สัตวแพทย์
สัตวแพทย์
สัตวแพทย์
สัตวแพทย์

       สัตวแพทย์เป็นแพทย์ที่คอยดูแลสุขภาพสัตว์ วินิจฉัย รักษา ป้องกันโรค และคิดค้นยาและพัฒนาวิธีการรักษาโรคสัตว์หลายชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์และสัตว์ประเภทอื่นๆ โดยใช้การสอบถามประวัติสัตว์ป่วยจากเจ้าของ อาการที่สัตว์แสดงออกมา ประกอบกับผลทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางสัตวแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์ปัญหาด้านสุขภาพให้แก่สัตว์ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดและมีสุขภาพที่แข็งแรง

หน้าที่ สัตวแพทย์ (Veterinarian)
หนึ่งวันของการทำงาน
ความก้าวหน้าทางอาชีพ

ลักษณะงาน

       สัตวแพทย์มีหน้าที่หลักในการรักษาสัตว์ที่เจ็บป่วย ได้รับอุบัติเหตุ และกรณีอื่น ๆ โดยสัตวแพทย์สามารถทำงานหลายประเภท

  • สัตวแพทย์เวชศาสตร์ มีหน้าที่รักษาสัตว์เลี้ยงในคลินิกส่วนตัวและโรงพยาบาลสัตว์ โดยทั่วไปมีหน้าที่รักษาสุนัข แมว รวมถึงสัตว์เลี้ยงพิเศษ เช่น นก กระต่าย เต่า  เฟอร์เร็ต เป็นต้น สัตวแพทย์ต้องทำการวินิจฉัยและรักษาปัญหาทางสุขภาพ; ปรึกษากับเจ้าของสัตว์เลี้ยง เพื่อทำการรักษาและป้องกันปัญหาสุขภาพ รวมถึงการควบคุมจ่ายยาและทำการผ่าตัด และหน้าที่อื่นๆ เช่น การฉีดวัคซีน การทำฟัน หรือดามกระดูก นอกจากนี้ยังมีสัตวแพทย์ที่ดูแลรักษาสัตว์น้ำ สัตว์ป่า สัตว์ในสวนสัตว์ ซึ่งแต่ละประเภทที่กล่าวมานี้จะทำงานแตกต่างกันตามชนิดของสัตว์ที่ต้องดูแล และสถานที่ทำงาน
  • สัตวแพทย์ประจำฟาร์ม มีหน้าที่ในฟาร์มสัตว์ต่างๆ เช่น หมู สัตว์ปีก แพะ วัว ควาย หน้าที่คือ ทำงานร่วมกับสัตวบาล**ควบคุมการจัดการดูแลของสัตว์ ถ้าหากเราจัดการการเลี้ยงดูสัตว์ไม่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์เหล่านั้นก็จะมีคุณภาพไม่ดีได้ รวมทั้งต้องดูแลด้านอาหารให้แก่สัตว์ให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต นอกจากนี้พวกเขามีหน้าที่ในการรักษาโรค   และอุบัติเหตุที่เกิดในสัตว์ รวมไปถึงการทดสอบวัคซีนป้องกันโรค และให้คำแนะนำกับเจ้าของฟาร์มหรือผู้จัดการฟาร์มเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย และการรักษาป้องกันโรค บางหน่วยงานอาจต้องร่วมทำการวิจัย ปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ผสมพันธุ์สัตว์ การดูแลสัตว์  การควบคุมโรคไม่ให้มีการระบาดในสัตว์ด้วย

**สัตวบาล เป็นอีกวิชาชีพหนึ่งที่จบการศึกษาจากภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ดูแลงานด้านการเลี้ยงดูสัตว์แตกต่างจากจากสัตวแพทย์ที่จะรับผิดชอบด้านการรักษา 

