้ปกครองแบบสามัคคีธรรม 3. วรรณะแพศย์ เกิดจากพระเพลา (ตัก) ของพระพรหมมีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะคือ สีเหลือง เป็นพวกแสวงหาทรัพย์สมบัติ ได้แก่พวกพ่อค้า คหบดี เศรษฐี และเกษตรกร 4. วรรณะศูทร เกิดจากพระบาท(เท้า) ของพระพรหม มีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะคือสีดำหรือสีอื่น ๆ ที่ไม่มีความสดใส มีหน้าที่เป็นกรรมกร ลูกจ้าง ยังมีคนอีกวรรณะหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นพวกต่ำสุด คือ จัณฑาล ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ต่างวรรณะกัน ถือเป็นพวกจัณฑาล ซึ่งจะถูกรังเกียจและเหยียดหยาม ไม่มีคนในวรรณะอื่นคบหาสมาคมด้วย
นารายณ์ปางต่าง ๆ
-
มัตสยาวตาร อวตารลงมาเป็นปลา เพื่อช่วยมนุษย์เมื่อคราวน้ำท่วมโลก ฆ่ายักษ์ ที่ชื่อยหครีวะ ผู้เป็นต้นเหตุให้มนุษย์มีความเห็นผิดลุ่มหลง
- กูรมาวตาร อวตารลงมาเป็นเต่าในทะเลน้ำนม (เกษียรสาคร) เอาหลังรองรับ ภูเขาชื่อมันทาระ เทพยดานำพญานาคมาต่างเชือกชักภูเขา เพื่อกวนมหาสมุนทร (นารายณ์เกษียรสมุนทร) ให้เกิดน้ำอมฤต และสิ่งมีค่า อื่น ๆ รวม 14 อย่าง
-
วราหาวตาร อวตารลงมาเป็นหมู่ป่า เพื่อปราบยักษ์ ผู้มีนามว่า "หิรัณยากษะ" ผู้จับโลกกดลงไปใต้ทะเล ตามตำนานกล่าวว่า แต่เดิมโลก เป็ฯก้อนน้ำกลม แต่ด้วยเขี้ยวของหมูป่าดุนให้โลกสูงขึ้นมาจากน้ำได้ คนจึงได้อาศัยอยู่บนโลกทุกวันนี้
-
นรสิงหาวตาร อวตารลงมาเป็นมนุษย์สิงห์ คือครึ่งมนุษย์ครึ่งสิงห์ เพื่อปราบยักษ์ชื่อ "หิรันยกศิปุฯ ผู้ได้พรจากพระพรหมว่า จะไม่ถูกมนุษย์ เทพ หรือสัตว์ฆ่าให้ตายได้ ยักษ์จึงกำเริบรุกานโลกทั้ง 3 (สวรรค์ มนุษย์ ยม หรือนรก) พระนารายณ์ จึงอวตารเป็นนรสิงห์ ทำลายยักษ์นั้น ถึงแก่ชีวิต เพราะนรสิงห์มิใช่คน มิใช่สัตว์
-
วามนาวตาร อวตารลงมาเป็นคนค่อม เพื่อปราบยักษ์ชื่อพลิ มิให้มีอำนาจ ครองโลกทั้ง 3 โดยขอเนื้อที่เพียง 3 ก้าว เมื่อพลิยักษ์ ยินยอม จึงก้าวไป 2 ก้าว ก็เกินสวรรค์และเกินโลก แต่ด้วยความกรุณา จึงประทานโลกใต้บาดาล ให้ยักษ์นั้นไป
-
ปรศุรามาวตาร อวตารลงมาเป็นรามผู้ถือขวาน ในเรื่องเล่ากันว่า พระวิษณุ อวตารลงมาเป็นบุตรของพราหมณ์ ผู้มีนามว่า "ยมทัคนี" และสืบสกุลมาจาก ภฤคุ เื่พื่อป้องกันมิให้กษัตริย์ครอบครองอาณาจักรเหนือวรรณะพราหมณ์ ปรศุราม ได้ชำระโลกถึง 21 ครั้ง เพื่อให้ปราศจากวรรณะกษัตริย์
-
รามาวตาร อวตารลงมาเป็นรามจันทร์ (พระราม ผู้อ่อนโยน หรือ เปรียบเสมือนพระจันทร์ คือ เป็ฯพระรามในเรื่องรามายณะ หรือ ที่ไทยเรา เรียกว่า "รามเกียรติ์" เพื่อปราบยักษ์ชื่อวรรณะ หรือทศกัณฐ์
-
กฤษณาวตาร อวตารลงเป็นพระกฤษณะ (ผู้มีผิวดำ) ในเรื่องมหาภารตะ เพื่อทำลายกษัตริย์กังสะผู้ทารุณ ซึ่งเท่ากับเป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้าย การปราบผู้ชั่วร้ายเช่นนี้ ย่อมคล้ายคลึงกับอวตารที่ 7 ที่ทรงปราบทศกัณฐ์
-
พุทธาวตาร หรือ ปางมายา อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า เหตุผลทางฝ่าย พราหมณ์ บางพวกผู้เกลียดพระพุทธศาสนาก็ว่า พระวิษณุ อวตารลงมาเป็น พระพุทธเจ้า แต่เหตุผลอีกทางหนึ่ง ศาสนาฮินดูเห็นว่า จะสู้พระพุทธศาสนา ไม่ได้ จึงแต่งเรื่องนี้ขึ้น เพื่อกลืนพระพุทธศาสนา เข้ามาไว้ในศาสนาฮินดู ดังกล่าวแล้ว บางพวก บอกว่า อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อลวง พวกอสูรให้ไปนับถือพระพุทธเจ้า จึงเรียกว่า ปางมายา เทวดาจะได้มานับถือพราหมณ์ ดังนั้น ผู้ที่เป็นชาวพุทธ ถือว่าเป็นอสูรในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู (ศาสนาคริสต์ ก็เลียนแบบพราหมณ์ โดยบอกว่า พระพุทธเจ้า เป็นประกาศกของพระเยซู ผู้ใคร่ศึกษา ควรหาอ่านดู)
- กัลกยาวตาร อวตารลงมาเป็นกัลกี หรือกัลกีน คือ บุรุษขี่ม้าขาว ถือดาบ มีแสงแปลบปลาบดั่งดาวหาง ปางนี้ เรียกอีกอย่างว่า อัศวาวตาร เพื่อปราบ คนชั่วและสถาปนาธรรมขึ้นใหม่ในโลก
|
ที่มา: https://allknowledges.tripod.com/brahmin.html