หลักการใช้ Present Simple Tense
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 83.8K views



หลักการใช้ Present Simple Tense

การใช้ Present Simple Tense มีวิธีใช้ดังนี้ คือ

1. เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น

                                The earth moves round the sun.

                        Tigers are dangerous animals.

                        John is the youngest son.

            2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัย ในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย คือ always, sometimes, generally, often, every day, every week, every month, etc. เช่น

                                My son sometimes plays tennis with his father.

                        He always gets up at eight o’clock.

                        The bus comes every ten minutes.

            ในประโยคปฏิเสธ (Negative Form)มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ

                1. ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น (can, may, must, will, shall) สามารถเติม not หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันที เช่น

                                She is a teacher.           →        She is not a teacher.

                        I can play baseball.       →        I cannot play baseball./ I can’t play baseball.

            2. ในประโยค Present Simple Tense ที่ไม่มี Verb to be หรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ

                                2.1 ใช้ do not หรือ don’t (รูปย่อของ  do not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ ที่ไม่ได้เติม s, es เช่น

                                We walk to school every day.

            เป็น         We do not walk to school every day.

            หรือ       We don’t walk to school every day.

                        The children always make a loud noise.

            เป็น       The children do not always make a loud noise.

            หรือ       The children don’t always make a loud noise.

                        2.2 ใช้ does not หรือ doesn’t (รูปย่อของ does not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s, es โดยตัด sหรือ es ก่อน เช่น

                                The baby sleeps well every night.

            เป็น         The baby does not sleeps well every night.

            หรือ       The baby doesn’t sleeps well every night.

            ในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s, es ออก แล้วกลับมา ใช้ตัวเดิมก่อน เช่น

                        The baby cries every night.

            เป็น         The baby does not cry every night.

            หรือ       The baby doesn’t cry every night.

            (ในที่นี้จะต้องตัด ies ออกก่อนแล้วกลับมาเติม y เหมือนเดิม เมื่อใช้ does not เช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน)

                ในประโยคคำถาม (Interrogative Form) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ

                1. ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be หรือกริยาช่วยตัวอื่นๆ ให้นำเอาคำกริยาช่วยในประโยค มาวางไว้หน้าประธาน แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น

                You are a nurse.           →        Are you a nurse?

            They can speak English.            →        Can they speak English?

            2. ในประโยค Present Simple Tense ที่ไม่มี Verb to be หรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้

                                2.1 ใช้ do วางไว้หน้าประธาน (พหูพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้เติม s, es แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค

                                We have lunch at twelve.          →        Do we have lunch at twelve?

                        Susan and I play tennis every day.         →        Do Susan and I play tennis every day?

                        2.2 ใช้does วางไว้หน้าประธาน (เอกพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติม s, es โดยตัด s, es ออกเสียก่อน แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค

                                He often goes to the beach.       →        Does he often go to the beach?

            ในกรณีที่คำกริยาแท้บางตัวต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s และ es ออก แล้วกลับมาใช้รูปเดิมของคำกริยาเสียก่อนที่จะใช้ does วางไว้หน้าประธานของประโยค เช่น

                                Jennifer tries to climb the mountain. → Does Jennifer try to climb the mountain?

หมายเหตุ ลักษณะของคำถามแบบนี้ จะต้องตอบด้วย Yes. หรือ No.