  • สัตวแพทย์ผู้ตรวจสอบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์อาหาร มีหน้าที่ตรวจสอบและทดสอบผลิตภัณฑ์จากสัตว์เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพปราศจากโรคติดต่อและสารตกค้าง ทำการศึกษาเพื่อพัฒนาสุขภาพ ควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด รวมทั้งทำหน้าที่ออกแบบและจัดทำโครงการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคระหว่างสัตว์สู่สัตว์และสัตว์สู่คน
  • สัตวแพทย์สนาม สัตวแพทย์ที่ออกนอกพื้นที่ไปตามโครงการต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบโรคของสัตว์ และรักษาสัตว์แต่ละชนิดตามที่ได้รับมอบ เช่น โครงการติดตามนกล่าเหยื่อ สัตวแพทย์ก็ต้องคอยรักษาและตรวจสอบนกแต่ละตัวว่ามีโรคหรือมีสุขภาพแข็งแรงหรือไม่
  • สัตวแพทย์ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนขายและนักวิชาการของบริษัทเอกชน ซึ่งทำหน้าที่ใช้ความรู้ที่เรียนมาในการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์ อาทิเช่น ยาสัตว์ วัคซีนสัตว์ อาหารสัตว์ รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ทั้งในการเลี้ยงดูสัตว์ และในการรักษาสัตว์ โดยจะแบ่งออกเป็นผิลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ สัตแพทย์ในสายงานนี้สามารถเติบโตเป็นเจ้าของกิจการผู้พัฒนา ผลิต นำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์ได้
  • สัตวแพทย์ที่ทำงานด้านงานวิจัยและงานทางวิชาการ เช่น นักวิจัย คณาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นต้น โดยสัตวแพทย์สามรถศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ทำงานวิจัยที่เกี่ยวกับเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ทั้งโรคในสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์กับคน โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ การพัฒนายา วัคซีน เพื่อการรักษา ควบคุมและป้องกันโรค รวมถึงการวิจัยพัฒนาวิธีการและเทคนิคที่ทันสมัยในการรักษาสัตว์ เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงสัตวแพทย์ที่ทำงานวิจัยด้านน้ำเชื้อ การผสมเทียมในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ช่วยพัฒนางานทางด้านอนุรักษ์สัตว์ป่าของประเทศไทย

ขั้นตอนการทำงาน

  • เบื้องต้นทำการซักประวัติสัตว์ป่วย โดยการสอบถามอาการจากเจ้าของ ตรวจเช็คอาการที่สัตว์แสดงออกมา ในบางครั้งต้องใช้ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ เช่น ผลการตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ มาช่วยในการวิเคราะห์และวินิจฉัยโรค รักษาและทำแผล •ทำการผ่าตัด จ่ายยา รวมทั้งฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค 
  • ควบคุมการใช้อุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่อง X-ray 
  • แนะนำกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงเกี่ยวกับการดูแล อาการป่วยและวิธีรักษาอาการ
  • หากเป็นงานด้านปศุสัตว์จะต้องดูแลเรื่องปัญหาที่ส่งผลต่อการขยายพันธุ์ในฟาร์ม ค้นคว้าและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อ ปัญหาด้านการจัดการและโภชนาการด้วย

สถานที่ทำงาน

       สัตวแพทย์ทำงานได้ทั้งในคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ นอกจากนี้มีการทำงานในฟาร์มสัตว์ ห้องแลป บางครั้งอาจต้องทำงานนอกสถานที่ ทำการผ่าตัดนอกสถานที่ในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยชนิดนั้น ๆ ได้ สถานที่ต้องไปอาจขึ้นอยู่กับสัตว์แต่ละชนิดด้วย เช่น สัตว์ป่า สัตว์ในสวนสัตว์ สัตว์ในฟาร์ม สัตว์น้ำทั้งในธรรมชาติหรือ Aquarium เป็นต้น
       หากสัตวแพทย์บางท่านมีหน้าที่ความปลอดภัยผลิตภัณฑ์อาหาร อาจต้องเดินทางไปยังฟาร์มสัตว์ โรงฆ่าสัตว์และโรงงานผลิตอาหารเพื่อตรวจสอบคุณภาพและรับรองกระบวนการผลิตให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานข้อกำหนด

