“อ่านหนังสือเล่นทั้งวันจะไปทำมาหากินอะไร’ ผู้ปกครองผู้เขียนถามเสมอเมื่ออยู่มัธยมฯ ท่านว่าบ้านเราไม่มีเงินมากให้ไปซื้อหนังสือเล่มแพง ๆ และไม่ได้โตมาบนกองเงินกองทองขนาดจะมานอนอ่านหนังสือเล่นทั้งวันได้ !
ในฐานะที่เป็นลูก การที่ไม่ได้รับความสนับสนุนหรือกำลังใจที่ดีจากพ่อแม่ในเรื่องความชอบ ความสนใจ งานอดิเรก หรือการเรียนต่อแล้วย่อมเป็นงานที่หนัก เรียกว่าเกือบจะมืดแปดด้านเลยก็ว่าได้ แต่ในความมืดมันก็ยังมีความหวังอยู่นะ ไปดูเหตุผลดี ๆ คำแนะนำต่าง ๆ เพื่อเอาไว้ซัพพอร์ตตัวเองสำหรับใครที่พ่อแม่ไม่ค่อยปลื้มถ้าอยากจะเรียนด้านศิลปะกัน
เริ่มแรกให้ลองยกตัวอย่าง อธิบายสิ่งที่ต้องใช้ศิลปะที่เข้าใจง่าย ๆ ให้พ่อแม่เข้าใจ ศิลปะไม่ได้มีแค่วาดรูปสวย ๆ แล้วจบ ทุกอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้นเกี่ยวกับศิลปะหมด ตั้งแต่ขวดน้ำปลายันใบขับขี่ ลองยกตัวอย่างสิ่งของ งานออกแบบในชีวิตประจำวันที่พ่อแม่ของเราใช้เป็นประจำว่าในนั้นมีการใช้ศิลปะด้านไหน หรือศิลปินดัง ๆ ที่พ่อแม่เราอาจจะรู้จัก เขาอาจจะเห็นภาพมากขึ้นแล้วใจอ่อนลงก็ได้ ว่าความจริงแล้วงานที่เกี่ยวกับศิลปะมันเยอะแยะมากมายและแบรนด์ต่าง ๆ ปัจจุบันก็ต้องการคนที่ทำงานศิลปะมาร่วมงานทั้งนั้น
การเดินสายประกวดจะดีทั้งต่อตัวเราเองและต่อปัญหาครอบครัวไม่ปลื้ม ถ้าหากเรามีรางวัลสักชิ้นให้เป็นที่ประจักษ์ พ่อแม่เราจะต้องเริ่มชั่งใจ เพราะคนเป็นพ่อแม่ เขาก็ต้องการอะไรบางอย่างที่จับต้องได้มาประกอบการตัดสินใจว่าเรามีความสามารถจริง ๆ ไม่ได้คิดไปเอง พิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นว่าเรามีแรงจูงใจสูง บางครั้งรางวัลหรือชัยชนะอาจจะไม่ใช่สิ่งที่บอกว่าเราเก่งหรือไม่เก่ง แต่เป็นความกล้าที่จะออกจาก comfort zone ไปประกวด ไปทดสอบความสามารถบนเวทีต่าง ๆ พาตัวเองออกไปหาประสบการณ์ แพ้ชนะไม่เป็นไร เพราะเราจะได้ฝึกฝีมือ ได้รู้จักเพื่อนในวงการเดียวกัน ได้มีผลงานใส่ในพอร์ต และพ่อแม่ต้องเห็นแน่นอนว่าเราพยายาม
ที่พ่อแม่หลายคนไม่โอเคกับการที่ลูกเรียนศิลปะ ส่วนหนึ่งก็เพราะคิดว่ามันดูเป็นงานที่ไม่ค่อยมั่นคง ดังนั้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับน้อง ๆ ที่ทางบ้านหวังพึ่งพาอาศัยเมื่อท่านแก่ตัวไป การเรียนเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็สำคัญ เราต้องดูว่าสาขาไหนในสายศิลปะที่เรียนแล้วมั่นคง แบบที่จบไปแล้วมีงานรองรับสูง เพราะถ้าเราจะประกอบอาชีพอิสระอย่างเดียว ความเสี่ยงมันก็สูงตาม แต่ถ้าเป็นพวกสาขาออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบผลิตภัณฑ์ นิเทศศิลป์ แฟชั่น หรือสถาปัตย์ฯ สาขาพวกนี้จะหางานง่ายเพราะเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ
การเรียนพื้นฐานด้านศิลปะก็สำคัญว่าต้องแน่นและฝีมือดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรียนศิลปะอย่างเดียวแล้วจะทำให้เราโดดเด่น ปัจจุบันศิลปินต้องเก่งรอบด้าน ส่วนมากจะได้สกิลการออกแบบในคอมพิวเตอร์ควบคู่ไปกับการวาดมือด้วย และที่สำคัญคือควรมีไอเดียธุรกิจ ความรู้เกี่ยวกับการตลาดร่วมด้วย เพราะต้องคำนวณต้นทุนการผลิตงาน ขายงานให้ลูกค้าได้คล่องแคล่ว เพราะเวลาทำงานจริงต้องใช้ความรู้เหล่านี้ด้วย ไม่ใช่แค่ความรู้ด้านศิลปะอย่างเดียว เหมือนที่อาชีพหมอก็ต้องเรียนรู้จิตวิทยา การพูดคุยกับคนไข้ ไม่ใช่แค่มีความรู้อย่างเดียวแล้วจบ
การเรียนศิลปะนั้นก็ไม่ต่างกับการเรียนไอที ที่ทั่วโลกใช้หลักการเดียวกันหรือไม่ได้แตกต่างกันมาก (แต่อาจจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่เรียนรู้ได้) เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากที่จะหอบความรู้ด้านศิลปะของเราติดปีกบินไปทำงานต่างประเทศเป็นแผนระยะยาว โดยเฉพาะสาขาออกแบบภายใน อุตสาหกรรม landscape แฟชั่น เซรามิก Animator ฯลฯ แต่สิ่งที่ต้องได้เลยก็คือภาษา หากเราจะไปทำงานที่ประเทศไหน เราก็ต้องได้ภาษาของประเทศนั้น ๆ เราสามารถเทียบวุฒิและไปทำงานประเทศที่ต้องการได้ ซึ่งค่าตอบแทนก็จะสูงกว่าหลายเท่า สูงมากถึงขนาดที่พ่อแม่ก็ปฏิเสธไม่ได้
แหล่งข้อมูล
- 10 ความเข้าใจผิดๆ ของการเรียนศิลปะ ที่รู้แล้วจะเปลี่ยนความคิดใหม่