ผู้ที่ต้องทำงานด้วย

  • พยาบาลสัตว์หรือผู้ช่วยสัตวแพทย์ คือผู้ร่วมงานสำคัญที่สัตวแพทย์จะต้องพึ่งพาในการทำงาน เพราะทำงานร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ เช่น ช่วยเหลือในเรื่องการจับบังคับสัตว์ การเตรียมอุปกรณ์ การทำแผล การฉีดยา การเก็บตัวอย่างส่งตรวจห้องปฏิบัติการ รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือ ต่างๆ ในขณะทำการรักษาและการผ่าตัด
  • นักเทคนิคการสัตวแพทย์ เทียบได้กับนักเทคนิคการแพทย์ของคน ทำงานในโรงพยาบาลสัตว์หรือห้องวิจัย ทำหน้าที่ตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ การเพาะเชื้อ รวมถึงการตรวจด้านชีวโมเลกุล และซีรั่มวิทยา โดยผลที่ได้จากการตรวจจะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องคอยให้คำปรึกษาและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับสัตวแพทย์ในการวินิจฉัยโรคเพื่อวางแผนการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
  • เจ้าของสัตว์เลี้ยง เจ้าของฟาร์ม หรือผู้รับบริการที่เป็นเจ้าของสัตว์ ซึ่งสัตวแพทย์จะต้องรับมือจากความคาดหวังของพวกเขาที่ต้องการให้สัตว์เลี้ยงของตนได้รับการดูแลอย่างดี ดังนั้นการสื่อสารที่ถูกต้องเหมาะสม ประนีประนอมและเห็นอกเห็นใจจะช่วยให้แพทย์ทำงานง่าย และสัตว์ก็ได้รับการดูแลจากเจ้าของอย่างถูกต้องด้วย

เงินเดือน สัตวแพทย์ (Veterinarian)

 

ตำแหน่งและเส้นทางการเติบโต  

       หากต้องการเติบโตในเส้นทางสายราชการ จะตำแหน่งการเติบโตที่กำหนดไว้แล้ว เช่น สัตวแพทย์ปฏิบัติการ สัตวแพทย์ชำนาญการ สัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ โดยตัวอย่างเส้นทางอาชีพของบางหน่วยงานรัฐ อาจมีได้ดังนี้ หากต้องการเติบโตไปเป็นปศุสัตว์ประจำจังหวัด 
ต้องเริ่มต้นจากระดับปฏิบัติการระดับปฏิบัติการ แล้วเติบโตเป็นหัวหน้าสถานี/ปศุสตว์อำเภอ โดยต้องทำงานไม่ต่ำกว่า 6 ปี จะสามารถเติบโตขึ้นไปในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศการปศุสัตว์/ หัวหนัาด่านกักสัตว์ แล้วจึงจะสามารถเข้ารับการคัดเลือกเพื่อเป็นปศุสัตว์จังหวัด
ในอีกสายทางหนึ่ง หลังจากทำงานเป็นนายสัตวแพทย์หรือนักวิชาการสัตวบาลหรือเป็นปศุสัตว์อำเภอแล้วโดยทำงานเป็นผู้ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ปี จะสามารถได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม ผอ.ส่วน หรือผอ.ศูนย์ แล้วจึงจะสามารถเข้ารับการคัดเลือกเพื่อเป็นปศุสัตว์จังหวัดได้ 

       ในสายงานองค์กรเอกชน การเติบโตจะเน้นการสั่งสมประสบการณ์ เลือกแผนกตามความชอบหรือถนัด เพื่อเลื่อนขั้นตำแหน่งไปจนถึงระดับผู้บริหาร  
และหากเพิ่มพูนประสบการณ์ด้วยการเรียนในระดับปริญญาโทหรือเอกยังสามารถมีโอกาสในการทำงานสายวิชาการเป็นอาจารย์สอนในสถาบันหรือมหาวิทยาลัยทั่วไปที่มีหลักสูตรสัตวแพทย์อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารเป็นสัตวแพทย์อิสระโดยการเปิดคลีนิกรักษาสัตว์ได้เช่นกัน

รายได้

  • ในหน่วยงานราชการเริ่มต้นประมาณ 4,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับวุฒิทางการศึกษา
  • องค์กรเอกชนเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท

การแข่งขันและความต้องการทางการตลาด

       สัตวแพทย์ยังคงเป็นอาชีพที่ขาดแคลน และเมื่อเทียบกับทุกวันนี้มีคนเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น ทำให้ความต้องการในตลาดของอาชีพนี้ยังมีอยู่มาก นอกจากนี้งานสัตวแพทย์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่รักษาสัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง หน้าที่ของสัตวแพทย์ซึ่งช่วยดูแลโภชนาการ ดูแลโปรตีนให้คนคือ พวกเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่มนุษย์รับประทานเป็นอาหาร สัตวแพทย์จะมีหน้าที่ดูแลสัตว์เหล่านี้เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีเกียรติและเป็นการช่วยเหลือรวมทั้งอนุรักษ์สัตว์ต่าง ๆ อย่าง แพทย์สัตว์ป่าด้วย จึงเห็นได้ว่านอกจากจะเป็นอาชีพที่ขาดแคลนแล้ว ยังมีทางเลือกอาชีพในสายงานนี้อีกมากมายด้วย 

 

  • ถือเป็นอาชีพที่ได้รับความสุขและความภูมิใจจาการดูแลช่วยเหลือสัตว์ที่กำลังเป็นทุกข์จากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสัตว์น้ำและสัตว์ป่า
  • เป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทางอ้อม เพราะถือเป็นการป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์ไปสู่ คน สำหรับคนแต่ละคน สัตว์อาจเป็นเพื่อน เป็นเครื่องมือทำมาหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นการช่วยชีวิตสัตว์ที่มีความสำคัญกับคน  
  • ในการทำงานเป็นสัตวแพทย์ย่อมมีความเครียดเกิดขึ้น เพราะพวกเขาต้องทำงานกับสัตว์ที่มีอาการเจ็บป่วยและต้องให้คำปรึกษาแก่เจ้าของสัตว์ถึงอาการป่วยนั้น ๆ
  • สัตวแพทย์อาจมีโอกาสได้รับเชื้อโรคจากสัตว์ ถูกสัตว์กัดหรือทำร้ายขณะทำการรักษาได้ จึงต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ 
  • งานรักษาชีวิตให้สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ เลือกเวลาไม่ได้ บ่อยครั้งที่ต้องทำงานในช่วงเวลาเร่งด่วนและฉุกเฉินไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใดก็ตาม
  • ต้องเข้าใจในการเกิดแก่เจ็บตายของชีวิต เพราะในบางครั้งสัตวแพทย์ต้องมีการตัดสินใจร่วมกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงหากการรักษามาถึงทางตัน แล้วต้องตัดสินใจการุณยฆาตสัตว์นั้น 

 

  • รักสัตว์ ความรักและความเห็นอกเห็นใจสัตว์และผู้เป็นเจ้าของสัตว์ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด พวกเขาต้องปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความเมตตา เพราะสัตวแพทย์ต้องพบเจอกับความสกปรก มูลสัตว์ รวมทั้งความเศร้าโศกเสียใจของเจ้าของสัตว์ชนิดนั้นๆ ด้วย 
  • ช่างสังเกต เนื่องจากสัตว์ไม่สามารถบอกอาการเจ็บปวดของตนได้ การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดจะทำให้มีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคมากขึ้น
  • ละเอียดรอบคอบ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญเพราะการทำงานของสัตวแพทย์ หากสะเพร่าอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตของสัตว์ตัวนั้น ๆ ได้ 
  • มีความรู้ในการใช้เครื่องมือทางด้านสัตวแพทย์ เครื่องมือเหล่านี้ถือเป็นเครื่องมือเฉพาะในการรักษาสัตว์ ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดจะมีวิธีการใช้อุปกรณ์และเทคนิคที่แตกต่างกัน ความเชี่ยวชาญเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สัตวแพทย์พึงมี
  • ทักษะการสื่อสาร การสื่อสารเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับสัตวแพทย์ ซึ่งต้องใช้ในการอธิบายและแนะนำการรักษาให้แก่เจ้าของสัตว์ 
  • ทักษะความชำนาญ การทำงานด้วยความชำนาญและคล่องแคล่วเป็นทักษะที่สัตวแพทย์ต้องพัฒนา เช่น การควบคุมการทำงานของมือให้ถูกต้องแม่นยำในการผ่าตัดและการรักษาอื่นๆ
  • ทักษะการตัดสินใจ การตัดสินใจที่เด็ดขาดเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะพวกเขาต้องตัดสินชีวิตของสิ่งมีชีวิต พวกเขาต้องศึกษาและทดสอบเพื่อให้มั่นใจผลลัพธ์ในการรักษาที่ดี
  • ทักษะการแก้ไขปัญหา สัตวแพทย์ต้องวินิจฉัยโรคของสัตว์ให้แม่นยำ แม้บางครั้งอาจะต้องมีการทดลองรักษาด้วยวิธีที่หลากหลาย เพื่อรอดูผลการตอบสนองของการรักษา ในหลาย ๆ ครั้ง การแก้ปัญหาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการทำการรักษาสัตว์ป่วยเหล่านั้นให้ดีที่สุด 

 

 

 เรียน สัตวแพทย์ (Veterinarian)

การศึกษา

       ในหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต จะรับนักเรียนจากทุกแผนการเรียนของสายสามัญ รวมทั้งสายอาชีพและกศน. หลักสูตรนี้ใช้เวลาเรียนตลอดหลักสูตรเป็นเวลา 6 ปี โดยจะศึกษาวิชาพื้นฐานในการรักษาสัตว์ เช่น กายวิภาคศาสตร์ จุลชีววิทยา สรีรวิทยา เภสัชวิทยา พยาธิวิทยา เป็นต้น 

สถาบันที่เปิดรับ ได้แก่  

  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
  • มหาวิทยาลัยมหิดล
  • มหาวิทยาลับมหาสารคาม
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
  • ม.สงขลานครินทร์

Hard Skill

  • -เน้นความรู้ความเข้าใจในวิชาชีววิทยา เคมี และภาษาอังกฤษเป็นหลัก จะช่วยทำให้ศึกษาคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ได้ง่ายขึ้น
  • คลุกคลีและหมั่นหาความรู้เรื่องสรีระและเรื่องราวของสัตว์หลากหลายชนิด เพราะสัตวแพทย์ไม่ได้รักษาแค่เพียง สุนัข แมว หรือกระต่าย แต่ทุกวันนี้มีสัตว์มากมายหลายชนิดที่คนมักนำมาให้รักษา ผู้ที่สนใจเป็นสัตวแพทย์ หรือแม้แต่สัตวแพทย์เองควรรู้จักประยุกต์ใช้การรักษาให้เหมาะสมกับสัตว์ชนิดใหม่ที่ตนไม่คุ้นเคย
  • พัฒนาทักษะในการใช้อุปกรณ์ทางการสัตวแพทย์ ซึ่งยิ่งนับวันยิ่งมีนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น
  • ค้นหาและคอยอัพเดทข่าวสารเรื่องโปรแกรมใหม่ๆ ทั้งจากไทยและต่างประเทศ

Soft Skill

  • ฝึกทักษะในการปฏิสัมพันธ์และพยายามทำความเข้าใจถึงอารมณ์และความรุนแรงของสัตว์ชนิดต่างๆ ผ่านการแสดงออกที่แตกต่างไปตามชนิดกัน เพื่อระมัดระวังในระหว่างการรักษา 

กิจกรรมต่างๆ 

  • หาเวลาเข้ารับการฝึกงานกับหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับเช่น โรงพยาบาลสัตว์ สวนสัตว์ต่างๆ ซึ่งเปิดรับให้น้อง ๆ ระดับมัธยมเข้าร่วมฝึกงานได้ 
  • อ่านบทความหรือติดตามเรื่องราวข่าวสารด้านสัตวแพทย์ได้ ตามช่องทางต่าง ๆ ทั้ง online, podcast , youtube  
  • ในประเทศไทย มีสัตวแพทยสภา ที่สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของวงการสัตวแพทย์ของประเทศไทยได้
  • ลองเข้ามาฝึกงานกับโครงการ ทำ ก่อน ฝัน ของทรูปลูกปัญญา ซึ่งมีอาชีพสัตวแพทย์ให้น้อง ๆ ได้ร่วมใกล้ชิดกับการทำงานจริงของพี่ ๆ ด้วย 

วิชาที่เรียน

       ตัวอย่างวิชาเรียนที่สำคัญ อาทิ

  • กายวิภาคศาสตร์พัฒนาการทางการสัตวแพทย์
  • หลักการสัตวบาล
  • เคมีคลินิกทางการสัตวแพทย์ 

  • เภสัชวิทยาตามระบบทางการสัตวแพทย์ 

  • พิษวิทยาทางการสัตวแพทย์ 

  • พยาธิวิทยาตามระบบทางการสัตวแพทย์ 

  • โลหิตวิทยาและเซลล์วิทยาทางการสัตวแพทย์ 

  • กีฏวทิยาและอะคาโรควิทยาทางการสัตวแพทย์ 

  • หนอนพยาธิวิทยาทางการสัตวแพทย์ 

  • วิทยาสัตว์เซลล์เดียวทางการสัตวแพทย

  • โรคของสุนัขและแมว 

  • การจัดการสุขภาพฝูงสัตว์เคี้ยวเอื้อง

  • การจัดการสุขภาพฝูงสุกร 

  • วิทยาการสืบพันธุ์สุกร 

  • การจัดการสุขภาพสัตว์ปีก

  • อายุรศาสตร์สัตวน้ำ

เป็นต้น

เคล็ดลับการเรียน

  • แบ่งเวลาการทบทวนการเรียนให้ดี แม้ช่วงแรกจะเรียนแค่วิชาพื้นฐาน แต่เมื่อขึ้นชั้นปีถัดไป จะหนักขึ้นเร่ื่อย ๆ 
  • ฝึกประสบการณ์ และจดจำเคสในเวลาเรียนให้ได้เยอะ ๆ เพราะในชีวิตจริงจะมีสัตว์หลากหลายชนิดและเคสมากมายท้าทายให้สัตวแพทย์ต้องทำการรักษา 

 

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย 

       จะเรียนหลักสูตร 6 ปี แบ่งย่อย ๆ เป็น 3 ส่วน  โดยจะเริ่มเรียนวิชาความรู้พื้นฐานทั่วไปใน อย่างชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ ภาษาอังกฤษ แล้วเรียน Pre-Clinic ความรู้พื้นฐานทางสัตวแพทย์ จากนั้นจึงเริ่มรวบรวมความรู้มาใช้ปฏิบัติจริงในการเรียนขั้น Clinic แล้วจึงสอบประมวลความรู้เพื่อรับใบประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์ในชั้นปีถัดมา จนในปีสุดท้ายจะทำการศึกษากับสัตว์ป่วย ที่มารักษาในโรงพยาบาลสัตว์จริง ๆ ทั้งสัตว์เล็กและปศุสัตว์ โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของอาจารย์สัตวแพทย์

 

อาชีพใกล้เคียงหรือเรียกได้ว่ามีลักษณะงานที่คล้ายคลึงกัน อาทิ

  • นักเทคนิคการสัตวแพทย์ (PR Agency)
  • รับราชการในกรมปศุสัตว์
  • อาจารย์มหาวิทยาลัย
  • ผู้แทนขายผลิตภัณฑ์ยาหรืออาหารสัตว์

Copyright © 2019 TruePlookpanya. All rights reserved.
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร